บทที่ 1609 ตาต่อตา
…………….
บทที่ 1609 ตาต่อตา
ศรนั้นทะลวงเวหา เรืองรัศมีเจิดจรัสโดดเด่น ดูน่ากลัวกว่าการโจมตีคราก่อน มีซากกระดูกเทวะมากมายลอยขึ้นวนเวียนรอบตัวศรอย่างเจือจาง ส่งเสียงโหยหวนแหวกอากาศ
สีหน้าของเฉินซีคล้ำดำ เดือดดาลอย่างเต็มที่
วูบ!
ชายหนุ่มดูไม่เหมือนขยับตัวใด ๆ แต่กลับหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ในพริบตา
เปรี้ยง!
เขาขยี้ศรนั้นเป็นเสี่ยง ก่อนจะมาถึงตรงหน้าคนผู้นั้นด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ
คนผู้นั้นมีปฏิกิริยาค่อนข้างว่องไว ความแข็งแกร่งก็ไม่ธรรมดา ปีกสีเงินคู่หนึ่งคลี่ออกบนหลังอย่างเฉียบพลัน ฟาดฟันลงดุจคู่กรรไกร สาดประกายแรงกล้าเปี่ยมอำนาจดุจอัสนี
ทว่าเฉินซีไม่แม้จะเหลือบแล ออกหมัดชกใส่
ท่ามกลางเสียงสะท้านสรวง เพียงหมัดเดียวของเฉินซีฟาดคนผู้นั้นกระเด็นถอย กระอักเลือดไม่หมดสิ้น กระดูกไม่รู้หักไปกี่ท่อน
เขาอ้าปากเหมือนจะพูดบางอย่าง
ฮึ่ม!
ทว่าหนึ่งคลื่นอำนาจประหลาดบังเกิดขึ้น ก่อนที่อำนาจมิติอันน่าสะพรึงกลัวจะเผยลักษณ์ พาตัวเขาหายลับไปทันที
แผ่นเทวะทำลายตัวเองยามเขาเจียนสิ้นใจ และบังคับตัดสิทธิ์เคลื่อนย้ายให้พ้นอันตราย มิเช่นนั้นแค่อำนาจจากหมัดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขารับไหวแล้ว
ทุกคนต่างขวัญสะท้าน เงียบกริบดุจป่าช้า สีหน้าแปรเปลี่ยน ไม่คิดฝันว่าสหายของพวกตนจะถูกจัดการลงง่ายดายเพียงนี้
กระทั่งเถี่ยอวิ๋นผิงก็เบิกตากว้าง ไม่อาจเชื่อได้เลยว่าผู้อาวุโสที่ดูแลนางมาตลอดทางจะมีอำนาจน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
“พวกเจ้ายังอยากเล่นอยู่อีกหรือไม่?” สายตาของเฉินซีกวาดมองอย่างเย็นเยียบ
ไร้ผู้ใดตอบคำถาม ร่างของศิษย์ตระกูลอี้ทั้งหลายสั่นสะท้านยามสายตาของเฉินซีกวาดผ่าน ให้ความรู้สึกราวดาบคมกรีดเฉือน ทำให้เกิดความพรั่นพรึงมหาศาลในใจ
จิตสังหารพลุ่งพล่านในใจเฉินซี ขณะที่กำลังจะฉวยโอกาสกำจัดสารเลวเหล่านี้เสีย เขาพลันสัมผัสบางอย่างได้ สายตามองไปไกลอย่างมิอาจเลี่ยง ก่อนจะคืนความสำรวมเยือกเย็น ถอนสายตากลับมา
“หนนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่เรื่องยังไม่จบหรอกนะ” เฉินซีกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะพาเถี่ยอวิ๋นผิงจากไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เฉินซีจากลับ พวกเขาทั้งหลายพลันรู้สึกโล่งใจ และเพิ่งตระหนักกันว่าอาภรณ์ที่พวกตนสวมใส่เปียกเหงื่อเสียจนชุ่มแฉะ ทำให้เผยสีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง
“ร้ายกาจอะไรเช่นนี้! อวิ๋นจงเป็นเทวารู้แจ้งวิญญาณ แต่เขาชกหมัดเดียวก็ต้องออกจากการชุมนุมไป ในตระกูลอี้ของเรา มีแค่คุณชายใหญ่กับคุณชายรองเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้”
“นายน้อยสามให้เรามาฉวยโอกาสนี้ทำความเข้าใจความสามารถของคนผู้นี้ ดูว่าเขาเป็นใครกันแน่ แต่ยามนี้… เราไม่น่าจะทำได้แล้วล่ะ”
“ช่างมันเถอะ ส่งข่าวแก่คุณชายรอง ให้เขาตัดสินใจ แล้วเราก็ล่ากันอย่างใจเย็นต่อไป ข้าแค่อยากอยู่ให้ถึงยามชุมนุมล่าดาราปิดฉาก จะได้มีโอสถทวิวิญญาณเป็นรางวัล”
พวกเขาเสวนากันเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ
…
“คนผู้นั้นออมกำลังอยู่จริง ๆ ดูเหมือนชุมนุมล่าดาราหนนี้จะมีม้ามืดตัวใหญ่ไม่หยอก” ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งยืน ณ ที่ราบบนภูเขาแสนห่างไกลจากสมรภูมิ ถูคางด้วยท่าทางจมในความคิด
เขามีรูปลักษณ์หล่อเหลา รูปหน้าได้สัดส่วน ท่าทีสง่างาม ปรากฏว่าเขาคือตัวตนผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภา กวนหงอวี่ ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงทั่วเอกภพมสิหิม
“ศิษย์พี่ใหญ่ เขาร้ายกาจเพียงนั้นจริง ๆ หรือเจ้าคะ?” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มผู้ดูสง่างามในชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนกล่าวขึ้นจากข้างกาย ที่หว่างคิ้วดำสนิทห้อยอัญมณีสีฟ้าอ่อนไว้ ทำให้นางเผยบรรยากาศสงบเย็นยิ่งกว่าเก่า
ในเมื่อนางเรียกกวนหงอวี่เช่นนี้ได้ จึงเห็นได้ชัดว่านางคือซูหว่านเอ๋อร์
นับแต่เริ่มชุมนุมล่าดาราได้สองสามวันนี้ นางก็ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งได้อย่างเหนียวแน่นไร้ผู้แซงหน้า สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความสามารถโดยกำเนิดและอำนาจต่อสู้ของนางเกินธรรมดาเพียงไร
“ให้พูดสั้น ๆ…” กวนหงอวี่ครุ่นคิดลึกล้ำอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ข้ามิอาจมองทะลุเขาได้”
ทันใดนั้น ซูหว่านเอ๋อร์ก็ผงะจังงัง และเริ่มถือเฉินซีเป็นคู่แข่งอย่างจริงจังโดยแท้จริง
กวนหงอวี่คือใคร? เขาคือความภาคภูมิของนิกายศักดิ์สิทธิ์หยกนภา ตัวตนสูงสุดในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ ผู้คนถึงขั้นเรียกเขาเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณแห่งเอกภพมสิหิม!
แต่กระทั่งกวนหงอวี่ยังไม่อาจอ่านเฉินซีขาด มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฝีมือคนผู้นี้ลึกลับเกินหยั่งคาดเพียงไร
“แต่ข้าจำศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตผู้นั้นได้ นางเถี่ยอวิ๋นผิงมิได้ติดอยู่ในร้อยอันดับแรกของการจัดอันดับล่าจนบัดนี้” ซูหว่านเอ๋อร์พึมพำอย่างงุนงงเล็กน้อย ในเมื่อชายหนุ่มผู้นั้นร้ายกาจยิ่ง แล้วเหตุใดผู้เข้าร่วมชุมนุมที่เขาพามาด้วยจึงมีผลงานต่ำต้อยเช่นนี้?
กวนหงอวี่พูดอย่างใจเย็น “เพราะตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ เขาไม่เคยยื่นมือเข้าช่วยศิษย์หญิงผู้นั้นเลยสักครั้ง ในทางกลับกัน เราส่วนใหญ่…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ปิดปากไม่พูดต่อ
แต่ซูหว่านเอ๋อร์ก็ยังเข้าใจ และอดพูดอย่างขบขันมิได้ “คนผู้นี้อวดดีจริง ๆ แม้กฎจะบอกว่าห้ามผู้นำกลุ่มช่วยเหลือสมาชิกในการล่า แต่ก็ยังทำให้เหยื่อบาดเจ็บสาหัส ให้ผู้เข้าร่วมล่าลงมือปิดฉากได้”
กวนหงอวี่ซึ่งสุภาพอ่อนโยนเสมอพลันเผยสีหน้าเคร่งขรึม ขมวดคิ้วพลางกล่าว “เรื่องนี้ไม่ตลกนะ หว่านเอ๋อร์ ความช่วยเหลือของผู้อื่นเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว หากเจ้าคิดเป็นยอดฝีมือโดยแท้จริง เจ้าก็ทำได้แค่ขวนขวายพากเพียรเอง และนี่แหละคือแก่นหลักที่องค์จักรพรรดินีจัดชุมนุมล่าดาราขึ้น”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดูสิ้นสนใจเล็กน้อย รำพึงว่า “โชคไม่ดี ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่สนใจแต่จะไต่อันดับเพื่อรางวัลที่ดีขึ้น นำสิ่งที่ไม่สำคัญมาเป็นประเด็นแทนเสียได้”
ซูหว่านเอ๋อร์นิ่งไป เก็บรอยยิ้มพูดอย่างเคร่งขรึม “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านพูดถูก”
รอยยิ้มอ่อนใจยกขึ้นที่มุมปากของกวนหงอวี่บางเบา “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว น่าเสียดายที่ตัวตนยิ่งใหญ่ในนิกายก็มองเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ออกเช่นกัน สายตาเอาแต่มองรางวัล ศิษย์อย่างเรา ๆ จึงทำได้เพียงตามกระแส”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...