บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1123

บทที่ 1123 หากไร้วาสนาก็มิอาจเป็นราชัน

บทที่ 1123 หากไร้วาสนาก็มิอาจเป็นราชัน

ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น!

เฉินซีทั้งตกตะลึงและชื่นชมจนเผยความรู้สึกผ่านแววตา

เนื่องจากขอบเขตราชันเซียนนั้นอยู่เหนือขอบเขตเซียนปราชญ์มาแต่ไหนแต่ไร มีผู้เยี่ยมยุทธ์เพียงไม่กี่คนในภพเซียนที่สามารถบรรลุมาถึงขอบเขตนี้ และได้รับความเคารพจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

เหตุผลก็คือ นอกจากจะต้องบ่มเพาะในวิถีสู่ความเป็นเซียนจนถึงจุดสูงสุด รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในดวงจิตแห่งเต๋าและกฎแห่งมหาเต๋าแล้ว หากมีใครต้องการก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชันเซียน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการต่อต้านสวรรค์และต้องคว้าวาสนาของทั้งสามภพให้ได้!

กล่าวง่าย ๆ ก็คือ หากไร้วาสนาก็มิอาจเป็นราชัน!

น่าเสียดาย ที่วาสนาของทั้งสามภพนั้นไร้รูปร่าง มันเกิดจากการหมุนเวียนของมหาเต๋า ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์จำนวนนับไม่ถ้วนได้หยุดอยู่ที่หน้าขอบเขตราชันเซียน เพราะไม่อาจคว้าวาสนาของทั้งสามภพได้

แม้แต่ปัจจุบัน ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตในสี่พันเก้าร้อยทวีปของภพเซียน มีเพียงสี่คนที่บรรลุขอบเขตราชันเซียนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มันยากเพียงใดที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชันเซียน

ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นนั้นเหนือกว่าขอบเขตเซียนปราชญ์อยู่เล็กน้อย ทว่ายังด้อยกว่าขอบเขตราชันเซียนที่แท้จริง มันอยู่ระหว่างสองขอบเขตนี้ และเป็นตัวแทนของผู้ที่ก้าวผ่านกำแพงไปสู่ขอบเขตราชันเซียน แต่อีกเท้าหนึ่งยังคงอยู่นอกกำแพง

ผู้คนเหล่านี้ล้วนมีความสามารถในการพุ่งเข้าสู่ขอบเขตราชันเซียนแล้ว ขาดเพียงวาสนาเพื่อขัดเกลาตนเอง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นอาจถือได้ว่า เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ขอบเขตราชันเซียน!

ในปัจจุบัน สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ใช้บุคคลที่มีอำนาจสูงสุด เป็นประธานในการทดสอบการรับสมัคร ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปราชญ์อีกหกคนที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าให้ความสำคัญกับการรับสมัครนี้มากเพียงใด

“ฮึ่ม! หวังต้าวหลูคนนั้นชักอวดดีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!” เสียงคำรามทุ้มต่ำและเย็นชาของเถี่ยชิวอวี้ลอดผ่านหูของเฉินซี ชายหนุ่มจึงหันกลับมาและเห็นเถี่ยชิวอวี้กำลังแค่นหัวเราะเสียงเย็น ขณะจ้องมองชายวัยกลางคนที่มีการบ่มเพาะขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นซึ่งยืนอยู่กลางอากาศ ท่าทางของชายชรามีความไม่พอใจอยู่หลายส่วน

“หวังต้าวหลู? คงไม่ใช่คนที่ทำให้ผู้อาวุโสต้องสูญเสียศิลาอมตะไปหนึ่งแสนก้อนใช่หรือไม่?” เฉินซีตกใจ ขณะนึกถึงคำบ่นของเถี่ยชิวอวี้เมื่อตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองเซียนสัประยุทธ์

ชายหนุ่มกล่าวคำเหล่านี้ผ่านกระแสปราณ เพราะถึงอย่างไร คนผู้นี้ก็อยู่ในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

แต่ทว่า เฉินซีก็ยังสังเกตเห็น ชายวัยกลางคนที่ชื่อหวังต้าวหลูชำเลืองมองตนโดยไม่ได้ตั้งใจ

แม้ว่าจะเป็นการมองเพียงแวบเดียว แต่เฉินซีกลับรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณที่สั่นสะท้านราวกับว่าการมองนั้นได้เปิดเผยความลับทั้งหมดที่ตนปกปิดไว้ทั้งหมด!

โชคดีที่เป็นเพียงกวาดผ่านร่างของเฉินซี ก่อนจะหลุดที่เถี่ยชิวอวี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตกตะลึงในใจ เพราะการจ้องมองของขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นคนนี้ ช่างน่าหวั่นเกรงจริง ๆ

เถี่ยชิวอวี้กลับไม่หวั่นไหว ชายชราเชิดหน้าอกผอมของตนขึ้น ขณะจ้องมองหวังต้าวหลูอย่างเฉยเมย ความไม่พอใจบนใบหน้าก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น

เมื่อเฉินซีสังเกตเห็นว่า หวังต้าวหลูได้ถอนสายตาไปและไม่ได้ใส่ใจต่อเถี่ยชิวอวี้ สิ่งนี้ทำให้ชายหนึ่งตกตะลึงในใจ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เบื้องหลังของเถี่ยชิวอวี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มไม่คิดว่าระหว่างเถี่ยชิวอวี้และหวังต้าวหลูเป็นความปฏิปักษ์ ในทางกลับกัน จากปฏิกิริยาของพวกเขา คงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาบางอย่างแน่

“วันนั้นที่ข้าเห็นเจ้าในโถงวิญญาณยุทธ์เป็นครั้งแรก ข้าตั้งใจจะแนะนำเจ้าให้หวังต้าวหลูเพื่อเป็นศิษย์ของเขา น่าเสียดายที่ตาแก่คนนี้มีตาแต่หามีแววไม่ เขากลับเลือกเด็กสาวมาเป็นศิษย์ของตน ทำให้ข้าต้องเสียศิลาอมตะหนึ่งแสนก้อนไปโดยเปล่าประโยชน์!” เถี่ยชิวอวี้ถอนหายใจ ครั้งนี้ชายชราใช้การกล่าวผ่านกระแสปราณ และดูเหมือนไม่ต้องการให้หวังต้าวหลูได้ยินในสิ่งนี้

ชายชราตบไหล่เฉินซีแล้วกล่าวว่า “เจ้าต้องทำให้ดี อย่าทำให้ศิลาอมตะหนึ่งแสนก้อนของข้าต้องสูญเปล่า เจ้าต้องพิสูจน์ให้ทุกคนในโลกได้เห็นว่า หวังต้าวหลูมีตาแต่หามีแววไม่ และเขาสมควรเสียใจไปตลอดชีวิต! เขาสมควรไม่ได้รับโอกาสได้สอนสั่งสุริยันอันเจิดจ้า! เขาสมควรที่จะถูกนักพรตเต๋าเจี้ยงแซงหน้าตลอดไป!”

เฉินซีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ศิลาอมตะหนึ่งแสนก้อนนั้นเยอะมากหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเสแสร้ง เถี่ยชิวอวี้แค่ไม่พอใจที่หวังต้าวหลูไม่ยอมรับคำแนะนำของตนเท่านั้น

แต่เมื่อชายหนุ่มนึกถึงวิธีที่เถี่ยชิวอวี้แนะนำเขาให้รู้จักขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น เฉินซีรู้สึกตกใจและสะเทือนใจอย่างมาก

“เฮ้อ น่าเสียดายที่เจ้ามีเวลาบ่มเพาะน้อยเกินไป ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเอง จะเป็นการดีกว่าที่จะเข้าสู่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอย่างราบรื่นเสียก่อน และยังไม่สายเกินไปที่จะพิสูจน์ตัวเองกับหวังต้าวหลูในอนาคต” เถี่ยชิวอวี้ถอนหายใจและรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าชายชราไม่คิดว่าเฉินซีจะสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับโลกได้ในระหว่างการทดสอบครั้งนี้ หมายความว่า เฉินซีคงไม่สามารถพิสูจน์ให้หวังต้าวหลูเห็นว่าเถี่ยชิวอวี้ได้ตัดสินใจถูกต้องได้ในวันนั้น

เฉินซีหัวเราะเบา ๆ ขณะมองเถี่ยชิวอวี้ที่หดหู่

“แต่ข้าคาดหวังในตัวเจ้ามากจริง ๆ นะเจ้าหนู เจตจำนงเต๋าแห่งการต่อสู้ของเจ้าน่าเกรงขามมากจนหาได้ยากยิ่ง จงบ่มเพาะอย่างเหมาะสม และไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถกลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าอีกดวงหนึ่งในภพเซียน”

จู่ ๆ เถี่ยชิวอวี้ก็เริ่มหัวเราะ ชายชราก็หัวเราะอย่างอิ่มเอมใจขณะกล่าวช้า ๆ ผ่านกระแสปราณ “ในตอนนั้น หวังต้าวหลูจะต้องเสียใจอย่างยิ่งกับการตัดสินใจในวันนี้ ในฐานะหนึ่งในอาจารย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เมื่อเขาเลือกศิษย์เอกเพื่อสืบทอดวิชา หากศิษย์คนนั้นยังอยู่ในขอบเขตเซียนทองคำ เขาจะไม่สามารถรับศิษย์คนอื่นได้ ฮ่า ๆ! ด้วยวิธีนี้ เขาจะไม่สามารถรับเจ้าเป็นศิษย์ได้ ดังนั้นยิ่งเจ้าแสดงผลงานได้โดดเด่นมากเท่าใด ไอ้แก่นั้นก็จะยิ่งเสียใจมากขึ้นเท่านั้น ฮ่า ๆๆๆ!!!”

เฉินซีตกตะลึงอีกครั้ง “เฒ่าเถี่ยคนนี้นิสัยเสียจริง ๆ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]