บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1681

สรุปบท บทที่ 1681 เดชกระบี่อันชวนตะลึง: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 1681 เดชกระบี่อันชวนตะลึง – ตอนที่ต้องอ่านของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอนนี้ของ บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] โดย novelones ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1681 เดชกระบี่อันชวนตะลึง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 1681 เดชกระบี่อันชวนตะลึง

………………..

บทที่ 1681 เดชกระบี่อันชวนตะลึง

ความรู้สึกลึกลับอันเกาะกุมหัวใจ แท้จริงมาจากเจตจำนงกระบี่ ณ สุดที่โล่งนี้!

ยิ่งกว่านั้น เจตจำนงกระบี่นั่นยังดูคุ้นเคยนัก….

เพียงพริบตา เฉินซีก็ตัดสินได้ว่าเจตจำนงกระบี่นั้น แท้จริงเหมือนกับมรดกจากกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดที่เขาได้มาทุกประการ!

วิ้ง!

ทันใดนั้น หนึ่งกระบี่ขับขานประหนึ่งตื่นจากนิทราอันยาวนาน แล้วแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเกินบรรยายก็พุ่งทะยานกวาดกระหน่ำ

เพียงพริบตา ฟ้าดินหม่นรัศมี หมู่เมฆรอบทิศแหลกสลาย

ตู้ม!

ซากสังขารบรรพเทวานับไม่ถ้วนซึ่งยืนเรียงดุจรูปสลักกลางที่โล่งกระทั่งคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง ร่างของพวกมันสั่นสะท้าน

เจตจำนงกระบี่ไร้ลักษณ์นั้นให้บรรยากาศเช่นจักรพรรดิกระบี่สูงสุด ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน ทำให้โลกหล้าและสรรพสิ่งต้องก้มหัวสิโรราบ

เฉินซีรู้สึกเหมือนทั้งร่างเกร็งนิ่ง ผิวกายทุกคืบชุ่นเจ็บแปลบเหมือนถูกทิ่มแทง แม้จะโคจรการบ่มเพาะอย่างเต็มกำลัง เขาก็ยังรู้สึกประหนึ่งดวงวิญญาณเจียนถูกสะกดนิ่ง

พริบตานั้น เกิดกระทั่งความคิดชั่ววูบ อยากคุกเข่าลงกราบกราน

เจตจำนงกระบี่นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป เหมือนนายเหนือสรรพสิ่ง เป็นดั่งมหาเทวาสูงสุด ให้ความกดดันครองโลกา เหนือใดตราบกาลนาน

หากเฉินซีไม่ได้บ่มเพาะสัจหฤทัยสูตรจนสร้างพลังดวงใจขั้นต้นได้ และหากเต๋าแห่งกระบี่ไม่บรรลุขั้นแรกของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ เขาคงไม่อาจทานทนมันได้เลย!

วิ้ง!

เสียงกระบี่ครวญดังสนั่นสะท้านทั่วเก้าชั้นฟ้า กึกก้องในฟ้าดิน แผลงฤทธิ์รุนแรงขึ้นอีก

ขณะนี้ เฉินซีรู้สึกอึดอัดนัก ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้เห็นหนึ่งกระบี่ลอยขึ้นสู่ฟ้าบนที่ราบ ณ สุดฟากฝั่ง

กระบี่เล่มนี้ไม่ได้เจิดจรัส กลับกัน มันสุดแสนธรรมดา ตัวกระบี่หมองมัวดำด่าง บางส่วนกระทั่งไม่สมประกอบ ทว่าอำนาจกลับโอ่โถงยิ่งใหญ่ ดุดัน เก่าแก่ ให้บรรยากาศแห่งยุคหม่านกู่ ณ บรรพกาล

ดุจกษัตริย์จักรพรรดิไร้เทียมทาน แม้อาภรณ์ที่สวมใส่จะเรียบง่ายธรรมดา ก็ไม่อาจปกปิดสง่าราศีเหนือสรรพสิ่งได้ ยังคงดูยิ่งยงผ่าเผยตราบนิรันดร์!

เฉินซีเคยเห็นกระบี่เหล็กไม่สมประกอบเล่มนี้ มันเหมือนกระบี่เหล็กในแผนภาพกระบี่เสียหายเปื้อนเลือดนั่นไม่มีผิด

ถึงขนาดที่แรงกดดันยังให้ความรู้สึกคุ้นเคย ชายหนุ่มจมในภวังค์อดนึกถึงเหตุการณ์อันน่าตื่นตะลึงเหล่านั้นขึ้นมาไม่ได้….

ในดาราจักรอันมืดมิดไร้ขอบเขต หนึ่งร่างสูงยืนมือไพล่หลัง กระบี่เหล็กเล่มหนึ่งปักบนพื้นแทบเท้า….

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฉินซีก็หอบหายใจหนักหน่วง เขาจำได้ชัดเจนว่าชายในนิมิตนั้นเคยใช้กระบี่เล่มนี้ล้างจักรวาล ขยี้สุญตาไร้ขอบเขต กำจัดตัวตนยิ่งใหญ่น่าสะพรึงกลัวมากมาย กล่าวได้ว่าทรงพลังไร้เทียมทาน!

แต่ไม่ใช่ว่า กระบี่นี้สาบสูญไปพร้อมชายลึกลับในดาราจักรมืดดำนั่นแล้วหรือ? แล้วเหตุใดมันจึงมาอยู่ที่นี่?

เดี๋ยวก่อน! หรือว่าซากโบราณเทวาล่วงลับ… จะเกิดจากดาราจักรอันมืดมิดนั่น?

หัวใจของเฉินซีเต้นโลด ย้อนนึกถึงบางสิ่งได้ในเฉียบพลัน

ที่นี่คือแดนรากบรรพกาล ณ ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ จากตำนาน เล่ากันว่าที่นี่คือที่พำนักของปฐมเทวากลุ่มแรกซึ่งเกิดจากความโกลาหลยุคหมานกู่ หลังจากนั้น มันก็เผชิญศึกสะท้านโลกหล้า หลงเหลือเพียงซากปรักหักพังไพศาล….

หรือศึกสะท้านโลกหล้านั้นจะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างชายลึกลับและตัวตนอันโดดเด่นเหล่านั้น?

หากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่ได้หมายความหรือว่าชายลึกลับผู้นั้นน่าจะเป็นหนึ่งในทวยเทพผู้พำนักอยู่ที่นี่ในกาลก่อน?

กระบี่เหล็กเสียหายทะยานเวหา ลอยเข้ามาใกล้ ขณะที่พลังยิ่งทวีความแข็งแกร่ง ยิ่งกว่านั้น ปราณน่าสะพรึงกลัวยังพล่านพุ่งดุจพายุ

ซากสังขารบรรพเทวานับไม่ถ้วนซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นกลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยทันที!

เหตุการณ์นี้ทำให้เฉินซีตะลึงถึงขนาดที่ไม่กล้าครุ่นคิดเรื่องใดต่อ เพราะที่นี่มีสัตว์ประหลาดอันเทียบชั้นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอยู่มากมาย แต่พวกมันกลับถูกแรงกดดันจากกระบี่เหล็กนั่นทำลายจนสิ้น!

การจะทำเช่นนี้ได้ ต้องมีอำนาจน่าสะพรึงกลัวเพียงไรกันแน่? เฉินซีตั้งใจจะหลบอย่างเต็มกำลังโดยสัญชาตญาณ ทว่าเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า ยามแรงกดดันโถมเข้าใส่ มันกลับไม่สร้างผลกระทบใด ๆ ประหนึ่ง สายลมโชยผ่านเท่านั้น!

เขาอดผงะไปไม่ได้

ตู้ม!

พริบตาต่อมา แรงกดดันนี้ไม่ได้จางหาย ทว่ามันกวาดไปรอบ ๆ โดยใช้ที่ราบอันเปิดโล่งนี้เป็นศูนย์กลาง ขยี้ชั้นมิติ ม่านหมอกและปราณหมานกู่วิเวกลงชั้นแล้วชั้นเล่า นอกจากนั้น มันยังแผ่ออกไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดจบ

เคลื่อนผ่านที่ใด ก็ดูเหมือนพายุซัดสาดกวาดสรรพสิ่ง ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง!

ด้วยประสาทสัมผัสร้ายกาจของเฉินซี เขายังอดขวัญผวาไม่ได้ เพราะเพียงชั่วหนึ่งอึดใจ แรงกดดันนั้นก็กวาดออกไปในระยะแสนลี้ ทุกซากพินาศ ม่านหมอกและซากสังขารบรรพเทวาใด ๆ ล้วนถูกกำจัดสิ้น!

ทว่าทั้งหมดนี้กลับเกิดขึ้นจากแรงกดดันของเสี้ยวเจตจำนงกระบี่ซึ่งออกมาจากกระบี่เหล็กไม่สมประกอบนี่!

สิ่งนี้เกินความคาดฝันของเฉินซี แข็งแกร่งกว่ากระบี่พิฆาตฟ้าและกระบี่มลทินอเวจีที่เขาเคยพบเจอมากกว่าสองเท่าเสียอีก!

หากมันสมบูรณ์ดี กระบี่นี้จะน่ากลัวเพียงไรเชียว?

เฉินซีไม่กล้าคาดฝัน

ขณะนี้ กระทั่งลั่วฉ่าวหนงยังหงุดหงิดใจยิ่ง อย่าว่าแต่ผู้อื่นเลย

“เป็นเหยื่อที่น่าสนใจนัก หากจับได้ ข้าจะเล่นกับเขาให้ดี คงน่าตื่นเต้นไม่น้อย” ข้างกันนั้น ตี้จวินหัวเราะคิกอย่างปรีดา เขาเลียริมฝีปากแดงสดดุจแต้มชาด เสียงนุ่มนวลคมกริบ แม้จะมีรอยยิ้ม ทว่าผู้อื่นกลับเสียวสันหลังวาบ

กระทั่งลั่วฉ่าวหนงยังอดรู้สึกหนาวหลังวาบไม่ได้ เขาตระหนักดีว่ายามตี้จวิน คนบ้าผู้นี้เริ่ม ‘เล่น’ ผลที่ตามมาจะร้ายกาจน่าสะพรึงกลัวต่อศัตรูยิ่งนัก เป็นประสบการณ์สุดแสนเวทนา ไม่อาจหนีได้แม้จะเผชิญการเหยียดหยามเหยียบย่ำสารพัดเพียงไร

ตู้ม!

ขณะนั้นเอง เสียงสนั่นชวนสะพรึงก็บังเกิดขึ้นจากไกล ๆ ให้ความรู้สึกดุจหนึ่งกองทัพกรีธามาจากหมู่หมอกทึบ

ม่านตาของลั่วฉ่าวหนงหดตัว แล้วหยุดฝีเท้าโดยพลัน กล่าวขึ้นเสียงเครียด “แย่แล้ว ถอยเร็ว!”

ทุกคนต่างผงะ ซากสังขารบรรพเทวาอีกฝูงหรือ?

“ไอ้พวกโง่! รีบหนีเร็วเข้า!” ลั่วฉ่าวหนงหันหลังตั้งใจวิ่งหนี แต่เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ ยังคงนิ่งทื่อ เขาก็อดขึ้นเสียงอย่างเข้มงวดไม่ได้

สีหน้าเคร่งขรึม ทำให้หัวใจคนอื่น ๆ สั่นสะท้านทันใด แม้ไม่อาจจับต้นชนปลาย แต่ก็ยังหันกายเผ่นหนีไปกับลั่วฉ่าวหนงตามสัญชาตญาณ

วูบ!

มิติสั่นสะท้าน พวกเขาถอยหนีสุดกำลัง

หนึ่งแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวเกินนิยามเคลื่อนทะยานเช่นมีดคม เฉือนมิติเป็นเสี่ยง ขยี้ปราณหมานกู่วิเวก ไม่ว่าผ่านไปที่ใด ล้วนเหลือเพียงความพินาศตามหลัง!

มันน่ากลัวเสียจนเหมือนเคียวในมือเทพมรณะเก็บเกี่ยวชีวิต ทำให้พวกเขาขวัญผวาเสียจนลั่วฉ่าวหนงไม่ต้องเร่ง พวกเขาก็จ้ำเท้ากันสุดชีวิตแล้ว

“นั่นมันอะไรกันแน่?”

“น่ากลัวชะมัด! ปราณนั่นน่ากลัวกว่ายามบรรพบุรุษตระกูลข้าพิโรธเป็นสิบเท่า มีแต่ตายกับตายชัด ๆ!”

สองชั่วยามผ่านไป ในที่สุดลั่วฉ่าวหนงและพวกก็หนีจากบริเวณอันปกคลุมด้วยปราณหมานกู่วิเวกมาได้ หวนคืนสู่บริเวณแดนรากบรรพกาลที่พวกตนคุ้นเคย

ขณะนี้ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงงุนงง หลายคนกระทั่งหอบหายใจโกยอากาศเข้าปอด รู้สึกเหมือนเพิ่งไปเดินเล่นบนเส้นแบ่งเป็นตายกันมา

พวกเขาทั้งหลายมองไปไกล จนกระทั่งยามนี้ ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่

ตู้ม!

ทันใดนั้น มิติอันห่างไกลก็ระเบิดเป็นผุยผง แล้วปราณหมานกู่วิเวกก็กู่คำรามกวาดเข้ามา แรงกดดันอันน่าสะพรึงสุดขีดนั้นยังคงถาโถมเข้ามาใกล้

“บ้าเอ๊ย! มันยังไม่หยุดอีก!” ลั่วฉ่าวหนงตกใจ ก่นด่าไม่หยุดปาก แล้วพาคณะหนีต่อไป

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]