บทที่ 1625 การเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬ
…………….
บทที่ 1625 การเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬ
ผืนดินรกร้างกว้างใหญ่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหนาแน่น
มวลมหาคลื่นแห่งความวิปโยคส่งเสียงแหลมหวีดหวิว กังวานก้องไปทั่วม่านหมอกดำ มันเป็นเสียงคำรามของดวงวิญญาณแปดเปื้อนซึ่งน่าสะพรึงกลัวประหนึ่งเสียงครวญคร่ำแห่งจอมมาร
เฉินซีถือยันต์ศัสตราไว้ในมือ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งกุมมือของเถี่ยอวิ๋นผิงเอาไว้ เขาพานางฝ่าผ่านหมอกมืดดำซึ่งรายล้อมไปด้วยดวงวิญญาณแปดเปื้อนอย่างรัศมีแห่งแสงที่ไร้คลื่นคำรน
พวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก พร้อมกับล่าสังหารไปตามรายทาง
ทุกแห่งหนที่ผ่าน ซากศพของดวงวิญญาณแปดเปื้อนซึ่งต้องคมเฉือนก็ร่วงหล่นสู่พื้นดินก่อนจะสลายเป็นธุลีในที่สุด อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำต่อวิญญาณเหล่านั้น ไม่ต่างอันใดจากการกวาดใบไม้แห้งกองหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา สีหน้าของเฉินซีนั้นดูเคร่งขรึมยิ่ง ดวงตาที่กะพริบถี่เต็มไปด้วยความระแวดระวังซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ประกายเยือกเย็น
อย่างที่กวนหงอวี่ได้ว่าไว้ พวกเขาเดินทางมาร่วมสามหมื่นลี้แล้ว และตอนนี้กำลังเข้าสู่เขตแดนของกระบี่มลทินอเวจี
ทั่วทั้งเขตแดนนี้ปกคลุมไปด้วยชั้นของจิตสังหารอันน่าสยดสยอง สัมผัสที่คล้ายจะมีรูปร่างให้จับต้องเกาะกุมจิตใจและวิญญาณให้ตกในห้วงหวาดผวา
จำนวนของดวงวิญญาณแปดเปื้อนที่นี่ลดลงอย่างรวดเร็ว พวกมันเริ่มบางตาลงจนยากจะค้นพบ
ฟ้าดินอันไพศาลหนาแน่นไปด้วยปราณมลทินอเวจีที่เดือดพล่านอย่างเพลิงกาฬ มันเงียบสงบ ลึกลับ และน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ด้วยความแข็งแกร่งของเฉินซีในปัจจุบัน เขายังคงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันกล้าแกร่ง ลางสังหรณ์บอกถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากอย่างเผลอตัว ใบหน้าคมคายสะท้อนความแน่วแน่ เด็ดเดี่ยว ในตอนนั้นเขาเลือกที่เพิกเฉยต่อท่าทีขัดขืนของเถี่ยอวิ๋นผิงและจับนางใส่ลงไปในสมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นการชั่วคราว
หลังจากนั้น เขาก็มุ่งหน้าต่อไปเพียงลำพัง
ทั่วทั้งเขตแดนซึ่งอยู่ภายใต้กระบี่มลทินอเวจีไม่มีเหล่าวิญญาณแปดเปื้อนหลงเหลืออีกต่อไป ดังนั้นหากเถี่ยอวิ๋นผิงยังคงติดตามอยู่ข้างกายเช่นนี้ ก็มีแต่จะสร้างภาระให้เขาเท่านั้น
ไม่จำต้องกล่าวถึงว่าจำนวนของวิญญาณแปดเปื้อนที่พวกเขาสังหารไปนั้นมากน้อยเพียงใด เพราะอย่างไรแล้วพวกมันก็เพียงพอที่จะทำให้นางขึ้นสู่สิบอันดับแรกได้อย่างง่ายดาย
ตลอดหนทางที่ทอดยาว ต้นอ่อนเงาทมิฬภายในจักรวาลร่างกายดูดกลืนปราณมลทินอเวจีอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกมากเท่าไร ปริมาณของปราณมลทินอเวจีก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เฉินซีรู้สึกโล่งใจ ก็คือความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของต้นอ่อนเงาทมิฬนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในอดีต มันเป็นแต่เพียงต้นอ่อนเล็ก ๆ ที่มีลำต้นแข็งแรงและใบเขียวขจี ทว่าในยามนี้ มันกลับสะพรั่งไปด้วยกิ่งก้านสาขา หยัดยืนตระหง่านกลางเมฆาอย่างมั่นคง
ประโยชน์ที่เฉินซีได้รับจากสถานการณ์นี้ก็คือ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลักออกมาราวน้ำพุตลอดเส้นทาง สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ต้องพึ่งพาผลึกศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
เมื่อรวมกับการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าที่บรรลุถึงขอบเขตทารกดวงใจแล้ว ชายหนุ่มสามารถต่อสู้ได้เรื่อย ๆ อย่างไม่จำเป็นต้องพักเลยทีเดียว
มันเป็นสภาวะที่แทบไม่ต่างจากตอนที่เขาอยู่ในสามภพเลยสักนิด
ดวงจิตแห่งเต๋าที่ทรงพลัง ทำให้ความทนทานต่อการต่อสู้เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ต้นอ่อนเงาทมิฬก็คอยทำให้เขามีพลังในการต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ด้วยการร่วมมือของทั้งสองสิ่ง เฉินซีไม่หวาดกลัวต่ออุปสรรคหรือการต่อสู้ที่สาหัสเลยแม้แต่น้อย
อย่างเช่นเมื่อครั้งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์อย่างกวนหงอวี่เผชิญกับการบุกโจมตีของกองทัพวิญญาณแปดเปื้อน และถูกกดดันจนถึงจุดที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพลดฮวบลง จนเกือบจะถูกกำจัดลงเสียแล้ว
เหตุผลนั้นเป็นเพราะกวนหงอวี่ขาดพลังที่จะรักษาสภาพการต่อสู้เอาไว้ ผิดจากเฉินซีที่ไม่มีปัญหาเหล่านั้นให้กังวล
อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ยังไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดแก่ต้นอ่อนเงาทมิฬ ด้วยเหตุนี้เฉินซีจึงยังเลือกที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ต้นอ่อนเงาทมิฬก็เพียงต้นอ่อนเช่นนั้น พลังของมันจะก้าวไปถึงขีดสุดก็ต่อเมื่อมันกลายเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬแล้วเท่านั้น!
ในช่วงยุคบรรพกาล ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแผ่สาขาใต้ร่มเงาของความโกลาหลและเชื่อมโยงภพเซียนเข้ากับภพมนุษย์เป็นดั่งเทพผู้ไม่มีใครเทียบ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ไพศาลอย่างไร้สิ้นสุดของมันสร้างความหวาดหวั่นให้เกิดขึ้นทั่วทั้งจักรวาล การดำรงอยู่ของมันเทียบได้กับจักรพรรดิมด ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล ฝูซี หนี่หวา และประมุขนิกายอำนาจเทวะ!
เนื่องจากแก่นแท้สสารของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬถูกทิ้งเอาไว้ภายในต้นอ่อนเงาทมิฬ ด้วยเหตุนี้ หากต้นอ่อนเงาทมิฬสามารถวิวัฒนาการตัวเองได้สำเร็จ ความสามารถของมัน ก็คงจะยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ
ท่ามกลางความเงียบงัน จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ใบหน้าที่เคร่งขรึมกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มเหมือนกับลูกธนูที่ถูกง้างอย่างสุดกำลัง พร้อมที่จะรับมือกับอันตรายทุกเวลา
เท้ายังคงสืบไปเบื้องหน้า
ภายใต้โลกสีดำอันไร้ขอบเขตนี้ คล้ายเป็นผู้เดียวที่ดำรงอยู่ ชายหนุ่มเดิมไปตามลำพังท่ามกลางโลกที่กว้างใหญ่เสียจนเขาดูตัวเล็กจ้อย
ทันใดนั้น เฉินซีระงับการเคลื่อนไหวลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
จากการประมาณ ม่านแห่งราตรีกาลคงกำลังคืบคลานออกมาในอีกหนึ่งเค่อต่อจากนี้
ทว่าคราวนี้ เฉินซีไม่คิดจะซ่อนตัวอีก อย่างไรการชุมนุมล่าดาราก็จะสิ้นสุดลงในวันรุ่งขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เขาจะอยากอยู่ที่นี่ต่อขนาดไหนก็คงเป็นไปไม่ได้
และนั่นหมายความว่า หากต้นอ่อนเงาทมิฬไม่สามารถวิวัฒนาการได้สำเร็จในคืนนี้ เขาก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!
เฉินซีไม่รู้เลย จักรพรรดินี้อวี้เชอเองก็ใช้โอกาสสุดท้ายในคืนนี้ไปกับการปราบกระบี่มลทินอเวจีเช่นกัน
แม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน หากนั่นกลับเชื่อมโยงกันอย่างประหลาด
หากจะพัฒนาต้นอ่อนเงาทมิฬให้สำเร็จ ก็จำเป็นที่จะต้องดูดซับปราณมลทินอเวจี และปราณมลทินอเวจีนั้น ก็ไหลเวียนออกมาจากกระบี่มลทินอเวจี
กล่าวได้ว่าสิ่งที่เฉินซีกำลังตามหามาตลอดนั้น มีความเกี่ยวข้องกับกระบี่มลทินอเวจีทั้งสิ้น
…
หนึ่งเค่อต่อมา ม่านดำแห่งรัศมีก็ปกคลุมไปทั้งเขตแดน
เฉินซีดวงตาหรี่ลงขณะที่ขบกรามแน่น เขาตั้งใจที่จะอำพรางรัศมีของต้นอ่อนเงาทมิฬอย่างที่เคยทำมาในอดีต
ทว่าฉับพลันนั้นเอง กระแสคลื่นผันผวนแห่งความศักดิ์สิทธิ์อันกล้าแกร่งก็ปะทุออกมาจากร่างกายพร้อมกับเสียงดังก้อง ทำเอาทั้งกายแข็งทื่อไปในทันใด
ตู้ม!
หลังจากนั้น ต้นอ่อนเงาทมิฬก็พุ่งออกมาจากร่างกาย มันเป็นเหตุการณ์ที่เฉินซีไม่อาจยับยั้งไว้ได้ แม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดที่มีก็ตาม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...