บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1191

บทที่ 1191 มรดกของหม้อใบจิ๋ว

บทที่ 1191 มรดกของหม้อใบจิ๋ว

ภูเขาเมฆาไพศาล ณ เคหาระดับจักรพรรดิ

เมื่อเฉินซีกลับมา ชายหนุ่มยังคงคิดถึงสิ่งที่ได้รับในวันนี้

ประการแรก เขาซ่อมแซมหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำสำเร็จ และได้รับชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์ อีกทั้งยังได้รับแต้มดาราแปดแสนแต้มจากสิ่งนี้เช่นกัน เมื่อรวมกับแต้มดารา 160,000 แต้มที่ครอบครองอยู่ ยามนี้เขาจึงมีแต้มดาราทั้งหมด 960,000 แต้มแล้ว!

ประการที่สอง เขาได้รับกระบี่เซียนตะขอดาราของหัวเจี้ยนคง ซึ่งเป็นสมบัติอมตะระดับจักรวาลขั้นสูง เฉินซีทราบดีว่า เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับตนที่จะดึงพลังที่แท้จริงของกระบี่ออกมาได้ทั้งหมด ด้วยการบ่มเพาะในปัจจุบัน

แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยพลังของมัน อาจจะเหนือกว่ายันต์ศัสตราเสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้

ประการที่สาม เขาได้รับปีกกระเรียนปรโลก ปีกคุนเผิง และปีกอีกาทองคำ รวมถึงเปลวเพลิงวิญญาณพฤกษา เปลวเพลิงวารีทมิฬ เปลวเพลิงสุริยันและเปลวเพลิงศิลาหมื่นปี ซึ่งเป็นเปลวไฟสูงสุดในฟ้าดิน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้ขาดเพียงปีกวิหคอมตะเท่านั้น!

น่าเสียดาย ตามที่ผู้อาวุโสได้กล่าวไว้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเสาะแสวงหาปีกวิหคอมตะ อย่างไรก็ตาม เฉินซีก็ไม่ได้รีบร้อน และเรื่องนี้ไม่สามารถรีบร้อนได้

เพราะการได้มาซึ่งสมบัติเช่นนั้น มีเพียงต้องอาศัยวาสนานำพา ขึ้นอยู่กับดวงและโชคชะตาเท่านั้น

ประการสุดท้าย เฉินซีได้รับขวดโอสถทิพย์เก้าชีพจร ซึ่งภายในขวดมียาทั้งหมด 18 เม็ด แต่ละเม็ดล้วนมีมูลค่ามหาศาล เนื่องจากพวกมันเป็นสมบัติล้ำค่าในหมู่โอสถทั้งมวล อีกทั้งยังหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะ เม็ดยาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้รับการหลอมกลั่นโดยหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ จึงทำให้พวกมันมีเอกลักษณ์ และมีค่ามากเกินกว่าจะจินตนาการได้

เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของผู้อาวุโส ผลประโยชน์โดยรวมของเฉินซีไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขามากนัก และอาจจะเหนือกว่าเสียด้วยซ้ำ

เพราะสิ่งที่เฉินซีให้ความสำคัญไม่ใช่เรื่องเหล่านี้ ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากฝ่ายสงวนโอสถ คือมิตรภาพของตนกับเหล่าผู้อาวุโสต่างหาก

นี่เป็นกำไรแสนล้ำค่า!

ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสของฝ่ายสงวนโอสถ บุคคลสำคัญของตระกูลเซวียนหยวน หัวหน้าผู้คุมกฎหลีเป่ยและคนอื่น ๆ หรือแม้แต่หัวเจี้ยนคง พวกเขาทั้งหมดต่างมีสถานะสูงส่ง และมีอำนาจในสำนึกศึกษา ดังนั้นผลประโยชน์จากการสร้างมิตรภาพกับพวกเขา จึงยิ่งใหญ่กว่าการได้รับสมบัติหลายเท่า

เฉินซีตระหนักดีถึงเรื่องนี้ เพราะตนไม่อาจพึ่งพาตัวเองเพื่อต่อสู้กับตระกูลจั่วชิวได้ หากต้องการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ มีเพียงต้องจัดตั้งกองกำลังของตนเอง และดึงดูดผู้ช่วยเหลือให้มากขึ้นเท่านั้น!

“ข้าได้รับแต้มดาราเกือบล้านแต้มภายในเวลาเพียงสิบวัน ดูเหมือนจะเป็นจำนวนที่สูงมาก แต่ถ้ายังคงดำเนินต่อไปด้วยความเร็วเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าเมื่อใดข้าจะสามารถรวบรวมแต้มดาราได้มากกว่าร้อยล้านแต้ม…”

“ถ้าไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ร่างอวตารควรให้ความสำคัญกับการได้รับแต้มดารา จนกว่าการสอบของฝ่ายในจะเริ่มต้นขึ้น สำหรับร่างหลัก ด้วยโอสถทิพย์เก้าชีพจรและโลกแห่งดารา สองปีก็เพียงพอแล้วสำหรับการบรรลุสู่ขอบเขตเซียนทองคำ”

“ทว่าการบ่มเพาะของข้าเพิ่งทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นสูง ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าในการเสริมให้รากฐานมั่นคงยิ่งขึ้น และทำให้การบ่มเพาะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อนั้นข้าจะสามารถมุ่งหน้าไปยังโลกแห่งดาราและทำความเข้าใจกับมรดกอื่น ๆ จากยันต์เทวะอนันต์…”

ภายในที่พัก หม้อใบจิ๋วยังคงดูดซับปราณบรรพกาลโกลาหล ในขณะที่เฉินซีกำลังวางแผนขั้นต่อไปอย่างรวดเร็ว จุดประสงค์ ก็เพื่อประโยชน์ในการใช้ทุกเศษเสี้ยวของเวลาให้คุ้มค่าที่สุด

เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็ยืนขึ้นและกำลังจะเข้าสู่โลกแห่งดารา แต่ทันใดนั้น หม้อใบจิ๋วกลับหยุดเขาอย่างกะทันหัน “เจ้าได้รับเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลกมาจากที่ใด?”

เฉินซีตกตะลึงและไม่รู้ว่าทำไมหม้อใบจิ๋วถึงถามเรื่องนี้ แต่เขายังคงอธิบายที่มาของเคล็ดหม้อกลั่นนพเก้าเทพยมโลก

“เมืองรัศมีเมฆา อาจารย์ของสำนักศึกษาจตุรเทพ? ดูเหมือนจะได้รับยันต์ที่ไม่สมบูรณ์นั้นโดยบังเอิญ หรือว่าเป็นความประสงค์ของสวรรค์ที่จะให้มันตกอยู่ในความครอบครองของเจ้า?” หม้อใบจิ๋วครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง คำพูดของมันเผยให้เห็นถึงความลังเลใจ

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม “ผู้อาวุโส หรือว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้?”

หม้อใบจิ๋วนิ่งเงียบ และกล่าวหลังจากนั้นไม่นาน “เจ้าควรทราบอย่างชัดเจนว่า เคล็ดวิชาการบ่มเพาะนี้ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่ยุคบรรพกาลจากเทพอสูรที่ถือกำเนิดจากความโกลาหล แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า เทพอสูรนั้นคือผู้ใด?”

เฉินซีส่ายศีรษะ เรื่องเช่นนี้เขาจะรู้ได้อย่างไร?

“เหล่าเทพอสูรต่อสู้ชิงความเป็นเจ้าผู้ครองโลกมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล ในแง่ของพรสวรรค์โดยกำเนิด พลังอิทธิฤทธิ์ และอำนาจ ไม่มีใครในภพทั้งสามสามารถเปรียบกับพวกเขาได้ ในบรรดาเทพอสูร ตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุด ย่อมเป็นตระกูลผานกู่” หม้อใบจิ๋วกล่าวถึงความลับบางอย่างจากยุคบรรพกาล

“เทพอสูรตนหนึ่งได้ใช้ขวานผ่าเปิดโลก และบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เขาเปลี่ยนเต๋าแห่งสวรรค์ที่วุ่นวายไปสู่โลกอันหลากหลายของภพทั้งสาม ดังนั้นจึงมีเพียงเขาที่มีคุณสมบัติที่จะใช้ชื่อว่า…ผานกู่”

“ต่อมา จ้าววิญญาณบรรพบุรุษ 12 คนได้บรรลุเต๋า และบูชาผานกู่เป็นบรรพบุรุษของพวกตน พวกเขาทั้งหมดมีร่างกายน่าเกรงขามอย่างไร้ที่เปรียบ ซึ่งสามารถกลืนกินโลกและควบคุมธาตุต่าง ๆ ได้ พวกเขาสามารถเคลื่อนภูเขา ถมทะเล และเปลี่ยนภูมิทัศน์ทั้งหมด พวกเขาคือ 12 เทพอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด”

“ยุคบรรพกาลเต็มไปด้วยความอ้างว้าง แม้ในเวลานั้นจะมีเทพและปราชญ์ที่ไม่ธรรมดามากมาย แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมก็ไม่สามารถต้านทานเผ่าเทพอสูรได้ จึงกล่าวได้ว่า เทพอสูรเป็นผู้ปกครองสูงสุดท่ามกลางสิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาล”

“อาจกล่าวได้ว่ายุคบรรพกาลเป็นของเทพอสูร แม้แต่ตระกูลโบราณอย่าง ตระกูลซุ่ยเหริน ตระกูลโย่วเฉา ตระกูลหนี่หวา ตระกูลเฉินหนง ต่างก็มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเผ่าเทพอสูร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]