บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1260

สรุปบท บทที่ 1260 เฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1260 เฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1260 เฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1260 เฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี

บทที่ 1260 เฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี

ในเวลาเดียวกัน เลือดในร่างกายเฉินซีเริ่มเดือดพล่าน จิตสังหารอันร้อนแรงถาโถมออกมาดุจสัตว์ร้ายที่หลุดจากโซ่ตรวน ทั้งร่างกายของเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า

ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ สีหน้าเฉยเมยมากขึ้นทบทวี จากนั้นเงยหน้าอย่างฉับพลัน ดวงตาสีดำที่ลึกดุจก้นบึ้งอันหนาวเหน็บกวาดไปข้างหน้า ก่อนจะกล่าวช้า ๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำและสงบ “เมื่อทำผิดไปแล้ว ก็ไม่สามารถให้อภัยได้!”

โครม!

จิตสังหารที่ถูกระงับอยู่ภายในหัวใจได้พัดโหมออกไป มันเฉือนอากาศออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนปุยนุ่น บังเกิดเป็นเสียงดังก้องกันวานขณะพัดโหมไปทุกทิศทุกทาง

ภายใต้พลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัวดังกล่าว ยามที่สวมชุดสีดำมีสีหน้าที่ซีดเผือดราวกับเห็นภูตผีปีศาจ เพราะการเผชิญหน้ากับจิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับก็ไม่ต่างจากมดตัวเล็ก ๆ ที่ไร้พลัง

หัวใจของพวกเขาตกไปที่ตาตุ่มทันที เผยสีหน้าหวาดกลัวอย่างสุดขีด ไม่ต้องกล่าวถึงการต่อต้าน เรี่ยวแรงเหือดหายไม่อาจขัดขืน ทั้งยังไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากหันหลังกลับเพื่อหลบหนีโดยไว แต่น่าเสียดายที่พวกเขากลับตัวสั่นเทาและไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือแม้แต่น้อย

พรูด!

ทหารยามไม่สามารถทนต่อจิตสังหารนี้ได้ วิญญาณของเขาพลันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะกระอักเลือดออกมา ร่างโซเซล้มลงกับพื้น โดยไม่มีวี่แววของพลังชีวิตใด ๆ

ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับถูกฆ่าโดยจิตสังหารที่เฉินซีปลดปล่อยออกมา!

“อ๊าก!!”

“เจ้า…เจ้า… เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าไม่รู้หรือว่าการบุกรุกเข้าไปในเขตเหมืองหลอมวิญญาณจะต้องได้รับการลงโทษและถูกตามล่าจากตำหนักราชันเซียน?!”

“เจ้าอย่าได้บังอาจอวดดี เจ้าต้องเดือดร้อนแน่ หากท่านหวงหลงมาถึง!”

ฉากนี้เป็นเหมือนชนวนที่ทำให้ยามชุดดำโกรธเกรี้ยว พวกเขากรีดร้องออกมาความหวาดกลัว เนื่องจากชายหนุ่มผู้มีกลิ่นอายร้ายกาจ และจิตสังหารที่รุนแรงผู้นี้ ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้

ทหารยามหันหลังด้วยความตั้งใจที่จะหลบหนี แต่กลับถูกควบคุมด้วยพลังไร้รูปร่าง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่ก้าวเดียว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนเกือบหมดสติ วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

เฉินซีก้าวเท้าไปข้างหน้า พลันคว้าแส้เหล็กจากมือของยามคนหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดข้อมือ บังเกิดเป็นเงาแส้มากมายพุ่งลงมาราวกับพายุมรสุม และครอบคลุมยามทั้งหมดไว้

ในช่วงเวลาถัดมา เสียงหวีดหวิวที่ทำให้ขนอ่อนลุกชันก็ดังขึ้นและกระจายออกไปในบริเวณโดยรอบ ยามทุกคนถูกเฆี่ยนจนเนื้อหนังปริแตก เลือดไหลเป็นสายธาร แต่ไม่อาจหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้ และตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง

เฉินซีดูเหมือนไม่แยแสกับเรื่องเหล่านี้ แส้เหล็กดูเหมือนกลายเป็นมังกรสีดำที่โบยบินอยู่เต็มท้องฟ้า พวกมันฟาดลงมาอย่างดุร้าย ทว่าเฉินซีควบคุมพลังของตนได้อย่างยอดเยี่ยม จึงสามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงกระดูก แต่ก็ไม่ถึงขั้นคร่าชีวิต

นี่เป็นเพียงการทรมาน!

ยามชุดดำถูกเฆี่ยนจนเสียงตะโกนหายไป และไม่มีจังหวะให้ร้องขอความช่วยเหลือใด ๆ

ในท้ายที่สุด เหล่าทหารยามถูกเฆี่ยนจนจิตใจพังทลาย และตกอยู่ในความบ้าคลั่ง ดูเหมือนเขากำลังทรมานจากอาการชัก มีฟองน้ำลายสีขาวไหลออกมาจากปาก แต่กลับหัวเราะอย่างเสียสติ และร้องไห้เสียงโหยหวนตลอดการเฆี่ยนตีนี้

ฉากที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำให้เซวียนหยวนอวิ่นอ้าปากค้างไม่รู้จบ พลันรีบเอามือปิดตาของชีเซียวอวี่หลีกเลี่ยงฉากที่โหดร้ายและนองเลือด เพื่อไม่ให้ทิ้งเงาอันเลวร้ายไว้ในใจของหญิงสาว

“ได้โปรด ข้าขอร้องท่าน ฆ่าข้าเถอะ ได้โปรดฆ่าข้าเถอะ!”

“ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ขอร้องล่ะ!!!”

ในที่สุดจิตใจของเหล่าทหารยามพังทลายอย่างสมบูรณ์ พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช เสียงอ้อนวอนดังระงม หวังให้เฉินซีหยุดทรมานพวกตน ปรารถนาเพียงความตายเท่านั้น

ชัดเจนแล้วว่า แส้เหล็กในมือของเฉินซีนั่นสร้างความเจ็บปวดถึงเพียงใด

เฉินซียังคงไม่แยแสกับเรื่องเหล่านี้ ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย สะบัดมือไม่รู้จบ ราวกับไร้หัวใจและไร้ความปรานี

ตั้งแต่ที่มาถึงภพเซียน เฉินซีไม่เคยโกรธถึงขั้นนี้มาก่อน แต่ทั้งหมดนี้เกิดจากไอ้สารเลวพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นโดยปกติแล้ว ชายหนุ่มย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันตายง่าย ๆ อย่างแน่นอน

“หยุดมือก่อน!!”

“สหายเต๋า เราสามารถพูดคุยกันได้เสมอ หากเราทำให้เจ้าขุ่นเคืองในทางใดทางหนึ่ง โปรดบอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเราจะชดใช้ให้เจ้าเป็นสิบเท่าอย่างแน่นอน”

ทันใดนั้น ร่างหลายร่างได้ฉีกทะยานผ่านท้องฟ้ามาจากไกลโพ้น คนที่มาใหม่เป็นทหารยามจากเขตเหมืองหลอมวิญญาณ เมื่อเห็นสหายของตนถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ พวกเขาล้วนมีสีหน้าซีดเผือด ความหนาวเย็นแล่นเข้าสู่หัวใจ ได้แต่ยืนอยู่ห่าง ๆ และไม่กล้าเข้าใกล้

“ชดใช้หรือ? แม้แต่ชีวิตของเจ้าก็ไม่สามารถบรรเทาความเกลียดชังในใจข้าได้” เฉินซีตอบอย่างไม่แยแสและมองไปที่ร่างทั้งหมดในระยะไกล ชายหนุ่มพลันโบกแขนเสื้อ ใช้ศาสตร์เต๋ามหาพันธนาการ กักขังทหารยามทั้งหมดที่อยู่ในระยะไกลไว้แน่นหนาจนไม่สามารถดิ้นรนเป็นอิสระได้

ตู้ม! ตู้ม!

เหล่าทหารยามต่างร้องโหยหวนและล้มลงกับพื้น ถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้เหล็กที่ไร้ความปรานีของเฉินซี

เหตุการณ์นี้ทำให้นักโทษที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึง เพราะนั้นคือผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนลึกลับหลายสิบคน แต่ตอนนี้กลับถูกคนเพียงคนเดียวสยบจนมีสภาพไม่ต่างจากกองขยะ สิ่งนี้น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง

“ไอ้พวกสารเลว หากท่านหวงหลงมาถึงแล้วละก็ ลืมเรื่องหลบหนีไปได้เลย! ข้าจะเฉือนร่างของพวกเจ้าเป็นพัน ๆ ชิ้น!”

เมื่อเห็นเหตุการณ์ทหารยามคนหนึ่งที่ถูกเฉินซีเฆี่ยนตีอยู่ พลันกัดฟันแน่นเพื่อฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดอันแสนสาหัส และคำรามอย่างขุ่นเคือง

สิ่งนี้ทำให้ผู้ละทิ้งสวรรค์ที่อยู่ในระยะไกล ต่างก็รู้สึกกังวลและหวาดกลัวมากขึ้น พวกเขารีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า หวงหลงผู้นี้น่ากลัวเพียงใด

เป็นเพราะพวกเขาไม่มั่นใจว่าเฉินซีจะต่อกรกับหวงหลงได้หรือไม่ หวงหลงเป็นถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ของตำหนักราชันเซียนในทวีปเซียนสายหมอก และอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ ทำให้หวงหลงเป็นเหมือนขุนเขาที่มั่นคงในความคิดของพวกเขา

ท่าทางของเฉินซียังคงสงบไม่เปลี่ยนแปลง แรงที่โบยแส้ลงไปก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ทหารยามที่ตะโกนลั่นเหล่านั้น ต่างกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด และไม่อาจกล่าวอะไรได้อีกสักคำ

แม้ว่าเฉินซีจะไม่สนใจ แต่วิปลาสหลิ่วกลับรู้สึกกังวลแทน ชายชราจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนชายหนุ่ม แต่เซวียนหยวนอวิ่นกลับหยุดเขาไว้ก่อน และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าได้กังวล แม้ราชันเซียนจะมาที่นี่ แต่เขาก็ไม่กล้าสอดมือยุ่งกับเรื่องนี้หรอก”

วิปลาสหลิ่วตกใจมาก “ราชันเซียน? จะไม่กล้าสอดมือกับเรื่องนี้จริงหรือ? ศิษย์ของข้าคนนี้ได้ประสบกับเรื่องใดมาถึงไม่เกรงกลัวกระทั่งราชันเซียน?”

หลังจากถูกกระชากเข้าสู่ภพเซียน ชายชราก็ถูกขังอยู่ในเขตเหมืองหลอมวิญญาณตั้งแต่นั้นมา เขาไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกเพื่อหาข้อมูลได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้ว่า เฉินซีไม่ใช่คนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไป

ตู้ม!

ก่อนที่วิปลาสหลิ่วจะฟื้นจากอาการตกใจ ชายชราพลันสัมผัสได้ว่าห่างไกลออกไป เกิดแรงสั่นสะเทือนราวกับสายฟ้าฟาด แสงสีทองที่ลุกโชนก็ปะทุขึ้น และส่องสว่างไปทั้งฟ้าดิน

ท่ามกลางแสงสีทองที่สุกใสนี้ ปรากฏชายหนุ่มร่างกำยำที่สวมชุดเกราะอ่อน ซึ่งปิดทองและสวมมงกุฎสีทองบนศีรษะ กำลังก้าวออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า

ทั่วกายถูกปกคลุมไปด้วยกฎแห่งเซียนทองคำ และทันทีที่ชายผู้นั้นปรากฏตัว กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวของเซียนทองคำก็กวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ และทำให้ผู้คนอุทานด้วยความตกใจ

“ท่านหวงหลง!”

“ในที่สุดท่านหวงหลงก็มาแล้ว!”

“นายท่าน มีคนบุกรุกเขตเหมืองหลอมวิญญาณของเรา อีกทั้งยังกระทำการตามอำเภอใจและเฆี่ยนตีพวกเราอย่างไร้ปรานี โปรดทวงความยุติธรรมให้กับพวกเราด้วย!”

เมื่อเห็นคนผู้นี้ปรากฏ เหล่ายามที่ถูกเฆี่ยนตีก็ร้องออกมาอย่างโศกเศร้า บางคนถึงกับร้องไห้ด้วยความยินดี ราวกับผู้กอบกู้ได้มาถึงแล้ว

ทว่าพูดได้ไม่กี่ปประโยค เสียงของพวกเขาก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงแส้ดังก้อง และเสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวชก็ดังก้องอีกครั้ง

ใช่แล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซีไม่ได้สนใจหวงหลงเลยสักนิด ชายหนุ่มยังคงมุ่งความสนใจไปที่การเฆี่ยนตีทหารยามชุดดำเหล่านี้ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม ไม่แยแสราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น ทั้งยังน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]