บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1248

บทที่ 1248 การต่อสู้ระหว่างราชันเซียน

บทที่ 1248 การต่อสู้ระหว่างราชันเซียน

ธารดาราระหว่างสามภพและต่างพิภพกว้างใหญ่ไร้พรมแดน ประหนึ่งดวงดาวที่ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด

ฟ่าว!

แต่ร่างพร่างพราวน่าภาคภูมิเป็นเพียงแสงวาบผ่านห้วงอากาศ เพียงพริบตา มันก็มาถึงสมรภูมิฝันร้าย!

จากนั้น ดาวอสูรก็ปรากฏสู่สายตา

ในยามนี้ ดาวมหึมาคล้ายกับกำลังถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟไร้ที่สิ้นสุด ทำให้สามารถมองเห็นกาลอวกาศที่ปกคลุมรอบดาวเคราะห์ได้อย่างชัดเจน พวกมันทั้งโคจร คำราม และพลุ่งพล่าน ประหนึ่งวังวนที่ดึงดาวเคราะห์ดวงอื่นในบริเวณใกล้เคียง พร้อมที่จะก่อเกิดเป็นห้วงหลุมดำกาลอวกาศ

หลุมดำกาลอวกาศคือภัยพิบัติน่าสะพรึงที่สุดในจักรวาล พวกมันสามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งที่อยู่ใกล้เคียง ไม่เว้นแม้แต่ดาวเคราะห์!

ในยามนี้ กาลอวกาศรอบดาวอสูรแผดเสียงคำราม หากมันก่อตัวเป็นหลุมดำกาลอวกาศ เกรงว่าดาวเคราะห์ทั้งหลายในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงดาวอสูรจะถูกกลืนกินจนสิ้น

โอม!

ทว่าฉากนั้นไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อหลุมดำกาลอวกาศกำลังจะก่อตัว คลื่นโบราณขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากดาวอสูร

จากนั้น หม้อกลั่นทั้งเก้าก็ปรากฏเหนือดวงดาว พลางวนเวียนรอบดาวอสูร เพียงพริบตา พวกมันสะกดพลังกาลอวกาศซึ่งอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาราบริเวณใกล้เคียง จนทุกสิ่งตกอยู่ในสภาวะนิ่งงัน

หากมองไกลออกไป มันเหมือนกับดาวเคราะห์ถูกมือที่มองไม่เห็นคว้าเอาไว้ ทำให้พวกมันหยุดการโคจร เป็นฉากที่น่าตกตะลึงยิ่ง

“มันคือหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างโดยจักรพรรดิอวี่จริง ๆ… นี่อาจเป็นวาสนาของข้า?”

ร่างภาคภูมิและพร่างพราวยืนตระหง่านในท้องนภาประหนึ่งเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ร้อนแรง มันส่องแสงยิ่งกว่าดวงดาว ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จนไม่อาจมองดูได้

“ขออภัย วาสนานี้ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”

ทันใดนั้น เสียงแจ่มชัดและอ่อนโยนก็ดังขึ้น ชายหนุ่มผู้มีท่วงท่าสง่า สวมมงกุฎสูงและชุดคลุมโบราณก็ปรากฏจากอากาศธาตุ

ชายผู้นั้นมีรูปลักษณ์ธรรมดา แต่ดวงตากลับลุ่มลึกและเจิดจ้าราวกับดวงดาว ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้ม ไม่มีแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์รอบข้าง แต่กลับสามารถยืนอยู่เบื้องหน้าร่างภาคภูมิและพร่างพราว ไม่สูญสิ้นอำนาจแต่อย่างใด

“ศิษย์คนที่สามของเขาเทพพยากรณ์ ลี่ฟู่เหยาหรือ?”

ร่างภาคภูมิและพร่างพราวเอ่ยด้วยความประหลาดใจ แสงสว่างรอบข้างหมองหม่น เผยให้เห็นรูปลักษณ์แท้จริง เป็นชายร่างผอม มีปอยผมเหมือนกระบี่ คิ้วกว้าง และสวมเสื้อคลุมสีดำ

ผิวเรียบเนียนและโปร่งใส ดวงตาคมปลาบดุจกระบี่ โดยมีกระบี่บินกระดูกขาวที่บางไม่ต่างจากเข็มห้อยอยู่ที่หูซ้าย แผ่กลิ่นอายเย็นเยือกแปลกประหลาด

“สหายเต๋าสืออวี๋ช่างตาแหลมไม่เบา เป็นข้าเอง”

ลี่ฟู่เหยายิ้มบางด้วยสีหน้าถ่อมตัวและอ่อนโยน ทำให้ผู้คนพลอยรู้สึกดีตามไปด้วย

“เจ้าจำข้าได้อย่างนั้นหรือ?”

ชายในเสื้อคลุมสีดำนามสืออวี๋คิ้วขมวด ดวงตาประหนึ่งดาบทอประกายราวสายฟ้า ดูน่าสะพรึงยิ่ง

“จะไม่มีใครรู้จักศิษย์อาวุโสแห่งตำหนักเต๋าหนี่หวาได้อย่างไร?”

ลี่ฟู่เหยายิ้มพลางเอ่ยคำ

“ในเมื่อรู้จักข้า เหตุใดจึงมาขัดขวางวาสนาข้าเล่า?”

สืออวี๋หรี่ตาคมปลาบราวกับกระบี่ เผยให้เห็นกลิ่นอายเย็นเยือกที่เข้าเกาะกุมหัวใจของผู้คน

“พูดตามตรง ถึงแม้ชื่อพี่สือจะมีคำว่า ‘อวี๋’ แต่ก็หาได้มีความเชื่อมโยงกับหม้อกลั่นเก้าทวีปศักดิ์สิทธิ์ไม่ เพราะสมบัติชิ้นนั้นได้อยู่ในมือศิษย์น้องของข้าแล้ว”

ลี่ฟู่เหยาหันศีรษะมองดาวขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป เขาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนแล้วเอ่ยคำ “หากไม่ใช่เพราะเขา เจ้าคงไม่ได้เห็นฉากนี้หรอก”

สืออวี๋คิ้วขมวดขณะเอามือไพล่หลัง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ถึงอย่างไรข้าก็สังเกตเห็นมันแล้ว เช่นนั้น สิ่งนี้ย่อมต้องข้องเกี่ยวกับข้า”

ลี่ฟู่เหยาไม่เอ่ยอะไรพลางส่ายหน้าแล้วเอ่ยคำ “เจ้าคิดผิดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ และไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวัฏจักรของเหตุต้นผลกรรม ทุกสิ่งในวันนี้ได้กำหนดเจ้าของสมบัติไว้นานแล้ว”

“ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น มันก็เหมือนกับการพิชิตหมื่นวิถี วาสนานี้ย่อมเป็นของมหาเต๋า ดังนั้นพวกเราต้องต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อกำหนดเหตุต้นผลกรรมสุดท้าย พี่ลี่คิดเห็นเช่นไร?”

ท่าทีของสืออวี๋พลันเปลี่ยนไปขณะทั่วร่างเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ก่อเกิดคลื่นความผันผวนน่าสะพรึงในมหาเต๋า ทำให้ห้วงอากาศรอบข้างถูกจองจำจนเวลาหยุดนิ่ง!

หากใครอยู่ที่นี่จะต้องพบอย่างแน่นอนว่ากาลอวกาศในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแห่งนี้ถูกปิดกั้นเอาไว้ ปราศจากเส้นทางแห่งเวลาและร่องรอยการแปรเปลี่ยนของมิติ

แม้กระทั่งคนธรรมดาในยามนี้ก็มองออกว่าอายุขัยของพวกเขาไม่ลดลงแม้โลกภายนอกกาลเวลาจะผันผ่านไปนับไม่ถ้วนก็ตาม!

เมื่อเห็นดังนี้ สีหน้าของลี่ฟู่เหยาก็อ่อนโยนดังเดิม เขาลอบมองสืออวี๋แล้วเอ่ยคำ “ข้าได้ยินมาว่าตำหนักเต๋าหนี่หวารับศิษย์หญิงมาเพิ่ม พี่สือมีศิษย์น้องเพิ่มแล้วหรือ?”

สืออวี๋คิ้วขมวด “เพิ่มแล้วทำไม? ไม่เพิ่มแล้วทำไม?”

“นางมีความเชื่อมโยงกับศิษย์น้องของข้า แต่น่าเสียดายที่มันเป็นความลับแห่งสวรรค์ เจ้าไม่อาจล่วงรู้”

ลี่ฟู่เหยายิ้มแล้วเอ่ยคำ “ข้าแนะนำให้พี่สือกลับสำนักก่อนเพื่อไปถามว่าจะสามารถช่วงชิงวาสนานี้ได้หรือไม่ แน่นอนว่าถ้าเจ้ายืนกรานจะลงมือ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากร่วมทางไปด้วยจนถึงที่สุด”

สืออวี๋คิ้วขมวดขณะชำเลืองมองลี่ฟู่เหยา สีหน้าของเขายิ่งเฉยชา “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าในบรรดาศิษย์สิบสามคนบนเขาเทพพยากรณ์ เจ้าชอบเรื่องลึกลับที่สุด ตอนนี้ดูท่าว่ามันจะเป็นความจริง”

ลี่ฟู่เหยาไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด ขณะมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น พี่สือวางแผนจะสู้กับข้าหรือ?”

“แน่นอน… ว่าไม่”

สืออวี๋พลันคลายกลิ่นอายแล้วถอนหายใจ “หากเจ้ากับข้าสู้กัน ย่อมไม่มีทางบอกได้ว่าผู้ใดจะชนะ หากเป็นเช่นนั้น วาสนาก็จะหลุดมือ แล้วมันจะมีประโยชน์อันใด?”

ลี่ฟู่เหยายิ้มพลางประสานมือแล้วเอ่ยคำ “ขอบคุณพี่สือที่ชี้แนะ”

สิ้นคำ เขาพลันหันศีรษะมองเข้าไปในส่วนลึกของแม่น้ำที่เต็มไปด้วยดวงดาว พร้อมเอ่ยคำ “เพื่อตอบแทนความเมตตาของพี่สือ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการกับสัตว์อสูรนั่นก็แล้วกัน”

ก่อนจะสิ้นเสียง อีกฝ่ายก็หายไปจากอากาศธาตุ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าสงบและคาดเดาไม่ได้อย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]