บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1674

สรุปบท บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

สรุปตอน บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล – จากเรื่อง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones

ตอน บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดยนักเขียน novelones เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล

………………..

บทที่ 1674 ชื่อเสียงขจรไกล

เมื่อพวกเขาได้ยินคำแนะนำของเฉินซี ทั้งเถาตงและเวยจื่อฝูก็พยักหน้าเห็นด้วย ในใจไร้ความรู้สึกขัดแย้ง

หากหนนี้เฉินซีไม่ลงมือ พวกเขาก็คงเผชิญอันตรายกันไปนานแล้ว เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่มหาเทวาวิญญาณ ดังนั้นต่อให้ต้องตายในวันนี้ ก็ไม่ก่อให้เกิดเกิดผลอะไรมากนัก

ประกอบกับอำนาจต่อสู้น่าสะพรึงกลัวที่เฉินซีเผยออกมาระหว่างศึกทำให้พวกเขาทั้งสองกระทั่งรู้สึกยำเกรงเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ จึงย่อมคล้อยตามคำแนะนำของเฉินซีแต่โดยดี

เฉินซีไม่ได้คิดมาก ชายหนุ่มหาถ้ำหลบเร้นสายตา แล้วให้เถาตงกับเวยจื่อฝูยืนเวรยาม ก่อนจะเริ่มทำสมาธิ

แม้ท้ายที่สุดเขาจะกำชัย แต่ก็สิ้นกำลังไปมหาศาล หากการบ่มเพาะในดวงจิตแห่งเต๋าไม่บรรลุชั้นแรก เขาอาจไม่สามารถอยู่จนจบศึกได้ด้วยซ้ำ

เหตุผลอยู่ตรงที่แม้วิชากระบี่ดวงใจลี้ลับจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่เพียงสิ้นเปลืองพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาล แต่ยังสูบพลังดวงใจไปอย่างมหาศาลเช่นกัน

เฮ้อ~

เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะเริ่มตั้งสมาธิฟื้นตัว

ขณะเดียวกัน ทารกดวงใจในดวงจิตแห่งเต๋ากำลังนั่งขัดสมาธิ สองมือวาดลวดลาย เริ่มโคจรสัจหฤทัยสูตร ร่างของมันเต็มไปด้วยพลังดวงใจใสกระจ่าง ดูยิ่งใหญ่บริสุทธิ์

ไม่นานนัก เฉินซีก็จมลงสู่ภวังค์สมาธิลึกล้ำ

……

เดิมทีเฉินซีตั้งใจออกเดินทางในเช้าตรู่รุ่งขึ้น แต่ไม่คาดว่าหนนี้ยามเข้าสู่ภวังค์สมาธิ เขาจะไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนผ่านแห่งเวลา และไม่เผยสัญญาณฟื้นคืนแม้จะผ่านไปแล้วถึงสามวัน

สิ่งนี้ทำให้เถาตงและเวยจื่อฝูอดเป็นกังวลเล็กน้อยไม่ได้ คิดไปว่าเฉินซีบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสในศึกก่อนหน้า

“เป็นเช่นนี้ต่อไป แล้วเราจะทำเช่นไรหากเขายังไม่ตื่นขึ้นยามรากเต๋าบรรพชนปรากฏขึ้น?” เถาตงเป็นกังวลเล็กน้อย

เวยจื่อฝูกลับหัวเราะหึ “ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะเกิดจิตสำนึก เริ่มเป็นห่วงสหายเต๋าเฉินซีแล้ว หายากนะนี่”

เถาตงกล่าวอย่างหงุดหงิด “ข้าจะเป็นคนไม่รู้คุณเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้ายอมรับว่าในอดีตเคยประเมินสหายเต๋าเฉินซีไว้ต่ำ แต่ข้าสำนึกผิดแก้ไขตนเองไม่ได้หรือ?”

เวยจื่อฝูแย้มยิ้ม “ทำได้อยู่แล้ว”

เถาตงเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง “แม้เราทั้งหลายจะเป็นทายาทนิกายตระกูลจากเอกภพจักรวรรดิ มีตัวตนไม่ธรรมดา การบ่มเพาะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับสหายเต๋าเฉินซีแล้ว เราด้อยชั้นกว่านัก ข้าไม่ได้พูดถึงความแข็งแกร่งของการบ่มเพาะนะ แต่เป็นเพราะเขาผ่านประสบการณ์เกินธรรมดาอย่างยิ่งมาอย่างเห็นได้ชัด ได้รับการขัดเกลาสารพัดจากมรสุมละเลงเลือด ในทางกลับกัน เราทั้งหลาย… เหอะ… แม้อำนาจต่อสู้จะร้ายกาจ แต่ประสบการณ์ศึกห่างไกลจากสหายเต๋าเฉินซีมากนัก”

เวยจื่อฝูหัวเราะหึ “ข้าไม่คาดเลยว่าความเข้าใจในตนเองของเจ้าจะกระจ่างยิ่ง ท้ายที่สุด เจ้าก็ไม่ใช่พวกกร่างกำแหงสมองทึบ”

เถาตงถลึงตา อ้าปากจะพูดแย้ง ทว่าเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งพลันดังออกมาจากถ้ำเบื้องหลัง ทำให้เขาเผยสีหน้ายินดีออกมาทันที “ออกมาแล้ว!”

“ลำบากสหายเต๋าทั้งสองแล้ว” ผู้ที่เดินออกมาจากถ้ำก็คือเฉินซี

ขณะนี้ บรรยากาศรอบตัวยิ่งทวีความเยือกเย็นบางเบา ดวงตาสีเข้มลึกล้ำสุขุมดุจบ่อน้ำโบราณไร้รอยกระเพื่อม ทุกการกระทำทำให้พลังชีวิตในกายพลุ่งพล่าน เทียบกับเมื่อก่อน ชายหนุ่มเผยร่องรอยความสมบูรณ์อย่างไม่อาจจับต้อง

เห็นได้ชัดว่าการบ่มเพาะในสามวันที่ทำสมาธินี้ได้พัฒนาขึ้นอีกแล้ว

การเผชิญศึกเมื่อกาลก่อนทำให้เฉินซีได้รับประโยชน์ ในที่สุด การบ่มเพาะก็ข้ามเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์ของขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ

แม้มันจะเป็นเพียงการข้ามเส้นแบ่งเขต แต่นั่นก็ทำให้อำนาจต่อสู้เพิ่มพูนจนสังเกตได้ ให้บรรยากาศสมบูรณ์ยิ่ง

เฉินซีสังเกตเห็นชัดเจนว่าทัศนคติของพวกเขาต่อตนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย และอดกล่าวยิ้ม ๆ ไม่ได้ “เราไปหารากเต๋าบรรพชนกันต่อเถอะ”

พวกเขาไม่โอ้เอ้ ออกเดินทางกันทันที

……

ก่อนหน้านี้ ศึกอันดุเดือดเกิดขึ้นเพียงเพราะรากเต๋าบรรพชนระดับห้าเพียงหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้กลุ่มของเฉินซียิ่งเข้าใจลึกล้ำว่าการแข่งขันในแดนรากบรรพกาลป่าเถื่อนเพียงไร

มันเป็นเพียงรากเต๋าบรรพชนระดับห้าเท่านั้น หากไปพบรากเต๋าบรรพชนระดับหก เจ็ดหรือแปดเข้า ก็ไม่อาจคาดฝันได้เลยว่าจะต้องเผชิญการแก่งแย่งฆ่าฟันโหดร้ายขนาดไหน

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มของเฉินซีจึงเพิ่มความระวังตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะเถาตงและเวยจื่อฝูที่ยิ่งระมัดระวังกว่าหนก่อน

……

บางทีในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างพวกเขา เพราะไม่นานหลังออกเดินทาง พวกเขาก็พบรากเต๋าบรรพชนตกสำรวจเข้าหนึ่งชิ้น

ยิ่งกว่านั้น มันยังเรืองแสงสีเขียว ปรากฏว่านี่คือรากเต๋าบรรพชนระดับหกชิ้นหนึ่ง!

เฉินซีพยักหน้า “ก็ได้ ไปรับได้เลย”

เถาตงพุ่งเข้าไปทันที

ระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ เฉินซีกำลังคิดว่าเขาควรไปหารากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดหรือสูงกว่าดีหรือไม่

ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายดูแตกตื่นเสียขวัญ เผ่นหนีกระเจิดกระเจิง ไม่กล้าอยู่ต่อแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ

เฉินซีอดผงะกับภาพเช่นนี้ไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยล้อตนเอง “ไม่คาดเลยว่าข้าในยามนี้จะโด่งดังนัก”

เถาตงและเวยจื่อฝูก็ตกตะลึงเช่นกัน ก่อนจะทอดถอนใจในอก พวกเขาตระหนักดีว่าเฉินซีสร้างชื่อเสียงและอิทธิพลผ่านศึกมากมาย ไม่ใช่ตัวตนไร้ชื่อเหมือนเช่นยามแรกพบพานอีกแล้ว

เพราะกระทั่งเชินถูเยียนหรานยังไม่น่าจะเทียบชั้นตัวตนน่าสะพรึงกลัวผู้นี้ได้ แล้วคนเช่นนี้หรือจะเป็นผู้เกาะชายกระโปรงสตรีเอาตัวรอด?

เฉินซีเฉยชาต่อเรื่องทั้งหมดนี้อย่างยิ่ง ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าเขาไม่เพียงสร้างชื่อเสียงอิทธิพล ยังสร้างความแค้นจากทุกการเข่นฆ่าด้วย!

หลังจากได้รากเต๋าบรรพชนระดับหกนี้มาอย่างราบรื่น นับรวมแล้วเฉินซีก็มีรากเต๋าบรรพชนระดับห้าสองชิ้น และรากเต๋าบรรพชนระดับหกสองชิ้นในครอบครอง

นี่เป็นผลการเก็บเกี่ยวอันชวนตะลึงที่จะทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ตาลุกริษยา ทว่าเฉินซีกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เพราะเป้าหมายของเขาคือรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดขึ้นไป ขณะที่รากเต๋าบรรพชนคุณภาพอื่น ๆ ไม่ควรค่าให้สนใจ

“แปลกจริง เราเดินทางกันมานานเพียงนี้ แต่เหตุใดจึงไม่พบรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดขึ้นไปเลยสักครั้ง?” เฉินซีขมวดคิ้ว ครุ่นคิดลึกล้ำอย่างเงียบเชียบ

เถาตงและเวยจื่อฝูมองหน้ากัน พวกเขาก็จนใจไม่ต่าง และไร้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ จึงไม่อาจช่วยเหลือใด ๆ ได้เลย

พรึ่บ!

ทันใดนั้น เฉินซีก็เลิกคิ้ว พลิกฝ่ามือขึ้น เบี้ยรวมวิญญาณปรากฏออกมา ทว่าในยามนี้ เบี้ยรวมวิญญาณกำลังเปล่งแสง เผยคลื่นกระเพื่อมรุนแรง

หลังจากนั้น เสียงการต่อสู้ก็ดังออกมา ปะปนด้วยเสียงแผดก้องอย่างเดือดดาล

“นั่นมันเสียงของจวนอวี๋สุ่ย!”

“หรือเขาจะพบอันตราย?”

เถาตงกับเวยจื่อฝูผงะไปทันที

ขณะนี้ เสียงในเบี้ยรวมวิญญาณหายไปกะทันหัน แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวทะยานสู่ฟ้า

“ตามมันไป!” เฉินซีตัดสินใจทันที ชายหนุ่มพาเถาตงและเวยจื่อฝูเคลื่อนย้ายไล่ตามเบี้ยรวมวิญญาณไปด้วยกัน

เขาตระหนักชัดเจนว่าจวนอวี๋สุ่ยเป็นคนเงียบขรึมหนักแน่น ดังนั้นหากไม่เผชิญอันตรายสุดขีด เขาจะไม่ขอความช่วยเหลือเด็ดขาด

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]