บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1317

สรุปบท บทที่ 1317 สุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ด: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปเนื้อหา บทที่ 1317 สุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ด – บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บท บทที่ 1317 สุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ด ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย novelones อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 1317 สุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ด

บทที่ 1317 สุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ด

หลังจากสิ้นสุดการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนัก ชีวิตการบ่มเพาะของเฉินซีก็กลับมาสงบอีกครั้ง

นอกจากการนั่งสมาธิทุกวันแล้ว เฉินซีก็ควบแน่นกฎ แล้วก็ดื่มสุราเป็นครั้งคราว พลางถกเต๋ากับเยี่ยถังและชิงเยี่ย ซึ่งก็ผ่านวันเวลาไปอย่างมีความสุขและสงบ

ทว่าในบรรดาสี่พันเก้าร้อยทวีปของภพเซียน ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเฉินซี ได้กลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

หัวข้อที่ทุกคนกล่าวถึงมากที่สุด ย่อมเป็นการต่อสู้ที่เขาเอาชนะเซียวเชียนซุ่ย ผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนต่างรู้สึกว่า ภายในขอบเขตเซียนทองคำ คงไม่มีใครในภพเซียนที่สามารถต่อกรกับเฉินซีได้!

แม้แต่หกสุริยันอันเจิดจ้า ก็ยังทำไม่ได้!

แน่นอนว่ามีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยที่คิดว่าแม้เฉินซีจะกำราบเซียวเชียนซุ่ยได้ แต่หกสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียนก็ยิ่งใหญ่เกินไป ยากที่จะเอาชนะ

โดยสรุปแล้ว ในช่วงเวลานี้ การสนทนาเช่นนี้ได้เกิดในทุกซอกทุกมุมของภพเซียน แม้ว่าทุกคนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ว่าเฉินซีจะสามารถสยบสุริยันอันเจิดจ้าทั้งหกดวงได้หรือไม่ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชื่อเสียงและพลังฝีมือในปัจจุบันของเฉินซี ย่อมสามารถเทียบเคียงสุริยันอันเจิดจ้าทั้งหกดวงได้

หลังจากการถกเถียงกันอย่างดุเดือดเหล่านี้เองที่ทำให้เฉินซีได้กลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ด! ยิ่งกว่านั้น ยังโดดเด่นและสะดุดตาที่สุดในหมู่พวกเขา!

นอกจากนี้ หลังจากที่การถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักสิ้นสุดลง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะก็แพร่กระจายไปทั่วภพเซียนราวกับพายุ และทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่

นิกายอำนาจเทวะ

ศัตรูร่วมของทั้งสามภพ ในช่วงเวลาเนิ่นนานไร้ขอบเขตที่โลกแห่งการบ่มเพาะดำรงอยู่ นิกายที่ไล่ตามเส้นทางความปราศจากอารมณ์แห่งนี้ ได้ก่อให้เกิดฝนโลหิตนับไม่ถ้วน และสร้างความหายนะไปทั่วใต้หล้า

ตั้งแต่หนึ่งล้านปีก่อน เมื่อภัยพิบัติของเทพอสูรสิ้นสุดลง แม้ว่านิกายอำนาจเทวะจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ก็ไม่มีใครลืมเหตุการณ์นองเลือดที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ได้

ปัจจุบัน ข่าวของนิกายอำนาจเทวะได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน มันจึงดึงดูดความสนใจของหลาย ๆ คนได้ทันที

มีข่าวลือว่า สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล ได้ตกเป็นเบี้ยของนิกายอำนาจเทวะ

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่กล่าวว่า การปรากฏตัวของนิกายอำนาจเทวะ อาจเกี่ยวข้องกับกลียุคครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง และนิกายอำนาจเทวะตั้งใจคว้าโอกาสนี้ เพื่อนำภัยพิบัติมาสู่ทั้งสามภพอีกครั้ง

แต่ถึงอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงข่าวลือ อย่างน้อยที่สุด กองกำลังส่วนใหญ่ในภพเซียนยังไม่ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจน

ในเวลาเดียวกัน

ณ ทวีปเนตรสวรรค์ ภายในตระกูลจั่วชิว

จั่วชิวคงที่สวมเสื้อผ้าสีขาวและมงกุฎขนนก กำลังอ่านแผ่นหยกในมือเงียบ ๆ

สุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ดของภพเซียน?

พลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าเยี่ยถัง?

ผู้ชนะเลิศในการถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนัก?

เขานึกถึงข้อมูลที่บันทึกไว้ในแผ่นหยก จากนั้นความโกรธแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างไร้การควบคุม ทั้งยังพลุ่งพล่านอยู่ในอกจนไม่สามารถยับยั้งได้แม้แต่น้อย

ตู้ม!

แผ่นหยกในมือระเบิดเป็นชิ้น ๆ มันกลายเป็นธุลีที่ลอยหายไปในอากาศ

สีหน้าของจั่วชิวคงมืดมน และโมโหอย่างสุดขีด

ผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ไอ้สารเลวที่ขึ้นสู่ภพเซียน กลับมีความแข็งแกร่งทัดเทียมข้าแล้วหรือ? ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าคงจะบดขยี้มันตั้งแต่ตอนที่อยู่ภพมนุษย์ไปแล้ว!”

เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่เฉินซีได้เผยออกมา และข่าวลืออันน่าตื่นตะลึงเกี่ยวกับเฉินซีนั้น จั่วชิวคงสูญเสียการควบคุมตนเอง และอารมณ์ก็สั่นคลอนอย่างรุนแรง

เขาสงสัยอย่างยิ่ง ว่าเฉินซีบ่มเพาะอย่างไร เพราะมันไม่มีทรัพยากรหรือความสัมพันธ์ที่จะช่วยเหลือ แล้วความแข็งแกร่งจะเพิ่มอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ไม่ได้การแล้ว! ข้าไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก เจ้าเด็กนี่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจะนำหายนะมาสู่ตระกูลจั่วชิวของข้าแน่!” จั่วชิวคงหายใจเข้าลึก ๆ พยายามอย่างหนักที่จะควบคุมความเกลียดชังและความกระสับกระส่ายในใจ

จากนั้นสีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ สงบลง มีเพียงดวงตาที่ยังคงทอประกายด้วยเย็นเยียบเสียดกระดูก

“พ่อบ้าน!”

“นายน้อย มีสิ่งใดให้บ่าวรับใช้” ชายชราที่ดูเหมือนพ่อบ้าน พลันปรากฏตัวออกมาจากอากาศ

“ส่งคนของเราออกไป เฉินซีออกมาจากสำนักเมื่อไหร่ จงใช้ทุกวิถีทาง ฆ่าเจ้าเด็กบัดซบนั้นซะ!” จั่วชิวคงกล่าวทีละคำ เค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธแค้น

ชายชราตกใจและกล่าวว่า “นายน้อย นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เราควรแจ้งท่านผู้นำตระกูลก่อนตัดสินใจหรือไม่?”

จั่วชิวคงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่พอใจ “อะไร? เจ้าคิดว่าอำนาจของข้าในตระกูล ไม่เพียงพอที่จะออกคำสั่งหรือ?”

ณ ปัจจุบัน การบ่มเพาะของเขาไม่อาจพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้แล้ว หากอาศัยแค่การปิดประตูบ่มเพาะอย่างพากเพียร เว้นแต่จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนปราชญ์ได้

อย่างไรก็ตาม เฉินซีทราบดีว่า เขายังห่างไกลจากขอบเขตเซียนปราชญ์นัก เป็นเพราะยังขาดการขัดเกลา ปัจจัยสำคัญ และการสั่งสม

เรื่องดังกล่าวไม่อาจเร่งได้ เขาจึงต้องค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า เพราะความเร่งรีบ ไม่อาจนำมาซึ่งความสำเร็จ

ในทางกลับกัน ในแง่ของการควบแน่นกฎ ชายหนุ่มมีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ณ ปัจจุบัน เขาได้รับตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ ตราศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุ ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลายล้างดารา และตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติก็บรรลุระดับสี่ ซึ่งคือโซ่พันธนาการห้วงมิติ!

ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลายล้างดารา คือตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมกฎแห่งดาราและกฎแห่งการทำลายล้าง

ในบรรดากฎแห่งมหาเต๋ากว่าสิบประการที่เฉินซีครอบครองนั้น กฎแห่งดาราและกฎแห่งการทำลายล้างนั้นเข้ากันได้มากที่สุด และควบแน่นง่ายที่สุด ทว่าแม้มันจะฟังดูยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ แต่ก็เหนือกว่าตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุและตราศักดิ์สิทธิ์หยินหยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากหลอมรวมสุดยอดมรดกสูงสุดอย่างกระบี่แห่งดวงดาวและกระบี่แห่งการทำลายล้างที่มาจากยันต์เทวะอนันต์ อานุภาพที่สำแดงเมื่อใช้ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลายล้างดารานั้น น่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อก่อน อย่างน้อยที่สุด ถ้าเฉินซีต่อสู้กับเซียวเชียนซุ่ยอีกครั้งในตอนนี้ เขาจะสามารถปลิดชีวิตของเซียวเชียนซุ่ยได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว

เหตุผลที่ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งการทำลายล้างดารานั่นควบแน่นได้ง่าย เพราะในบรรดากฎแห่งมหาเต๋าอื่น ๆ ที่เฉินซีครอบครอง เช่น มหาเต๋าแห่งนิรันดร์ มหาเต๋าแห่งการรังสรรค์ มหาเต๋าแห่งการกลืนกิน มหาเต๋าแห่งแสงสว่าง มหาเต๋าแห่งความมืด และอื่น ๆ ทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ยากที่จะหลอมรวม

กฎแห่งมหาเต๋าเหล่านี้ เป็นมหาเต๋าอันล้ำลึกที่หาได้ยาก และเป็นการดำรงอยู่สูงสุด หากเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ในขอบเขตเซียนทองคำ หากสามารถเข้าใจหนึ่งในนั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้นั้นไปชั่วนิรันดร์

เป็นเพราะกฎแห่งมหาเต๋าเหล่านี้น่ากลัวเกินไป จนดูเหมือนยากที่จะหลอมรวมเข้าด้วยกัน

สรุปแล้ว เขาไม่อาจหลอมรวมพวกมัน และเปลี่ยนให้เป็นตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ภายในระยะเวลาอันสั้น

สำหรับโซ่พันธนาการห้วงมิติ มันคือระดับที่สี่ของตราศักดิ์สิทธิ์ห้วงมิติ เมื่อสำแดงพลัง มันสามารถเปลี่ยนพลังมิติให้เป็นโซ่ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ โซ่เหล่านี้มีพลังร้ายกาจที่ไม่อาจหยั่งรู้ และไม่ว่าจะเป็นกับดัก ศัตรู การฆ่า การลอบโจมตี หรือการช่วยเหลือผู้อื่น มันก็มีผลที่น่าเหลือเชื่อ

ที่สำคัญที่สุด ในขณะที่ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎแห่งมิติลึกซึ้งมากขึ้นไปทีละขั้น ความเข้าใจเกี่ยวกับมิติของเฉินซีก็มาถึงจุดสูงสุด และนี่เป็นประโยชน์ต่อชายหนุ่มอย่างยิ่ง เมื่อเขาทะลวงขอบเขตราชันเซียนในอนาคต

“ศิษย์พี่เฉินซี ที่แท้ก็อยู่นี่เอง” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งได้ขัดจังหวะการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งของเฉินซี ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นชิงเยี่ยเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว แล้วชิงเยี่ยก็ยิ้มให้อย่างสำรวม

“ศิษย์น้องชิงเยี่ย เจ้าต้องการสิ่งใดหรือ?” เฉินซีลุกขึ้นยืน และยิ้มพลางถามกลับไป

ชิงเยี่ยพยักหน้าและดึงแผ่นหยกออกมา“ศิษย์พี่ นี่สำหรับท่าน หญิงสาวที่มีนามว่าเตียนเตี้ยนเป็นผู้ส่งมา”

เตียนเตี้ยน?

“หรือนางจะเคลื่อนไหวแล้ว?”

เฉินซีตกตะลึง จากนั้นแววตาของเขาก็เปล่งประกาย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]