บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1529

บทที่ 1529 ต่อสู้ด้วยกระบี่เต๋าวิบัติ

……….

บทที่ 1529 ต่อสู้ด้วยกระบี่เต๋าวิบัติ

ตู้ม!

อินไฮว่คงประคองกระบี่ของตนอย่างโกรธจัด ก่อนซัดมันลงไปปะทะกับปราณกระบี่ที่หนาแน่นและเรืองรอง ส่งผลให้ความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวปะทุขึ้นก่อนจะกวาดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ

พลังโจมตีนี้ทำให้ศิษย์ชั้นยอดคนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงสั่นสะท้านจนต้องถอยกรูด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าความรู้สึกได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าศัตรูที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้แข็งแกร่งเพียงใด!

สำหรับอินไฮว่คง เพื่อรับมือกับการโจมตีนี้ เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งที่มีไปมากถึงเจ็ดในสิบส่วน ทว่าไหนเลยจะคิด ว่าการทุ่มเกือบสุดตัวเช่นนี้จะเพียงพอแค่ปัดป้องแรงปะทะออกไปเท่านั้น เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตนไม่อาจประมาทได้เลยแม้แต่น้อย

มันเป็นใครกันแน่? เหตุใดข้าจึงสัมผัสถึงการมีอยู่ของมันก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย?

ขณะที่อินไฮว่คงกำลังครุ่นคิด ดวงตาพลันสะดุดลงที่ร่างหนึ่งซึ่งใกล้เข้ามา ทำให้ม่านตาของเขาหดรัดด้วยความประหลาดใจ

ขวับ!

ชิงซิ่วอี้รู้สึกว่าร่างกายของตนเบาหวิวจากการถูกโอบรัดไว้ด้วยวงแขนแข็งแกร่ง นางอดไม่ได้ที่จะตกใจผวา ทว่าก่อนที่จะได้ดิ้นรนขัดขืน รูปโฉมของเจ้าของอ้อมแขนนั้นก็ทำให้นางหยุดชะงักในทันที

“เหตุใดจึงเป็น… เจ้า?” ชิงซิ่วอี้เอ่ยทั้งหายใจหอบถี่ ใบหน้าพิลาสล้ำซีดเผือด เลือดแดงฉานกระอักเปื้อนเปรอะไปทั้งริมฝีปาก ก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง แม้แต่สมบัติวิญญาณธรรมชาติทั้งสามชิ้นก็ถูกแย่งชิงไป ครั้นเมื่อหญิงสาวเริ่มผ่อนคลายลง อาการบาดเจ็บก็พลันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ส่งผลให้รัศมีของนางอ่อนแรงลง

“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย พักผ่อนเสียและปล่อยให้ข้าจัดการส่วนที่เหลือเอง” แน่นอนว่าคนที่มาถึงคือเฉินซี ครั้นเขาได้เห็นว่าอาการบาดเจ็บของชิงซิ่วอี้รุนแรงถึงเพียงนี้ หัวใจก็กระตุกวูบ ชายหนุ่มเลือกที่จะวางนางไว้บนสมบัติอมตะของตนโดยไม่ถามความเห็นของนาง

ขณะที่เฉินซีช่วยชิงซิ่วอี้ ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ซึ่งอบอวลไปด้วยแสงดาวเยือกเย็นที่อยู่กลางอากาศก็ดักจับเหรียญทองแดงโปรยสมบัติรวมไปถึงสมบัติวิญญาณทั้งสามชิ้นไว้ได้ครู่ใหญ่ กระนั้นมันกลับหาได้จัดการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างราบคาบไม่ หากแต่ยังคงค้างอยู่กลางอากาศอย่างไม่รู้ทางไปแทน

เหตุผลเป็นเพราะว่าเหรียญทองแดงโปรยสมบัตินั้นมีพลังที่น่าทึ่งอย่างมาก ด้วยการควบคุมของอินไฮว่คง มันเปล่งแสงสีทองที่เจิดจ้าออกมาประหนึ่งสายฟ้า ก่อนจะดิ้นรนต่อสู้อย่างเดือดดาลกับพลังภายในตาข่าย ส่งผลให้แม้แต่ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ยังแทบจะพังทลายลง จนเกือบปลดปล่อยอีกฝ่ายจากพันธนาการไป

“ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์! บัดซบ! ที่แท้มันก็คือสมบัติอมตะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าก่อนที่พวกศิษย์ทั้งหลายของเขาเทพพยากรณ์จะจากไป พวกมันไม่ได้มีเจตนาที่ดีอะไร ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งมอบสมบัติอมตะชิ้นนี้ให้เจ้าอีก!” หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อินไฮว่คงก็ค่อย ๆ กลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้ง แน่นอน เขาจำเฉินซีได้อย่างแม่นยำ ทั้งยังจำตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ได้อีกด้วย บัดนี้สีหน้าจึงผลัดสีมืดมนชวนให้รู้สึกเยือกเย็น

ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์!

มันเป็นสมบัติชั้นสูงของเขาเทพพยากรณ์ ท่ามกลางสมบัติวิญญาณธรรมชาติทั้งร้อยแปดชิ้นอันเลื่องชื่อ มันถูกจัดไว้ที่อันดับที่สิบหก!

สมบัติชิ้นนี้มีความมหัศจรรย์ตรงที่สามารถดักจับวิถีแห่งเต๋าสวรรค์ วิถีแห่งโชคชะตา และวิถีแห่งชะตากรรมได้ เมื่อครั้งบรรพกาล เจ้าสำนักเขาเทพพยากรณ์ได้ใช้สมบัติชิ้นนี้เพื่อยึดครองแผนภาพวารีหลากจากท่ามกลางการต่อสู้อันวุ่นวายระหว่างเทพอสูรและเหล่าทวยเทพ เพื่อที่จะใช้มันสร้างเขาเทพพยากรณ์ขึ้นมา!

แล้วอย่างนี้ มีหรือที่อินไฮว่คงจะจำมันไม่ได้

เดิมทีเขาคิดว่าการใช้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติก็คงเพียงพอที่จะขจัดหนามยอกอกอย่างเฉินซีไปได้ และเมื่อทำได้เช่นนั้นจริง อุปสรรคทั้งหมดที่ขัดขวางนิกายอำนาจเทวะในการควบคุมภพเซียนก็จะสลายหายไป

ทว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเฉินซีจะเป็นผู้ครอบครองตาข่ายครอบคลุมสวรรค์!

สิ่งนี้ทำให้แผนการของอินไฮว่คงล้มเหลวลงต่อหน้าต่อตา มีหรือที่เขาจะอดทนอดกลั้นได้?

อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เขาต้องตกใจ เมื่อนึกย้อนไปถึงวันที่ได้พบกับเฉินซีที่ด้านนอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เทียบกับความแข็งแกร่งของเฉินซีในตอนนี้ มันก็แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด!

…อีกฝ่ายยามนี้ ช่างน่าเกรงขามเสียจนเขารู้สึกกดดันขึ้นมาแล้ว!

“เฉินซี!”

“คนคนนี้น่ะหรือที่กล้าบุกเข้ามาในนิกายอำนาจเทวะของเรา!?”

“สวรรค์เข้าข้างนิกายอำนาจเทวะโดยแท้ นี่คงเป็นความบังเอิญที่เปิดโอกาสให้เราได้จำกัดมัน เท่านี้สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็ไม่มีตัวเกะกะอีกต่อไป!”

ทั้งเจี้ยงหลิงเซียวและศิษย์ชั้นยอดคนอื่น ๆ ก็จำเฉินซีได้เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาหลุดพ้นจากความตกใจ จิตสังหารพลันผุดพรายขึ้นบนใบหน้าเปี่ยมสุขทันที

มันพุ่งเป้าไปที่เฉินซีในทันที

“ร่วมมือกันฆ่าไอ้เด็กนี่ซะ!” อินไฮว่คงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงขึงขัง พร้อมกันนั้น เขาทุ่มสุดพละกำลังเพื่อให้ได้ครอบครองตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ เนื่องจากถ้าหากได้มันมาก็เท่ากับจะกลายเป็นเจ้าของสมบัติวิญญาณธรรมชาติถึงสี่ชิ้น!

“ฆ่ามัน!”

“ฆ่ามัน!”

ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเขตราชันเซียนทั้งสามสิบหกคนเปิดการโจมตีพร้อมกัน พวกมันเข้าโจมตีเฉินซีจากทุกทิศทางอย่างสุดกำลัง

ในชั่วพริบตา สมบัติอมตะนานาชนิดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เคล็ดวิชาต่าง ๆ สร้างเสียงหวีดหวิวขึ้นในอากาศ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของพวกมันเจิดจ้าเสียจนทั้งฟ้าดินตกอยู่ในความโกลาหล หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก พลังโจมตีก็คงจะกวาดเมืองหลายเมืองจนราบเป็นหน้ากลอง

แกร๊ง!

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กระบี่เต๋าวิบัติซึ่งชโลมไล้ไปด้วยแสงสีเลือดก็ปรากฏขึ้นบนมือเฉินซี ฉับพลัน ร่างสูงใหญ่ได้เปล่งแสงประกายจรัส บัดนี้ ชายหนุ่มหาได้สนใจบรรดาศิษย์ชั้นยอดที่กำลังหันการโจมตีใส่เขาไม่ หากแต่มุ่งตรงไปที่อินไฮว่คงเพียงคนเดียวเท่านั้น

ขวับ!

คมกระบี่บงกชที่ใสวาวเบ่งบานไปทั่วผืนฟ้า พวกมันล้วนอัดแน่นไปด้วยปราณกระบี่คมกริบซึ่งผสานเข้ากับจิตสังหารเข้มข้น พวกมันไม่ได้กวาดทุกสรรพสิ่งออกไป แต่กลับปกคลุมไปทั่วทั้งสมรภูมิ

ทันใดนั้น ปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวมากมายพลันเดินขึ้นในฟ้าดิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงคร่ำครวญของทวยเทพ ภูตผีที่คร่ำครวญ เทพอสูรคำรามดุดัน ปราชญ์ทั้งหลายรำพันเสียงโศก หรือโลหิตไหลนองรดแผ่นดิน

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลจากพลังของกระบี่เต๋าวิบัติ!

พลังนี้ได้รับสืบทอดมาจากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล สายใยพลังอันน่าสะพรึงกลัวถูกตราลงบนกระบี่ ทำให้มันสามารถต้านทานพลังแห่งความวิบัติของนิกายอำนาจเทวะได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]