บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 142

บทที่ 142 ไม้ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม

บทที่ 142 ไม้ศักดิ์สิทธิ์นิรนาม

จากเบื้องบนท้องฟ้า เฉินซีก้มลงมองบริเวณพื้นดินซึ่งมีขนาดราวหนึ่งหมื่นลี้เห็นจะได้ ผืนดินถูกแบ่งออกเป็นแนวนอนและแนวตั้งคลับคล้ายกับตัวอักษรคำว่า ‘田’ ขนาดมหึมา

ตรงกลางปรากฏแท่นสูงตระหง่านสูงถึง 1.5 ล้านจั้ง พื้นผิวดำสนิทประหนึ่งทำมาจากหยกสีดำ เมื่อมองจากระยะไกลจะพบว่ามีลักษณะคล้ายแท่นบูชาที่คนในยุคโบราณใช้ในการพิธีบูชายัญเพื่อสังเวยต่อเทพเจ้าหรือบูชาบรรพบุรุษ ให้ความรู้สึกวังเวงน่าสลดหดหู่ เร้นลับและดูเป็นพิธีกรรม

บริเวณตามมุมทั้งสี่ทิศไม่ว่าจะเป็นเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตก ล้วนเต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ เทือกเขาลดหลั่นสีทอง ป่าไม้หนาทึบเขียวขจีและมหาสมุทรหินเพลิงหลอมละลายบนพื้นพิภพตามลำดับ

สถานที่แห่งนี้คือเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ชั้นที่สอง ชั้นสี่สัญลักษณ์!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ในที่ที่ไกลโพ้น ลำแสงจำนวนมากกำลังพุ่งจากท้องฟ้าร่อนลงไปบนพื้นดินซึ่งเสมือนหนึ่งตัวแทนของสัญลักษณ์ทั้งสี่ทิศ ก่อนที่พวกมันจะหายวับไป

ภายในบริเวณเจดีย์ชั้นสี่สัญลักษณ์ที่ว่านี้ ผู้บ่มเพาะจำนวนหนึ่งพันเก้าร้อยคนจากทั้งหมดสองพันคนที่เข้ามาในนี้ ต้องถูกกำจัดและจะเหลือผู้บ่มเพาะเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นที่จะได้ผ่านเข้าสู่ชั้นที่สาม โดยทั้งหนึ่งร้อยคนนี้จะกลายเป็นผู้ติดอันดับหนึ่งในร้อยคนของงานเทียบอันดับมังกรซ่อน

‘ดูเหมือนการแข่งขันจะทวีความหฤโหดมากขึ้นทุกขณะ เคราะห์ดีที่มีคนถูกกำจัดออกไปบ้างอย่างตระกูลซู ตอนนี้พวกมันไม่สามารถมาทำอันตรายข้ากับเฉินฮ่าวได้อีกต่อไป และข้ายังได้ยึดยันต์เคลื่อนย้ายอันใหม่จากศิษย์ตระกูลซูมาให้น้องชายแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเฉินฮ่าวอีกต่อไป’

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ร่อนลงไปที่ป่าเขียวขจีสีหยกข้างล่างทันที เมื่อเทียบกับสถานที่แห่งอื่น ป่าเขียวหยกดูจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

อย่างไรก็ตาม เฉินซีลืมคิดไปว่าผู้เข้าร่วมทั้งสองพันคนที่เข้าสู่ชั้นสี่สัญลักษณ์อาจจะมีความคิดคล้ายคลึงกับเขา ทุกคนต่างก็เลือกพักที่ป่าเขียวหยกกัน คนเหล่านี้ก็รู้สึกว่าตรงนี้น่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยเหมือนกับเฉินซีนั่นเอง

ส่วนพื้นที่อีกสามแห่ง ทั้งทะเลเพลิงที่เต็มไปด้วยหินร้อนหลอมละลายไหลนอง ดินแดนน้ำแข็งที่ก่อให้เกิดหายนะเมื่อมันแผ่คลุมไปทั้งแผ่นฟ้า หรือเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนที่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่ง หากตัดสินใจพลาดผิดไปเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ถึงตายได้ นั่นย่อมไม่ใช่ตัวเลือกที่ชาญฉลาดหากไปพักอยู่

“เฉินซี! ใช่ไอ้เจ้าเฉินซีจริงด้วย!”

“รีบไปเร็ว! อย่างพวกเราคงรับมือเขาไม่ได้แน่!”

“ให้ตายสิ! ทำไมจึงมีคนที่ร้ายกาจอย่างนี้อยู่ด้วยนะ!”

ทันทีที่เฉินซีทะยานลงไปถึงที่ว่างในป่าทึบสีเขียวเข้ม เสียงของผู้บ่มเพาะซึ่งเพิ่งมาถึงพักใหญ่เพียงไม่กี่คนก็สบถออกมาทันที ราวกับว่าพวกเขาเห็นตัวประหลาดน่าสะพรึงกลัว จากนั้นทุกคนต่างพุ่งหายไปในบริเวณโดยรอบประหนึ่งกำลังเผ่นหนีกระนั้น

‘ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าข้าจะเป็นคนดังขนาดนี้…’ เฉินซียกมือขึ้นลูบจมูกพลางหัวเราะหึกับตัวเอง ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกสบายใจมากกว่า

ข้อได้เปรียบของการเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมก็คือ ผู้บ่มเพาะที่อ่อนด้อยกว่าจะไม่กล้าต่อกรกับเขาอย่างเด็ดขาด ในขณะที่ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งจนน่าเกรงขามก็ต้องชั่งน้ำหนักผลที่จะตามมาก่อนตัดสินใจต่อสู้กับเขา ด้วยเหตุนี้จึงถือว่ามีจุดแข็งทั้งในเชิงรุกและรับพอ ๆ กัน เขาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเหนื่อยกับสถานการณ์ที่อาจถูกคนรอบข้างจู่โจมเข้ามาพร้อมกัน

แต่แล้วจู่ ๆ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเบาบางของปราณพฤกษาที่สองขึ้นมาทันที ถึงแม้จะเป็นแค่เส้นเล็ก ๆ และบอบบาง แต่กลับมีความบริสุทธิ์จนกระตุ้นปราณจ้าววิญญาณในกายของเขาให้ตื่นตัวขึ้นมา

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คือสมบัติล้ำค่าที่เต็มไปด้วยปราณพฤกษาที่สอง’ เฉินซีคิดในใจ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังต้นตอของเส้นกลิ่นอายนั้นทันที

บัดนี้เฉินซีฝึกวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพจนถึงขอบเขตพฤกษาที่สองแล้ว ทว่าในกายไม่เพียงแต่มีปราณจ้าววิญญาณที่เต็มไปด้วยปราณวิญญาณแห่งดวงดาวพิฆาตอันร้ายกาจ ซึ่งอัดแน่นด้วยปราณพฤกษาที่สอง เขายังมีปราณปฐพีที่ห้าสถิตอยู่ในร่างอีกด้วย

ถ้าเขาอยากบรรลุจากขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสองดาราไปสู่ขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสามดารา มันจะมีอยู่สองวิธีด้วยกัน วิธีแรกคือเปลี่ยนปราณวิญญาณแห่งดวงดาวอันร้ายกาจให้เป็นปราณจ้าววิญญาณขั้นพฤกษาที่สองอย่างสิ้นเชิง และอีกวิธีคือวิธีการทั่วไปโดยค้นหาสมบัติล้ำค่าที่ประจุแก่นแท้ของปราณพฤกษาที่สองและนำมาใช้บ่มเพาะ ในตอนนี้เมื่อเฉินซีพบว่าอาจจะมีสมบัติล้ำค่าที่อัดแน่นด้วยแก่นแท้ปราณพฤกษาที่สองอยู่ในป่าทึบสีหยกแห่งนี้ จึงเป็นธรรมดาที่มันจะเย้ายวนความรู้สึกของเฉินซีเป็นอย่างมากนั่นเอง

ชั่วเวลาสองจิบชาผ่านไป เฉินซีมาหยุดบริเวณกลางป่าหนาทึบ พลางกวาดสายตาไปยังต้นไม้ใหญ่ทันที ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้มีความสูงหนึ่งร้อยจั้ง กิ่งก้านของมันประหนึ่งดาบและกระบี่ ด้วยลำต้นแข็งแรงและโค้งคด ทั้งมั่นคงและไม่มีอ่อนข้อ ทว่าความโกร๋นเกร๋นนั้นทำให้มันดูไร้ชีวิตชีวาโดยสิ้นเชิง ดูไม่เข้ากับความเขียวขจีและต้นไม้โบราณที่อยู่รอบ ๆ

ทันทีที่ไปถึง เฉินซีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปราณพฤกษาที่สองอันหนาแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งนัก แต่ต้นตอของกลิ่นอายกลับแผ่ออกมาจากต้นไม้ใบโกร๋นตรงหน้าเขา!

‘สงสัยนักว่ามันคืออะไรแน่ เห็นอยู่ว่าต้นไม้ใบโกร๋นแต่กลับปลดปล่อยปราณพฤกษาที่สองออกมาแน่นหนาเช่นนี้’ ชั่วขณะหนึ่งเฉินซียืนใช้ความคิดอย่างหนัก

‘ช่างเถอะ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรข้าก็จะถอนรากถอนโคนขึ้นมา จากนั้นจะดูดซับปราณพฤกษาที่สองข้างในให้หมดเพื่อจะได้บรรลุขอบเขตตำหนักอินทนิลขั้นสามดาราของการแปรสภาพกายาเสียที’

ดวงตาของเฉินซีฉายแววเหี้ยมเกรียม จากนั้นชายหนุ่มพลันสะบัดแขนเสื้อ ปราณแท้จึงเปลี่ยนเป็นฝ่ามือขนาดมหึมายาวกว่าสิบจั้ง จากนั้นฝ่ามือจึงคว้าหมับไปที่ลำต้นของไม้ใหญ่จับไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะกระชากขึ้นมาสุดแรง

ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉินซีชะงักงันด้วยความตกตะลึงเป็นเพราะต้นไม้ไม่ขยับเขยื้อนแม้สักหนึ่งชุ่น จะว่าไปพลังจับของเขาสามารถยกได้กระทั่งก้อนหินมหึมาที่มีน้ำหนักถึงหนึ่งแสนชั่งได้อย่างง่ายดาย ทว่ากลับทำอะไรต้นไม้ต้นนี้ไม่ได้เลย อย่างนี้แล้วจะไม่ให้เจ้าตัวตกตะลึงได้อย่างไร

‘ฝ่ามือมหาดารา…ดึง!’ เฉินซีกัดฟันแน่นขณะที่ฝ่ามือมหึมาปลดปลดอำนาจรุนแรงคว้าไปยังต้นไม้และดึงอย่างรุนแรง

ทว่าต้นไม้ใหญ่ใบโกร๋นยังไม่ขยับแม้สักชุ่นหนึ่ง!

เฉินซีตะลึงพรึงเพริดไปทันที ฝ่ามือมหาดาราเป็นทักษะไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เพียงออกแรกบีบครั้งเดียว ต่อให้เป็นสมบัติวิเศษระดับมนุษย์ก็ยังแหลกละเอียดไม่มีเหลือ อย่างไรก็ตามเวลานี้ทักษะที่ว่าร้ายกาจที่ว่ากลับไม่สามารถทำอะไรต้นไม้ต้นนี้ได้เลย

หรือว่าต้นไม้นี้จะเป็นพรรณไม้ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]