บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1533

บทที่ 1533 ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีแฝงอยู่

……….

บทที่ 1533 ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีแฝงอยู่

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ซ้ำยังทวีความรุนแรงทุกช่วงลมหายใจ

เฉินซีถูกสยบโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงปัดป้อง และไม่สามารถตอบโต้ได้ ดูเหมือนสถานการณ์จะเข้าขั้นวิกฤตแล้ว

โครม

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉินซีก็ถูกซัดจนกระเด็นกลับไป สีหน้าพลันซีดเผือด กระแสพลังเทวะอันน่าสะพรึงได้พุ่งเข้าสู่ร่างกาย คล้ายตั้งใจฉีกจักรวาลภายในร่างออกจากกัน แต่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ยันต์เทวะอนันต์กลับหมุนเวียนขึ้น แล้วกลั่นอย่างดุเดือด จากนั้นก็ดูดซับพลังงานนั้น ทำให้เขารอดพ้นจากภัยพิบัติได้

ฟิ่ว!

แต่ก่อนที่เฉินซีจะทันได้หายใจทั่วท้อง อินไฮว่คงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่พร้อมกับกระบี่พิบัติทมิฬในมือ จากนั้นตวัดฟันปราณกระบี่ออกไป แม้เฉินซีจะหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณแล้ว แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงปราณกระบี่นี้ได้ มันทิ้งบาดแผลที่ลึกถึงกระดูกบนไหล่ซ้าย ทำให้โลหิตสด ๆ หลั่งริน ย้อมเสื้อผ้าจนเป็นสีแดงฉาน

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงมากขึ้น!

“เร็วเข้า! เจ้าเด็กนี้จวนทนไม่ไหวแล้ว ฆ่ามันในรวดเดียวเลย!” อินไฮว่คงคำรามลั่นด้วยเสียงที่น่ากลัว ความตื่นเต้นเติมเต็มหว่างคิ้ว ในขณะนี้พวกเขาครองตำแหน่งที่ได้เปรียบอย่างแท้จริงแล้ว

ไม่จำเป็นต้องพูดย้ำ เพราะคงจ้าวและทัวคงล้วนเร่งจังหวะการโจมตีเช่นกัน

“ตาย!” คงจ้าวคำรามเสียงดังลั่น พลังเงื้อตวัดฟันดาบสังหารจันทราในมือลงไป

ครืน!

แต่ในขณะนี้ ร่างของเฉินซีกลับเปล่งประกายเจิดจ้า ในขณะที่เขาใช้ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงเพื่อปกคลุมร่างกาย และต้านทานการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี้ แต่ก็ถูกซัดกระเด็นกลับไปอีกครั้ง

ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวง!

ดวงตาของอินไฮว่คงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที และเต็มไปด้วยความโลภ นอกจากนี้สายตาที่จ้องมองไปยังเฉินซี ดูเหมือนราวกับว่ากำลังจ้องมองไปที่คลังสมบัติขนาดมโหฬาร

ทันใดนั้นพลันพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับกระบี่ในมือ ซ้ำยังตั้งใจจะยึดธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงมาไว้ในครอบครอง

ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็ดึงเชือกพันธนาการเทพออกมาและผูดมัดอินไฮว่คงไว้ทันที แต่ก่อนที่จะสังหารอินไฮว่คงได้ เขาก็ถูกคงจ้าวและทัวคงซัดกระเด็น

อินไฮว่คงจึงคว้าโอกาสนี้เพื่อดิ้นรนจากผูกมัดของเชือกพันธนาการเทพ

เฉินซีหมดหนทาง และทำได้แค่หลบเลี่ยงอีกครั้ง

ในช่วงเวลาต่อมา ชายหนุ่มใช้ตะเกียงสุญญจักรวาล เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ และตาข่ายครอบคลุมสวรรค์อย่างต่อเนื่อง แต่ความพยายามทั้งหมดกลับต้องล้มเหลว

ในทางกลับกัน ศัตรูเกือบคว้าโอกาสนี้ยึดสมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านี้ได้สำเร็จ

แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ก็ยังคงเหมือนกับสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก และมันทวีความอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งกว่านั้น เขายังได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง ทำให้ร่างกายอาบไปด้วยเลือด สีหน้าก็ซีดเผือดจนแทบโปร่งแสง

แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ สีหน้าของเฉินซียังคงสุขุมและนิ่งสงบ เจตจำนงศึกในดวงตายังคงลุกโชนราวกับหินหลอมเหลวที่กำลังเดือดพล่าน ซึ่งเผยให้เห็นถึงความดื้อรั้นที่ยึดติดเป็นพิเศษ

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของอินไฮว่คงและคนอื่น ๆ ส่งผลให้สีหน้าของพวกมันดูมืดมนยิ่งขึ้น จิตสังหารก็ยิ่งโหมกระหน่ำอยู่ในดวงตาของพวกมัน

เวลาที่พวกมันเหลืออยู่นั้นสั้นลงเรื่อย ๆ บัดนี้พวกเขาล้วนสัมผัสได้ว่า โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาบนท้องฟ้าซึ่งแต่เดิมอยู่ในสภาพเงียบงัน เริ่มเกิดการเคลื่อนไหวและใกล้จะลงมาในไม่ช้า

หากพวกมันยังคงไม่สามารถฆ่าเฉินซีก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือพวกมันจะถูกนำตัวเข้าสู่แดนโลกาวินาศ ในขณะที่ไม่ว่าเฉินซีจะได้รับบาดเจ็บเพียงใด ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีใครในสามภพที่จะสามารถทำร้ายมันได้อีก!

ผลที่ตามมาดังกล่าว เป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจยอมรับได้อย่างเด็ดขาด

“ระยำ! ไอ้สารเลวนี้รับมือได้ยากจริง ๆ!”

“เร็วเข้า! แม้เราจะต้องใช้เคล็ดวิชาต้องห้าม แต่เราต้องฆ่าเจ้าเด็กนี้ให้จงได้!”

คลื่นเสียงร้องตะโกนดังก้องกังวาน ในตอนนี้ อินไฮว่คงได้ใช้เคล็ดวิชาต้องห้าม ทำให้พลังเทวะพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย กลิ่นอายอันน่าเกรงขามก็ทะยานขึ้นอีกครั้ง

ครืน!

ทันใดนั้น เขาตวัดกระบี่พิบัติทมิฬเพื่อฟันปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวออกไป และมันทำให้ฟ้าดินพังทลายลง โลกเต็มไปด้วยภัยพิบัติและความมืดมิดอันไร้ขอบเขต

มันเหมือนกับม่านราตรีนิรันดร์ได้ถูกรูดลงมา และลากโลกเข้าสู่ความมืดมิดอันไร้ขอบเขต!

กระบวนท่านี้น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เฉินซีสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่แผ่มาจากมัน และทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว ซึ่งในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ แสงอันเย็นเฉียบพลันแวบขึ้นในดวงตา ราวกับเขาจะตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ คลื่นแสงที่ผันผวนได้ปะทุออกมาจากร่างกายของเฉินซีอย่างกะทันหัน และกลายเป็นแท่นดอกบัวจำนวนมากซึ่งห่อหุ้มร่างกายไว้ และป้องกันปราณกระบี่นี้

มันคือชิงซิ่วอี้!

ในขณะนี้ นางปรากฏตัวจากภายในสมบัติอมตะ และใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเพื่อที่จะช่วยเฉินซีสกัดกั้นการโจมตีนี้

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของเฉินซี และคาดไม่ถึงว่าชิงซิ่วอี้จะสามารถเคลื่อนไหวได้ตามอำเภอใจ แต่มันก็สายเกินไปที่จะหยุดยั้งนาง

โครม!

พลังทั้งสองชนกัน แท่นดอกบัวจำนวนมากถูกแยกออก และกระจายไปทั่วฟ้าเหมือนแผ่นกระดาษ แต่ก็สามารถหยุดกระบวนท่ากระบี่นี้ได้

ทว่าจู่ ๆ เลือดก็พุ่งออกมาจากปากของชิงซิ่วอี้ หลังจากที่นางได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ ดูเหมือนนางจะสูญเสียจิตวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้ไปโดยสิ้นเชิง ทำให้นางหมดแรงและเกือบจะล้มลงจากกลางอากาศ

“บัดซบ!” ดวงตาของเฉินซีแทบจะถลนออกมาด้วยความโกรธ แล้วรีบคว้าร่างระหงของชิงซิ่วอี้ไว้ ความโกรธได้โหมกระหน่ำราวกับทะเลคลั่ง ทำให้เลือดทั่วร่างกายเดือดพล่านใกล้ปะทุ

ชั่วพริบตานั้น ชิงซิ่วอี้ได้ยืนหยัดต่อหน้าเขาอย่างเด็ดเดี่ยว และเกือบจะตายไปแล้ว!

แล้วเฉินซีจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]