บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1665

สรุปบท บทที่ 1665 ความรู้สึก: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

อ่านสรุป บทที่ 1665 ความรู้สึก จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

บทที่ บทที่ 1665 ความรู้สึก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย novelones อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 1665 ความรู้สึก

………………..

บทที่ 1665 ความรู้สึก

แท่นบูชาสว่างไสว แสงอันบริสุทธิ์สาดส่องออกมา จากนั้นร่างหนึ่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไกล ก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น

ร่างนั้นเป็นชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีดำ รูปร่างผอมแห้งดุจท่อนไม้ไผ่ ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าสลับซับซ้อนราวกับหุบเหว ผมสีขาวหิมะที่ขมับปลิวไสวไปตามสายลม

คนผู้นี้แก่ชรายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังหรือเส้นผมล้วนสะท้อนให้เห็นร่องรอยของกาลเวลาอันหนักหน่วง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายผันผวนของชีวิตที่ทิ่มแทงใบหน้าผู้อื่น

ทว่าดวงตากลับเป็นสีดำสนิทและเปล่งประกายประหนึ่งดาวฤกษ์ที่เจิดจรัสในท้องฟ้า มันสุกใส เงียบสงบ และดูเหมือนจะมองทะลุความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของผู้คนได้

แม้จะดูเหมือนชายชราธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่เมื่อทุกคนจ้องมองให้ถ้วนถี่ ความรู้สึกเคารพก็บังเกิดขึ้นในใจอย่างห้ามไม่ได้

เสมือนกับกำลังเผชิญกับอนุสาวรีย์ที่ตั้งสูงตระหง่าน โดยที่ทนทานต่อสภาพอากาศมานานนับไม่ถ้วน และมันก็น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

ทวารบาลของวิหาร!

แทบจะในทันที ทุกคนล้วนรู้ตัวตนของชายชราได้บัดดล และไม่มีข้อกังขาแม้แต่น้อย

ไม่มีใครกล่าววาจาใด ๆ สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ชายชราเป็นตาเดียว ในยามนี้ บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงัดและเคร่งขรึม

สายตาของชายชรานั้นกระจ่างชัดและเงียบสงบ เปี่ยมด้วยสติปัญญาและไม่แยแสต่อเรื่องราวต่าง ๆ ในโลก ประหนึ่งเคยประสบกับเหตุการณ์ตรงหน้ามานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นทันทีที่ปรากฏกาย เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าทุกคนคงจะทราบกฎเกณฑ์อย่างชัดเจนแล้ว หากเจ้าหมายมั่นเข้าสู่แดนรากบรรพกาล ก็เริ่มการทดสอบซะ”

เสียงแหบแห้งไร้อารมณ์ แต่กลับดังก้องไปทั่วขอบฟ้า ดังกังวานอยู่ในหูของทุกคนอย่างชัดเจน

วิญญาณของทุกคนล้วนสดชื่นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทันใดนั้นแววตาก็ทอประกายความคาดหวังอย่างชัดเจน

ริมฝีปากเหี่ยวแห้งของชายชราโค้งงอเป็นรอยยิ้มที่รำลึกถึงอดีตอย่างอดไม่ได้ ในตลอดกาลเวลาที่ผ่านพ้นจนไม่อาจนับ เขาเคยเห็นแววตาเช่นนี้มามากมาย แต่ก็อดที่จะถอนหายใจยาวแรงทุกครั้งที่เห็นมันไม่ได้

“ผู้อาวุโส งั้นข้าน้อยขอเป็นคนแรกที่รับการทดสอบ” ทันใดนั้น ลั่วฉ่าวหนงที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็กล่าวเสียงดังฟังชัด ทั้งร่างกายแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังและดุร้ายออกมา

“งั้นก็เป็นเด็กน้อยจากตระกูลลั่ว ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแปลกใจเลย” ดวงตาของชายชราเปี่ยมไปด้วยปัญญาและประสบการณ์ พลางพยักหน้า “เจ้าเลือกการทดสอบใด”

หัวใจของลั่วฉ่าวหนงสั่นไหว ไม่เคยคาดหวังว่าชายชราจะมองตัวตนของเขาออกได้ในทันที สีหน้าท่าทีดื้อรื้นและดุร้ายแต่เดิมก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง และชี้ไปประตูแห่งชีวิต “ประตูบานนั้น”

โอม!

ประตูสีเลือดที่อยู่หน้าวิหารและจารึกด้วยตัวอักษร ‘生’ เปิดออกทันที เบื้องหลังประตูมีแต่ความมืดมิด ไม่อาจมองเห็นสิ่งใด

ลั่วฉ่าวหนงนำกลุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังก้าวเท้าเข้าไปในประตูแห่งชีวิตและหายตัวไปทันที

โอม!

ประตูปิดลงอีกครั้ง และแบ่งแยกทุกสิ่งออกจากโลกภายนอก

“ประตูแห่งชีวิตได้เปิดแล้ว ผู้ใดยินดีรับการทดสอบประตูแห่งความตาย?” ชายชรากล่าวช้า ๆ

ทุกคนต่างมองหน้ากัน เมื่อเปรียบเทียบกับประตูแห่งความตายที่ไม่อาจหยั่งถึงและลึกลับ ทั้งยังเต็มไปด้วยจิตสังหารทุกฝีก้าว พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเลือกประตูแห่งชีวิตมากกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าประตูแห่งชีวิตจะเต็มไปด้วยซากศพเทพโบราณจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้มีอันตรายใด ๆ ที่ไม่แน่นอน ดังนั้นพวกเขาแค่ทุ่มเทเพื่อหาทางออกจากที่นั่นเท่านั้น

“ภิกษุต่ำต้อยผู้นี้ยินดีจะลองดู” เมื่อทุกคนลังเล เสียงสงบสายหนึ่งก็ดังขึ้น

พร้อมกับเสียงนี้ เจียหนานแห่งนิกายพุทธที่สวมชุดหลวงจีนขาวนวล รองเท้าฟาง และถือไม้เท้าที่ทำจากไม้เหี่ยวเฉาก็ก้าวไปข้างหน้า

ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเจียหนาน ทุกคนก็เข้าใจทันที เจียหนาน ดำรงอยู่ในอันดับที่เจ็ดในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกประตูแห่งชีวิตหรือความตาย มันก็หาได้สำคัญไม่

อย่างที่คาดไว้ เฉินซีรู้ว่าเจียหนานที่ฝึกฝนในวิถีแสวงหาตัวตนที่แท้จริง ย่อมไม่กลัวการทดสอบของ ‘ความตาย’ อย่างแน่นอน

“การดำรงตนให้กลับคืนสู่จุดเริ่มต้น การแสวงหาความจริงและพุทธองค์… ฮ่า! นึกไม่ถึงว่าหลายปีผ่านไป ในที่สุดนิกายก็มีผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าใจวิถีสู่เต๋านี้ หัวใจของเจ้านับว่าไม่ธรรมดา”

ชายชราเหลือบมองเจียหนาน ก่อนที่จะเกิดความประหลาดใจขึ้นในดวงตาที่แจ่มชัด จากนั้นก็กลับคืนสู่ท่าทีที่สุขุมสำรวมอีกครั้ง “ไปเถิด เจ้ามีเวลาหนึ่งก้านธูป”

เจียหนานประสานมือคารวะ จากนั้นสืบกายเข้าสู่ประตูแห่งความตายและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

“คนอื่น ๆ จงรออย่างใจเย็น มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นก็ไม่เสียเปรียบแต่อย่างใด” ชายชรากวาดสายตามองคนอื่น ๆ ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง

เมื่อถึงจุดนี้ มีคนเข้ารับการทดสอบหลังประตูทั้งสองแล้ว ดังนั้นหากคนอื่นต้องการทดสอบ พวกเขาต้องรอกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงและเจียหนานทำการทดสอบให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

“ทุกท่านคนคิดว่านายน้อยฉ่าวหนงจะใช้เวลานานแค่ไหนในการผ่านการทดสอบ?”

“ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ!? ในความคิดของข้า หนึ่งถ้วยชาก็เพียงพอแล้ว”

ในทางกลับกัน คนอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงต่างแตกตื่นวุ่นวาย เมื่อได้ยินคำพูดของกงเหย่เจ๋อฟู

“หูของข้ายังปกติดีใช่หรือไม่? ชายคนนั้นหมายต่อสู้กับกงเหย่เจ๋อฟูเพื่อสตรีเหรอ?”

“คนผู้นั้นคือใครกัน? ไม่รู้จักกงเหย่เจ๋อฟูหรืออย่างไร? กล้าทำเช่นนั้นจริงเหรอ? ถึงกับยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อสนองตัณหาของตัวเองเนี่ยนะ”

“หากข้าเป็นกงเหย่เจ๋อฟู และมีคนพยายามเกาะแกะสตรีของข้า… ฮ่า ๆ! ข้าคงไม่ใจดีขนาดนั้น”

แม้แต่เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง และคนอื่น ๆ ก็ตะลึงในใจ ทั้งยังรู้สึกไม่เชื่อว่าเฉินซีได้กระทำเช่นนั้นจริง ๆ

ในขณะนี้ เฉินซีถูกดูหมิ่น เยาะเย้ย และถูกใส่ร้ายจากคนทั้งหมดนี้

กงเหย่เจ๋อฟูแค่นหัวเราะ จากนั้นส่ายศีรษะและแสดงท่าทีเหนือกว่า “ไม่ใช่ อย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้มาหาเจ้า”

ขณะที่กล่าว สายตาก็ค่อย ๆ เลื่อนไปทางเชินถูเยียนหรานที่ยืนอยู่ข้างเฉินซี จากนั้นรอยยิ้มอันเปี่ยมเสน่ห์ก็ผุดขึ้นมามุมปาก “แม่นางเหยียนหราน ขอเวลาสนทนากันสักครู่ได้หรือไม่”

เป้าหมายชัดเจน ไม่สนใจเฉินซีแม้แต่น้อย

สิ่งนี้ทำให้เสียงหัวเราะดังลั่นในรอบข้างทันที และมองเฉินซีราวกับกำลังมองตัวตลก สายตาเต็มไปด้วยความสมเพชและเยาะเย้ย

เฉินซีเม้มริมฝีปากแน่น แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร ในขณะที่จิตสังหารกำลังก่อตัวในใจ เขาตระหนักดีว่ากงเหย่เจ๋อฟูกำลังทำเช่นเดียวกับที่ตนทำในเมืองเฟิงฉี และกงเหย่เจ๋อฟูก็จงใจพาเจิ้นหลิวชิงมาเพื่อทำให้เขาอับอายต่อหน้าผู้คน!

แม้เฉินซีจะไม่ทราบเหตุผล แต่มันก็หาได้สำคัญไม่

ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าฝ่ามือของตนถูกความอบอุ่นและอ่อนนุ่มเกาะกุม จากนั้นเสียงกระจ่างไพเราะรื่นหูของเชินถูเยียนหรานก็ดังก้อง “ขออภัยด้วย แต่เวลานี้ข้าไม่ว่าง”

ร่างของเฉินซีสั่นสะท้าน และจ้องมองเชินถูเยียนหรานด้วยความประหลาดใจ สบเจ้ากับดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวเปล่งประกายด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับสายน้ำ

นางคิดจะทำอันใด?

“ทำไมกัน? เจ้าจะไม่เคยทำตัวเช่นนี้” ก่อนที่เฉินซีจะหายจากอาการตกใจ กงเหย่เจ๋อฟูก็ขมวดคิ้ว นัยน์ตาสีม่วงหดตัวทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าเชินถูเยียนหรานจับมือของเฉินซีไว้อย่างแนบแน่น

“หรือเจ้าไม่เห็นหรือ?” เชินถูเยียนหรานไม่แม้แต่จะเหลือบมองกงเหย่เจ๋อฟูด้วยซ้ำ นางจับจ้องเพียงเฉินซี และกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ข้าจะไปกับเขา”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]