บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1691

บทที่ 1691 ตราคำสั่งอสูรกระดูก

………………..

บทที่ 1691 ตราคำสั่งอสูรกระดูก

เฉินซีไม่รู้เลยว่าจะไล่ตามกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงทันหรือไม่

ในทำนองเดียวกัน เขาก็ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ออกเดินทางมานานกว่าสิบวัน เจียหนานจากนิกายพุทธ ได้ก้าวเข้าไปในประตูแห่งมหาเต๋า และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร้อุปสรรค

เฉินซีจับกระบี่ราชาเซวียนฟาดฟันไปข้างหน้าโดยไม่หยุดพัก

หืม?

แต่วันนี้ จู่ ๆ เฉินซีก็รู้สึกว่าเส้นทางใต้เท้าของตนแตกต่างออกไป มันเริ่มสูงขึ้น ราวกับกำลังก้าวขึ้นเนินชันไปเรื่อย ๆ

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นโครงร่างของภูเขาศักดิ์สิทธิ์โบราณ ที่ปรากฏขึ้นมาราง ๆ เบื้องหน้า

ภูเขาลูกนี้สูงมากและถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีทอง ราวกับลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ทั้งสูงส่งและไร้ขอบเขต

นั่นอาจเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางหรือไม่? เฉินซีแอบตกตะลึงในใจ ดวงตาสีดำสนิทเปล่งประกายแวววาว

หากการคำนวณไม่ผิดพลาด บางทีสถานที่ที่รากเต๋าวิภูจักรวรรดิอยู่อาจเป็นจุดสูงสุดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้น

โครม!

ต่างจากก่อนหน้านี้ เส้นทางใต้เท้าไม่เพียงแต่จะสูงชันมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่แรงกดดันจากมหาเต๋ารอบ ๆ เองก็น่ากลัวขึ้นด้วยเช่นกัน

เวลานี้ แม้แต่ความว่างเปล่าก็ยังบิดเบี้ยว สายฟ้าดูเหมือนงูสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนร่ายรำอย่างดุร้าย เงาเทพปรากฏขึ้นทีละภาพ

พวกมันควบคุมเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ยืนอยู่เหนือมหาสมุทรเพลิง ควบคุมวารีและขี่มังกรผ่านสายธาร ควบคุมตะวันจันทรา และถูกรายล้อมไปด้วยดวงดาวนับพันล้านดวง!

ในหมู่พวกเขามีแม้กระทั่งเทพโบราณบางองค์ เทพเหล่านี้บ้างสวมเสื้อผ้าหนังสัตว์ ในขณะที่ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่า ปกคลุมไปด้วยรอยสักลึกลับ บ้างก็สวมชุดเกราะต่อสู้ที่เปล่งแสงสว่างใส ทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง

แม้ว่าเงาทั้งหมดนี้จะดูเหมือนภาพลวงอย่างยิ่ง แต่พวกมันก็ล้วนทรงพลังและมีรัศมีที่น่าเกรงขามมาก ครั้งหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับพวกมันก็เหมือนกับการได้เห็นเทพจากยุคหม่านกู่ ชวนให้อยากคุกเข่าบูชา!

เฉินซีสูดลมหายใจเย็นเฉียบ ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว นี่คือตัวตนเช่นใดกันแน่?

หรือว่าพวกเขาคือกลุ่มเทพแต่กำเนิดที่อาศัยและบ่มเพาะอยู่ที่นี่?

เฉินซีสังเกตเห็นว่าร่างเหล่านั้น ล้วนเป็นภาพลวงตาและไม่มีร่างกายจริง ๆ แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายดั้งเดิมและโบราณ ราวกับดำรงอยู่มาแล้วหลายร้อยล้านปี

ก่อนที่เฉินซีจะทันได้โต้ตอบ ทะเลเพลิงก็ลามไปทั่วท้องฟ้า บดกระแทกลงมา คล้ายตั้งใจที่จะจมร่างของเขาลงไปและเผาทิ้งให้เป็นจุณ

การโจมตีครั้งนี้น่ากลัวยิ่ง เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังโบราณของห้าเต๋าศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นทะเลเพลิงชำระปิดล้อมทุกทิศทาง

ครืน!

เฉินซีเหวี่ยงกระบี่ราชาเซวียนด้วยท่าทางตามสัญชาตญาณ ปราณกระบี่ที่รุนแรงราวกับคลื่นและแข็งแกร่งดุจหินผา พุ่งออกมาจากกระบี่

เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ผาสมุทร!

เปรี้ยง!

ทะเลเพลิงและคลื่นยักษ์ปะทะกัน ระเบิดรัศมีศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนกวาดไปทั่วทุกทิศทุกทาง

ในเวลาเพียงชั่วพริบตาทะเลเพลิงที่พลุ่งพล่านก็ถูกบดขยี้และแตกเป็นเสี่ยง แม้แต่ร่างไร้ตัวตนที่ควบคุมเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ก็จมอยู่ใต้น้ำเช่นกัน

“ราชาเซวียน! ผาสมุทร! นี่มัน….”เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธดังก้อง มันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพียงชั่วครู่ มันก็จมอยู่ใต้ปราณกระบี่อย่างสมบูรณ์

“ราชาเซวียน!”

“ราชาเซวียน!”

“มันคือพลังของปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่ เซวียน!”

คลื่นแห่งเจตจำนงที่น่าเกรงขามและสะพรึงกลัวถูกถ่ายทอดต่อกันออกมา เงาไร้ตัวตนของเทพทั้งหมด ดูจะหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยว เสียงเต็มไปด้วยอารมณ์เกลียดชังและริษยา

เหตุการณ์นี้ทำให้เฉินซีสามารถระบุได้ทันทีว่า เทพเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มเทพแต่กำเนิดที่อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนจะเป็นศัตรูของ ‘เซวียน’!

แต่ถ้าเป็นศัตรู แล้วทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่? หรือว่าพวกเขาถูกเซวียนจัดการและคุมขังไว้ที่นี่ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์สูงสุด?

“ฆ่า!”

“มดตัวน้อยตัวนี้ ไม่ใช่เซวียนอย่างแน่นอน!”

“เซวียนฆ่าพวกเรา และตั้งใจที่จะใช้เต๋าสวรรค์ของหม่านกู่ เพื่อทำลายจิตศึกของเรา น่าเสียดายที่เขาคิดผิด! เราเกิดมาเพื่อต่อสู้และดำรงอยู่มาหลายยุคสมัย เราจะถูกลบล้างไปง่าย ๆ ได้อย่างไร!?”

หากเป็นสถานที่อื่น เฉินซีคงจะหนีไปนานแล้ว แม้ว่าเงาเหล่านี้จะเป็นเพียงจิตศึกที่ไม่สูญสลายไป แต่รัศมีก็ยังแข็งแกร่งมาก พวกมันรอดชีวิตจากการถูกปราบ มาเป็นเวลานานหลายปี นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกมันทรงพลังแค่ไหน

แต่ตอนนี้พวกมันมุ่งเป้ามาที่เฉินซี ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง ที่ทำให้หายใจไม่ออก

นี่มันแย่มาก!

ใครจะคิดว่าหลังจากผ่านการทดสอบและความยากลำบากมามากมาย เมื่อคิดว่าจุดจบนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม โอกาสที่เฝ้ารอกำลังจะมาถึงแล้ว กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้กลับปรากฏตัวขึ้น?

ใครจะคิดว่า ‘เซวียน’ จะปราบจิตศึกโบราณมากมายลงที่นี่?

ก่อนหน้านี้ เฉินซียังถอนหายใจคร่ำครวญว่าเส้นทางสายนี้ ช่างยากลำบากพอ ๆ กับการก้าวขึ้นสวรรค์ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่มีใครได้รากเต๋าวิภูจักรวรรดิไปครอบครองเลย

เมื่อเห็นการณ์นี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า เขายังคงประเมินความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้ต่ำเกินไป เพียงแค่จิตศึกที่ไม่ได้สลายไปหลังจากผ่านไปเหล่านี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนรู้สึกสิ้นหวัง!

โครม!

วิชาศักดิ์สิทธิ์สูงสุด นานาประเภทหลั่งไหลเข้ามาและกวาดไปทั่วความว่างเปล่า

“เจ้าสารเลว!” เกือบจะในเวลาเดียวกัน จิตศึกอีกตนที่ควบคุมน้ำทั้งหมด ก็พุ่งเข้ามาพร้อมเสียงคำราม และสะบัดแขนเสื้อ สร้างสภาพแวดล้อมก็ถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์ด้วยน้ำแข็ง แม้แต่เวลาและมิติเองก็หยุดนิ่ง

โครม!

ปราณกระบี่ของเฉินซีเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันแม่นยำและดุร้ายถึงขีดสุด ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็ผ่ากำแพงน้ำแข็งออกเป็นสองส่วน ก่อนจะตรงเข้าแทงทะลุตรงหว่างคิ้วของจิตศึกตนนั้น

แม่นยำราวกับการแยกชิ้นส่วนวัวนี้ ไม่มีใครเทียบได้กับมันในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว!

ฆ่า!

ในยามนี้ เฉินซีไม่ยอมอดทนรับการโจมตีอย่างเดียวอีกต่อไป ชายหนุ่มเริ่มโจมตีกลับ ก้าวไปบนเส้นทางภูเขาทีละก้าว กระบี่ราชาเซวียนในมือ ราวกับพายุแห่งปราณกระบี่ ที่พัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีใช้ทักษะที่สืบทอดมาจากเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัยอย่างเต็มกำลัง สามารถกล่าวได้ว่าทรงพลังพอให้ทำลายล้างทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้!

ทันใดนั้น เส้นทางภูเขาก็เต็มไปด้วยเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด เสียงปราณกระบี่ เสียงคร่ำครวญอย่างน่าสังเวช เสียงของการปะทะกัน….

นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ฝีเท้าของเฉินซีไม่เคยหยุดนิ่งลงอีก!

ขณะที่เฉินซีเริ่มมุ่งหน้าไปทีละขั้นไปยังยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มของลั่วฉ่าวหนงก็มาถึงตีนเขาในอีกด้านหนึ่งเช่นกัน

คนทั้งหมดจ้องมองเส้นทางเบื้องล่างที่เริ่มสูงชัน และจ้องมองภูเขาศักดิ์สิทธิ์สีทองสูงตระหง่านที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าอันห่างไกล สีหน้าพลันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความปรารถนาที่ลุกโซน

“นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ที่มีข่าวลือว่าปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง”

“ตามตำนาน ในช่วงยุคหม่านกู่ว่ากันว่า ได้มีการต่อสู้ที่น่าตกใจเกิดขึ้นที่นี่ ปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่ ได้สังหารศัตรูนับพันด้วยกระบี่เล่มเดียว ก่อนที่จะผนึกจิตศึกของคนเหล่านั้นทั้งหมดไว้ที่นี่เพื่อทำลายความคิดและความตั้งใจของพวกเขา ข้าสงสัยนักว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“เป็นความจริง ข้าได้ยินจากบรรพบุรุษของตระกูลข้าว่า ศัตรูของปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่นั้น ล้วนดำรงอยู่มาหลายยุคหลายสมัยแล้ว แต่ละตนมีความแข็งแกร่งมหาศาลที่ก้าวข้ามจินตนาการ แต่สุดท้ายแล้ว… กลับไม่มีใครที่สามารถต้านทานจากปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่ได้เลย แม้แต่ครั้งเดียว!”

“โอ้สวรรค์! เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”

“นั่นคือบุคคลในตำนานที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางสุดท้าย ว่ากันว่าเขานั้นเป็นนิรันดร์ บุคคลเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง แม้แต่ทั่วทั้งเอกภพจักรวรรดิมัชฌิม น่าเสียดายที่เขากลับจากไปเพื่อค้นหาเส้นทางสุดท้าย และไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย จนกระทั่งบัดนี้”

พวกเขาไม่ได้มุ่งหน้าไปอย่างเร่งรีบ แต่เริ่มหารือเกี่ยวกับปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่แทน แม้ว่าส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นลั่วฉ่าวหนงที่พูดในขณะที่คนอื่น ๆ ค่อยฟังก็ตาม

จากนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ว่า ลั่วฉ่าวหนงไม่เพียงแต่เตรียมพร้อมมาอย่างดีเท่านั้น แต่ยังคุ้นเคยกับทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่อย่างยิ่ง นี่คงไม่ใช่การมาที่นี่เป็นครั้งแรก

“พี่ลั่ว เช่นนั้นแล้ว รากเต๋าวิภูจักรวรรดิก็อยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้งั้นหรือ?” กงเหย่เจ๋อฟูกล่าวอย่างครุ่นคิด

“ถูกแล้ว” ลั่วฉ่าวหนงพยักหน้า ขณะที่พูด เขาก็พลิกมือซ้าย หยิบตราคำสั่งที่ทำจากกระดูกสัตว์อสูรออกมา “ด้วยสิ่งนี้ เราจะสามารถกำจัดอันตรายร้ายแรงส่วนใหญ่ได้มากกว่าครึ่ง ยามที่เราขึ้นภูเขา”

ในทันใดนั้น ทุกคนก็มองไปที่ตราคำสั่งนั้นพร้อมเพรียงกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]