บทที่ 1604 กระบี่พิฆาตฟ้า
…………….
บทที่ 1604 กระบี่พิฆาตฟ้า
กระทิงเพลิงถีบกระทืบบนท้องนภา จากนั้นแหงนหน้าขึ้นเปล่งเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน
นี่คือวัวกุยเพลิงพิโรธ มันถือกำเนิดขึ้นจากแก่นแท้แห่งอัคคีภายในความโกลาหล มีร่างกายที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ทั้งยังเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการควบคุมเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ ความสามารถในการป้องกันยังน่ากลัวมาก ดังนั้นมันจึงสามารถครองความยิ่งใหญ่เหนือสัตว์เทวะส่วนใหญ่ในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกัน
ทันทีที่มันปรากฏตัว มันก็ดึงดูดความสนใจของหลาย ๆ คนในทันที ชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมปักนั่งอยู่บนวัวกุยเพลิงพิโรธ และชายวัยกลางคนที่สะพายกระบี่สองเล่มบนหลังก็ยืนอยู่เคียงข้าง
“ช่างน่าสนใจนัก ลี่อู๋จีจากนิกายกระบี่วิถีราชาได้นำวัวกุยเพลิงพิโรธมาเป็นทาสเทพของเขา แน่นอนว่าคนผู้นี้ให้ความสำคัญกับความสามารถในการป้องกันที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง” ดูเหมือนใครบางคนกำลังครุ่นคิดและหัวร่อเบา ๆ
ในขณะนี้ เฉินซีก็เข้าใจอย่างฉับพลัน แต่เขาก็เบือนสายตาออกไป เพราะถึงแม้ว่าความสามารถในการป้องกันของวัวกุยเพลิงพิโรธนั้นจะไม่ธรรมดา แต่มันก็มีความสามารถเพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาเท่านั้น ดังนั้นอย่างมากมันก็เป็นเพียงโล่ที่มีชีวิต
โฮก!
ในช่วงเวลาเดียวกับที่วัวกุยเพลิงพิโรธปรากฏขึ้น เสียงคำรามก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้น หมีดำที่สูงราวสิบสองจั้งก็โผล่ขึ้นมาจากอากาศและยืนอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเทียนหลง
มันคล้ายกับภูเขาลูกเล็ก ๆ ขนเปล่งประกายสีดำสนิท ในขณะที่ดวงตาทอแสงเย็นเยือกและดุร้าย ทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายป่าเถื่อน ครอบงำ และน่าสะพรึงกลัว
“หมีพิฆาตสุริยา!” ฝูงชนเกิดความโกลาหลอีกครั้ง นิสัยของหมีตัวนี้ดุร้ายอย่างไม่มีใครเทียบได้ และตามข่าวลือ มันสามารถกลืนกินดวงอาทิตย์ได้ ร้ายกาจยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าหมีพิฆาตสุริยาตัวนี้ เป็นทาสเทพของเสี่ยวเทียนหลง
“ดูเหมือนคนผู้นี้ไม่เคยคิดที่จะพาเจ้าไปด้วยตั้งแต่แรก…” รอยยิ้มเย็นปรากฏบนริมฝีปากเฉินซีอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้
ก่อนหน้านี้ เถี่ยอวิ๋นผิงได้อ้อนวอนเสี่ยวเทียนหลงด้วยความตั้งใจที่จะเข้าร่วมการชุมนุมล่าดารากับพวกเขา แต่เสี่ยวเทียนหลงและลู่เยี่ยนได้สร้างอุปสรรคให้กับนาง ทำให้นางต้องทนทุกข์กับความอัปยศอดสู แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะพานางไปด้วยจริง ๆ
ในขณะนี้ เถี่ยอวิ๋นผิงดูเหมือนจะเข้าใจเช่นกัน สายตาที่มองไปยังเสี่ยวเทียนหลงและลู่เยี่ยนก็เปลี่ยนไป มันอัดแน่นไปด้วยความขุ่นเคืองที่อธิบายไม่ได้
“พังพอนอัสนีม่วงเก้าหาง!”
“อสรพิษบินคลื่นเมฆินทร์!”
“สัตว์เทวะจู้เชียน!”
หลังจากนั้น ผู้เข้าร่วมการชุมนุมล่าดาราก็เผยทาสเทพที่พามาอย่างต่อเนื่อง และในทางปฏิบัติแล้ว พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์เทวะหรือสัตว์ร้ายที่หายาก ดังนั้นจึงทำให้เกิดเสียงดังเซ็งแซ่ระลอกแล้วระลอกเล่า
นี่เป็นเรื่องที่ปกติอย่างยิ่ง การดำรงอยู่ของทาสเทพในระหว่างการชุมนุมล่าดารามีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้เข้าร่วม พวกมันสามารถต่อสู้เคียงข้างผู้เข้าร่วมหรือช่วยให้ผู้เข้าร่วมจัดการกับอันตรายได้ ถึงขั้นที่พวกมันสามารถกลายเป็นโล่มีชีวิตเมื่อผู้เข้าร่วมตกอยู่ในอันตรายได้
แต่เมื่อเถี่ยอวิ๋นผิงเผยกระต่ายโลหิตเนตรหยกของนาง บรรยากาศที่ลุกเป็นไฟในสภาพแวดล้อมก็แข็งตัวลงทันที และกลายเป็นเงียบกริบ
กระต่ายโลหิตเนตรหยกเหรอ?
ทุกคนเบิกตากว้างและดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นพวกเขาก็แผดเสียงหัวเราะ
“มีคนใช้กระต่ายโลหิตเนตรหยกเป็นทาสเทพจริง ๆ เหรอ? สวรรค์! ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่หรือไม่? นั่นคือเผ่าพันธุ์สัตว์เทวะที่มีพลังยุทธ์อ่อนแอที่สุด”
“ฮ่า ฮ่า! บางทีแม่หนูคนนั้นอาจจะคิดว่ากระต่ายน่ารักก็เลยเอามันมาเล่นด้วย”
“ช่างน่าขันยิ่งนัก! นี่คือการชุมนุมล่าดารา การนำสิ่งที่เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงมา ก็เหมือนกับการยอมแพ้ทางอ้อม!”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น พวกเขาต่างแผดเสียงดูถูก หัวเราะและเยาะเย้ย มันทำให้ใบหน้าที่งดงามของเถี่ยอวิ๋นผิงแดงก่ำทันที
โดยเฉพาะสายตาจากเสี่ยวเทียนหลง ลู่เยี่ยน เสี่ยวหลัวหลั่ว และคนอื่น ๆ ที่ปรากฏเจตนาเยาะเย้ยอย่างรุนแรง และทำให้เถี่ยอวิ๋นผิงรู้สึกอึดอัด
ทว่าหลังจากนั้น นางก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่งดงามก็ปกคลุมไปด้วยท่าทางแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ เพราะนี่คือสหายของนางที่คอยอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด ไม่ว่าจะอ่อนแอปานใด สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำให้นางสั่นคลอนได้
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ากับตัวเอง ดวงจิตแห่งเต๋าของเถี่ยอวิ๋นผิงนั้นมั่นคงอย่างยิ่ง และไม่ธรรมดาจริง ๆ นี่เป็นศักยภาพที่พิเศษ แม้ว่าจะไม่ได้แสดงผลในตอนนี้ แต่เมื่อใดที่นางก้าวไปบนเส้นทางสู่เต๋า มันจะส่งเสริมนางอย่างไร้ขอบเขตเป็นแน่แท้
ในขณะนี้ เฉินซีก็สังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองตนอย่างลับ ๆ สายตานั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก หนาวเหน็บราวน้ำแข็ง แต่ก็ไร้ตัวตน นั่นทำให้เฉินซีนึกถึงบุคคลหนึ่งแทบจะในทันที ผู้ปกครองแห่งเอกภพมสิหิม จักรพรรดินีอวี้เชอ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันกลับไปมอง ก็สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่เพียงลำพังในชุดกระโปรงสีแดงเพลิงที่ปักด้วยลายวิหคอมตะ และผ้าคลุมสีแดงก็ปกคลุมใบหน้า ขณะที่นางจ้องมองไปยังท้องฟ้าอันห่างไกล
หรือข้าอาจคิดไปเอง? เฉินซีส่ายศีรษะและหยุดคิดถึงเรื่องนี้
โอม!
ทันใดนั้น ประตูบานหนึ่งเกิดการควบแน่นจนกลายเป็นรูปเป็นร่างในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และปลดปล่อยคลื่นความผันผวนที่คลุมเครือออกมา
“ออกเดินทางได้” จักรพรรดินีอวี้เชอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ผู้เข้าร่วมบางคนได้สั่งสมพลังและรอการเคลื่อนไหวมาเนิ่นนานแล้ว และทันทีที่พวกเขาได้ยิน ก็พลันพุ่งปราดไปที่ประตูภายใต้การนำของเทวาวิญญาณของพวกเขาทันที
ในช่วงเวลาถัดมา ลำแสงอันงดงามมากมายก็พาดผ่านท้องฟ้า ไม่มีผู้ใดลังเลสักคน เพราะพวกเขาเกรงอย่างยิ่งว่าจะสูญเสียโอกาส หากล่าช้าเกินไป
“ไปกันเถอะ” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะยิ้มให้เถี่ยอวิ๋นผิงที่ยืนเคียงข้าง
“ตกลง” เถี่ยอวิ๋นผิงพยักหน้าอย่างเข้มแข็ง
“มา” ร่างของเฉินซีแวบวับ และนำเถี่ยอวิ๋นผิงทะยานผ่านอวกาศ จากนั้นก็พุ่งผ่านประตูหายลับไป
…
“เปิดใช้งานม่านนภา” เมื่อร่างของเหล่าผู้เข้าร่วมได้หายไปหลังประตู จักรพรรดินีอวี้เชอก็สั่งชายชราชุดสีเทาที่อยู่เคียงข้างเบา ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...