เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1694

บทที่ 1694 ผนึกกำลังจู่โจม

………………..

บทที่ 1694 ผนึกกำลังจู่โจม

โครม!

ครั้งนี้ยังคงเป็นตี้จวินที่จู่โจมก่อน เวลานี้ดูเหมือนเขาจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว ดาบโค้งสีแดงเลือดฉีกผ่านผืนฟ้า ตัวดาบเปล่งเงาภาพอสูรบินสีแดงออกมามากมาย

หลังจากนั้น เหล่าอสูรบินสีแดงเลือดก็กู่ร้องพร้อมโผทะยาน กลายร่างเป็นอีกาโลหิตที่ปีกถูกย้อมด้วยสีแดงเลือด และมีกรงเล็บแหลมคมดุจใบมีด ทั้งยังมีกลิ่นอายที่กระหายเลือด ดุดัน และชั่วร้าย

ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันถูกสร้างขึ้นจากดาบสีแดงเลือด และทั่วทั้งร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยโซ่เต๋าศักดิ์สิทธิ์ ปกคลุมสวรรค์และโลกขณะที่ฟันลงไป ด้วยแรงผลักดันที่น่าตกใจ

“ทำลาย!” เฉินซีถ่มน้ำลายออกมาเพียงคำเดียว กระบี่ราชาเซวียนไหลด้วยความเปล่งประกายอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อมันก่อตัวเป็นมหาสมุทรแห่งกระบี่ และจากนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามเมื่อมันพังทลายลง

มันทำให้อีกาโลหิตจำนวนมากจมน้ำตายได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่ร่างกายของตี้จวินก็แทบจะจมหายไปด้วยมหาสมุทรแห่งกระบี่ในขณะที่พยายามหลบหลีก

ตี้จวินยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก “พลังยุทธ์ของคนผู้นี้ ดูเหมือนจะกล้าแกร่งยิ่งกว่าครั้งที่ข้าได้พบครั้งล่าสุด!”

ในเวลาเดียวกัน เยว่หรูฮวาและจินชิงหยางก็จู่โจมจากด้านข้าง

ด้วยบทเรียนที่เรียนรู้จากวันนั้น จึงเลือกใช้ไม้ตายและโจมตีอย่างสุดกำลังทันทีที่ลงมือ

ฟิ่ว!

เยว่หรูฮวาถือกระจกกระดูกขณะที่พุ่งปราดเข้าหาเฉินซี กระจกนี้โปร่งแสงและเรียบเนียน มันถูกจารึกด้วยอักขระลึกลับ คล้ายกับดวงตะวันสีเงินที่สาดแสง มันแผ่พุ่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่แพรวพราวดุจสายฟ้า และฟาดฟันมาทางเฉินซี!

กระจกกร่อนวิญญาณ!

มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งครองอานุภาพที่ไม่อาจหยั่งถึง ตามตำนานว่ากันว่ามันมีโลกโบราณอยู่ภายใน และสามารถสร้างเปลวไฟปฐพีศักดิ์สิทธิ์ได้ หากสัมผัสเปลวไฟนี้เพียงเล็กน้อย จะทำให้วิญญาณถูกควบคุมและจองจำอยู่ในกระจกโบราณทันที ทั้งมิอาจหลบหนีไปชั่วนิรันดร์!

ในอีกด้านหนึ่ง จินชิงหยางถือธงสีเหลืองอมส้มและโบกมือเบา ๆ ทำให้เกิดรัศมีศักดิ์สิทธิ์แห่งปฐพีที่ห้าพวยพุ่งออกมา แท้จริงแล้ว มันก่อตัวเป็นค่ายกลคลื่นแสงปฐพีที่ห้าขึ้นมาบัดดล และส่งเสียงดังกังวานขณะที่เข้าปกคลุมบริเวณนี้

ธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้า!

มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน และอานุภาพของมันก็น่ากริ่งเกรงไม่ด้อยไปกว่ากระจกกร่อนวิญญาณเลย

หากนี่ไม่ใช่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดสูงสุดตามธรรมชาติ ภูมิทัศน์ในรัศมีสองหมื่นห้าพันลี้ อาจถูกบดขยี้เป็นซากปรักหักพังไปนานแล้ว

ครืน!

แสงอันเจิดจรัสพลุ่งพล่าน ขณะที่กระจกกร่อนวิญญาณปลดปล่อยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปฐพีสีเงิน และปกคลุมพื้นที่อันกว้างใหญ่ของโลกนี้พร้อมกับค่ายกลคลื่นแสงปฐพีที่ห้าซึ่งสร้างขึ้นโดยธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้า!

เมื่อร่างของเฉินซีกำลังจะถูกพวกมันห่อหุ้ม ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่ก็หายวับไปในทันที

ฟิ่ว! ฟิ่ว!

ในช่วงเวลาต่อมา คลื่นเสียงเสียดหูก็ดังกังวานขึ้น จากนั้นพิรุณกระบี่ขนาดมหึมาก็โปรยปรายไปยังบริเวณโดยรอบ มันรุนแรงและคมกริบจนถึงขีดสุด ผ่าเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปฐพีออกได้อย่างง่ายดาย จนพวกมันมลายหายไปสู่ความว่างเปล่า

บนท้องฟ้า เยว่หรูฮวาดูเหมือนถูกฟ้าผ่า เขากระอักเลือดหนึ่งคำ ในขณะที่กระจกกร่อนวิญญาณในมือสั่นอย่างรุนแรง และนี่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างยิ่ง

ในเวลาเดียวกัน ค่ายกลคลื่นแสงปฐพีที่ห้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะหมุนเวียนพลัง ก่อนที่รูปแบบของมันจะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และกระแทกเข้าใส่จินชิงหยางที่ยืนอยู่ในระยะไกล!

ท้ายที่สุด ค่ายกลคลื่นแสงปฐพีที่ห้าสั่นสะเทือนและพังทลายลงเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่มันจะห่อหุ้มเขาไว้ สิ่งนี้ทำให้จินชิงหยางรอดพ้นเภทภัยได้ ทว่าร่างกายกลับเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเยียบเย็น และตกใจมากเช่นกัน

สถานการณ์พลิกผันทันใด ทำให้ลั่วฉ่าวหนงและกงเหย่เจ๋อฟูอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาจดจ่อ และเผยท่าทีเคร่งขรึมเล็กน้อย

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

ทันใดนั้น เสียงตวาดอีกสองครั้งก็ดังขึ้น ครั้งนี้คุนอู๋ชิงและเป่ยเหวินเป็นผู้โจมตี

ทว่าในขณะนี้ เฉินซีหยุดรับมือกับการโจมตีของพวกเขา ใบหน้าทอประกายอำมหิต และทะยานร่างเบา ๆ ชั่วพริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าเป่ยเหวินแล้ว

ฟึ่บ!

โดยไม่ทันให้ผู้ใดตั้งตัว เขาพลิกตวัดฟาดกระบี่ในมือใส่เป่ยเหวินทันที!

เป่ยเหวินเดิมทีอ่อนแรงโรยริน ครั้งนี้ถูกพลังกระบี่จนกระดูกในร่างหักแตกนับไม่ถ้วน และปลิวว่อนดุจกระสอบทรายที่ถูกซัด พลางส่งเสียงโอดโอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หลังจากที่พิชิตเป่ยเหวินได้ เฉินซีก็ไม่หยุดพักแต่อย่างใด ร่างสูงใหญ่ทะยานสลับไปสลับมาอย่างลึกล้ำ และพุ่งปราดเข้าหาคุนอู๋ชิงดุจวิญญาณร้าย

“สหายเต๋า ข้าอุตส่าห์เห็นแก่หน้าเจ้าในวันนั้น จึงปล่อยเป่ยเหวินไป ยามนี้เจ้ากลับเพิกเฉยน้ำใจข้าแล้วตอบแทนคุณด้วยคมมีด? เจ้าช่างน่าผิดหวังจริง ๆ”

เมื่อวาจาที่เย็นชาและไม่แยแสเหล่านี้เข้าหูของคุนอู๋ชิง มันทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน และกำลังจะอ้าปากเพื่อกล่าว ทว่ากลับมีปราณกระบี่พุ่งเข้าหาแล้ว

เขาตื่นตระหนกจนร้องโพล่งออกมาดัง ๆ และเลือกที่จะหลบเลี่ยงไปด้านข้าง เพราะกริ่งเกรงอย่างยิ่งที่จะเดินตามรอยเท้าของเป่ยเหวิน

พลังยุทธ์ของเฉินซีนั้นน่ากลัวเกินไป และแข็งแกร่งกว่าครั้งล่าสุดที่พบเฉินซี สิ่งนี้ทำให้เขาสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้จริง ๆ

ทว่าคุนอู๋ชิงก็ไม่ได้หนีไป เพราะลั่วฉ่าวหนงและกงเหย่เจ๋อฟูคุมเชิงอยู่ข้าง ๆ

ไม่ใช่แค่เขา ตี้จวิน เยว่หรูฮวา และจินชิงหยางก็ไม่มีความคิดที่จะหนีเช่นกัน ซึ่งเหตุผลเบื้องหลังทั้งหมดนี้ก็เหมือนกับคุนอู๋ชิง

“เราต้องยุติการต่อสู้โดยเร็วที่สุด อย่าลืมว่าเจียหนานยังไม่มา เราต้องเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนก่อนที่เขาจะมาถึง” ลั่วฉ่าวหนงหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวช้า ๆ เพื่ออธิบายการตัดสินใจของตน

เจียหนาน? หัวใจของกงเหย่เจ๋อฟูสั่นไหว จากนั้นจึงพยักหน้า

“พวกเจ้าทุกคนถอยไป!” ลั่วฉ่าวหนงสืบเท้าก้าวออกไปยาว ๆ จากนั้นโบกแขนเสื้อวูบหนึ่ง

ครืน!

สายฟ้าดำจำนวนมากพุ่งผ่านท้องฟ้าและแผ่ขยายไปยังบริเวณโดยรอบ ก่อนที่จะห่อหุ้มสมรภูมิไว้

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และน่าสะท้านขวัญเช่นกัน มีอานุภาพที่สามารถทำลายล้างโลกและกำจัดทุกสรรพสิ่ง ดังนั้นจึงทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน

ฟิ่ว!

ดวงตาของเฉินซีหรี่เล็กลง จากนั้นจึงใช้กระบวนท่าเชือดเฉือนกาสร เพื่อบดขยี้การโจมตีเหล่านี้ให้กลายเป็นผุยผงในคราเดียว

อย่างไรก็ตาม ตี้จวินและคนอื่น ๆ ก็คว้าโอกาสนี้เพื่อหลบหนีออกจากสมรภูมิอย่างรวดเร็ว แล้วจึงหอบหายใจอย่างไม่รู้จบ

มันช่วยไม่ได้ พวกเขาถูกทุบตีจนบังเกิดจิตหวาดกลัวกัดกินหัวใจในระหว่างต่อสู้กับเฉินซี และชีวิตแทบตกอยู่ในอันตรายทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นตัวโง่งมเพียงใด ล้วนแต่ตระหนักดีว่าเฉินซีไม่ใช่บุคคลที่จะรวมพลังและต่อกรได้

แม้จะไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมัน!

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ในขณะนี้ ลั่วฉ่าวหนงและกงเหย่เจ๋อฟูก็สืบเท้าก้าวออกไปพร้อมกัน และเข้าหาเฉินซีจากสองทิศทาง

กลิ่นอายของทั้งสองปะทุขึ้นในทุกย่างก้าว ทั้งยังทรงพลังจนกดดันบริเวณโดยรอบบังเกิดเสียงคร่ำครวญและพังทลายอย่างไม่รู้จบ

หนึ่งในนั้นคือ บุคคลที่ครองอันดับสามในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ในขณะที่อีกคนครองอันดับเก้า บัดนี้เมื่อพวกเขาลงมือพร้อมเพรียงกัน เพียงกลิ่นอายที่แผ่ออกมา ก็ทำให้ฟ้าดินดับแสงลง ปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวทุกประเภทก็อุบัติขึ้น

สนามพลังสายฟ้าดำเกิดขึ้นรอบ ๆ ร่างของลั่วฉ่าวหนง และมันเหมือนกับโลกสายฟ้าขนาดใหญ่ที่สะท้อนอยู่บนแผ่นหลัง เขาเผยอิทธิฤทธิ์อันมหาศาล คล้ายเทพอัสนีที่ควบคุมสายฟ้าได้ ทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวเมื่อจ้องมองมา

กงเหย่เจ๋อฟู่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ดวงตาม่วงปะทุด้วยแสงโชติช่วง ในขณะที่ผมสีเงินปลิวไสวประหนึ่งน้ำตก แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงหมุนวนอยู่รอบกาย เหมือนอสรพิษร้าย มิหนำซ้ำ ยังเผยให้เห็นกลิ่นอายสูงสุดอันน่าเกรงขาม

ครืน!

ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ดูเหมือนจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ และเริ่มส่งเสียงครวญคราง ซึ่งกำลังจะพังทลายลง

สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้จิตวิญญาณของตี้จวินและคนอื่น ๆ สดชื่น ทั้งยังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อลั่วฉ่าวหนงและกงเหย่เจ๋อฟูผนึกกำลังจู่โจมพร้อมกัน แล้วเจ้าเดียรัจฉานน้อยเฉินซีจะต้านทานได้อย่างไร

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]