เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1711

บทที่ 1711 เปิดอกเสวนา

………………..

บทที่ 1711 เปิดอกเสวนา

แม้เขาจะไม่ทั้งหัวเราะและร้องไห้ เฉินซีก็ยังอธิบายว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าไม่ได้บอกนี่ว่าล้มเหลว”

คนทั้งหมดต่างผงะงุนงง

“หรือเจ้าจะชิงรากเต๋าวิภูจักรวรรดินั่นมาแล้ว?” ดวงตากระจ่างของเชินถูเยียนหรานเรืองประกาย พูดอย่างไม่อยากเชื่อเล็กน้อย

หัวใจของคนอื่น ๆ กระตุกรุนแรงไม่แพ้กัน หันมองเฉินซีอย่างพร้อมเพรียง เพราะหากมันเป็นความจริง ก็จะน่าตกใจเกินไปจริงแท้

ก่อนเฉินซีจะทันเอ่ยปาก หนึ่งเสียงอันทะนงทรงภูมิก็ดังกึกก้อง “แน่นอน บรรพชนผู้นี้ช่วยเหลือเสียอย่าง โอกาสสูงสุดเช่นนี้จะไม่บรรลุง่ายดายได้หรือ?”

พร้อมกันนั้น หนึ่งร่างสีขาวก็บินออกมาจากในประตูแห่งมหาเต๋า ซึ่งก็คือเหล่าไป๋

มันหุบปีกลงร่อนยืนบนบ่าเฉินซี ทอดสายตามองพวกเขาทั้งหลายอย่างเย่อหยิ่งวางอำนาจ

ไม่ต้องพูดก็ทราบได้ว่าการปรากฏตัวของเหล่าไป๋น่าตกใจอยู่เอาการ ขนขาวบริสุทธิ์ราวหิมะเต็มไปด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์ กรงเล็บแหลมคมดูราวหลอมจากทองคำ ดวงตาลึกล้ำทรงภูมิ หงอนเจ็ดสีบนศีรษะปกคลุมด้วยแสงเจ็ดสี ทำให้มันดูยิ่งใหญ่นัก

สีหน้าของเฉินซีดำคล้ำเมื่อสังเกตเห็นว่าปักษาเฒ่านี่จะเริ่มโอ้อวดอีกแล้ว สายตาชำเลืองมัน

สีหน้าของเหล่าไป๋ชะงัก ก่อนจะปิดปากแน่นเริ่มจัดขนอย่างสง่างาม ทว่าสายตาก็ยังชำเลืองมองพวกเล่ออู๋เหินอย่างลับ ๆ

“ทุกท่าน ไม่ต้องสนใจมันหรอก” เฉินซีไม่คิดกระทั่งจะแนะนำตัวเหล่าไป๋ “ไม่มีเวลาแล้ว เราออกจากที่นี่กันก่อนเถิด”

แม้คนอื่น ๆ จะมีคำถามมากมายในใจ พวกเขาก็ยังตระหนักชัดว่าหลังเห็นเฉินซีกระทำเช่นนี้ การไถ่ถามย่อมไม่เหมาะสม

ขณะนี้ พวกเขาอยู่ในโถง ณ ส่วนลึกสุดของตำหนักเต๋านภาม่วง การเดินทางกลับนั้นราบรื่นมาก ไม่นานก็เดินออกมากันแล้ว

“มีใครกำลังออกมา”

“เอ๋? เหตุใดเป็นพวกเขาไปได้?”

เมื่อเห็นกลุ่มของเฉินซีปรากฏตัว ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายที่ตีนบันไดหยกขาวต่างเอะอะประหลาดใจยิ่ง

พวกเขารออยู่ที่นี่มาตลอด เห็นเจียหนานจากไป และยามนี้ก็ได้เห็นกลุ่มของเฉินซีกลับออกมา มีเพียงกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงที่ไร้ร่องรอย พวกเขาจึงคิดไปว่ากลุ่มของเฉินซีคงกลับมามือเปล่าเหมือนเจียหนานแน่แท้

เฉินซีย่อมไม่สนใจ

“นายน้อยอู๋เหิน ได้สิ่งใดมาบ้างหรือไม่?” หนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ถามยิ้ม ๆ

เล่ออู๋เหินเหลือบมองผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้น พลางตอบว่า “นิดหน่อยน่ะ”

“หรือว่า… พวกเขาจะหารากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านั่นพบจริง ๆ?” หัวใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายรอบข้างสั่นสะท้าน

เมื่อได้ยินผู้พูดถึงรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า สีหน้าของเล่ออู๋เหินและคณะก็ดำคล้ำลงเล็กน้อย หันหลังจากไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ไม่พูดจา

แต่สิ่งนี้ก็ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงในใจผู้คน เผยสีหน้าประหลาดใจตาม ๆ กัน

“ดูเหมือนพวกเขาจะล้มเหลวนะ สีหน้าผิดปกติกันนิดหน่อย”

“แน่นอน พวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่ากลุ่มของลั่วฉ่าวหนงยังไม่กลับมา? รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านั่นน่าจะอยู่ในมือพวกลั่วฉ่าวหนงแล้วแน่”

ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายเสวนาไม่จบสิ้นด้วยเสียงแผ่วเบาขณะมองพวกเล่ออู๋เหินจากไป

“ฮึ! พวกเขาน่าจะประเมินฝีมือตนเองบ้างนะ ผลลัพธ์เช่นนี้ถูกกำหนดตายตัวแล้ว หากพวกเขาได้รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านั่นมาสิจึงแปลก”

ผู้เยี่ยมยุทธ์บางคนพูดอย่างเย้ยหยัน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกับลั่วฉ่าวหนง ทว่าเพราะความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ จึงไม่อาจเข้าไปในตำหนักเต๋านภาม่วงได้ แต่เมื่อเห็นเจียหนานและกลุ่มของเฉินซีตามกันกลับออกมา พวกเขาก็รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ากลุ่มของลั่วฉ่าวหนงจะต้องประสบความสำเร็จแล้วแน่แท้

ดังนั้นพวกเขาในยามนี้จึงตื่นเต้นและภาคภูมิกันนัก น้ำเสียงจึงเจือคำถากถางเย้ยเยาะอย่างช่วยไม่ได้

“รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า? ฮี่ ๆ ๆ เจ้าพวกนี้เป็นไอ้หนูโง่น่าสงสารเสียจริง พวกเจ้านี่สมควรเป็นข้าทาสบริวารตลอดไป” ทันใดนั้น หนึ่งเสียงลำพองภาคภูมิก็ดังกระหึ่ม ไม่ซ่อนคำล้อเลียนใด ๆ

เจ้าของเสียงย่อมไม่พ้นเหล่าไป๋ มันกระพือปีกบินวนบนท้องฟ้าเหนือศีรษะ ทิ้งวาจาเหล่านี้ไว้ ก่อนจะหันทะยานไปหาเฉินซี

“หยุดตรงนั้นเลย!” ใครบางคนตะโกนลั่นอย่างเดือดดาล เพราะการถูกยั่วยุโดยเดรัจฉานเช่นนี้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีกันชัด ๆ

เหล่าไป๋ไม่คิดสนใจ จึงบินแช่มช้าไปหาเฉินซีซึ่งเดินจากไปไกล

วูบ!

ผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นยกมือขึ้นก่อปราณกระบี่สายหนึ่ง ส่งลำแสงเจิดจรัสพุ่งผ่านท้องนภาดุจแสงตะวันเรืองรอง ดุร้ายรวดเร็วอย่างยิ่ง

เปรี้ยง!

ทว่าจู่ ๆ มือข้างหนึ่งก็เอื้อมออกมาใช้สองนิ้วคีบปราณกระบี่นั้นไว้ก่อนทันเข้าใกล้เหล่าไป๋ ทำให้มันชะงักกับที่ ก่อนจะค่อย ๆ สลายแหลกไป

ตู้ม!

ก่อนผู้ใดจะทันคิดออก คลื่นสะท้านรุนแรงก็บังเกิดขึ้นในฟ้าดินอันกว้างไกล สรรพสิ่งรวนเรไร้ระเบียบ

“แย่แล้ว! แดนรากบรรพกาลจะปิดแล้ว!”

“ไม่ใช่ว่าเรามีเวลาสามเดือนหรือ ทำไมมันปิดตัวล่วงหน้าเล่า?”

“หรือรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าจะถูกนำไปแล้ว? แต่เหตุใดพวกลั่วฉ่าวหนงจึงยังไม่กลับมา?”

“หรือผู้อื่นจะได้รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าไปแทน?”

“ป่านนี้แล้ว เหตุใดยังมัวหารือ เรารีบไปกันเถอะ!”

ขณะเดียวกัน กลุ่มของเฉินซีออกจากแดนรากบรรพกาลและเดินออกมาจากวิหารรากบรรพชนแล้ว จึงไม่รับรู้ว่าทันทีที่พวกเขาจากมา เกิดเหตุร้ายแรงเช่นใดขึ้น

เมื่อกลุ่มของเฉินซีปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาหน้าวิหาร จู่ ๆ ทวารบาลของวิหารก็ลืมตา สายตาเบนมายังเฉินซีทันที

ดวงตาของเขาค่อย ๆ เรืองประกายเจิดจรัสขึ้นเรื่อย ๆ แล้วมุมปากก็ยกยิ้มปริศนา

“เอ๋! เจ้ายังอยู่อีกหรือ?” เมื่อเห็นทวารบาลวิหาร เหล่าไป๋ก็ร้องอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

เล่ออู๋เหินและคณะตกใจ อสูรนภาไม่ทราบที่มานี้รู้จักกับทวารบาลของวิหารหรือ?

“ข้าขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวหน่อยนะ” ทวารบาลของวิหารไม่สนใจเหล่าไป๋ เขาเอ่ยช้า ๆ ขณะชี้ไปที่เฉินซี

เล่ออู๋เหินและคณะมองหน้ากัน ก่อนจะล่วงหน้าไป

แต่หัวใจของพวกเขาก็ตื่นตะลึงสุดขีดกันอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นหลังเฉินซีเข้าไปในประตูแห่งมหาเต๋าบ้าง เขาไม่ได้เพียงนำอสูรนภาไม่ทราบที่มากลับมา ยังกระทั่งดึงความสนใจจากทวารบาลของวิหารด้วย?

หลังจากออกมาห่างจากวิหารแสนไกล กลุ่มของเล่ออู๋เหินก็หยุดเดินทาง หันมองมายังเฉินซีและทวารบาลของวิหารจากห่าง ๆ ขณะที่หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือ

จู่ ๆ พวกเขาก็สังเกตว่าเหมือนเฉินซีจะกลายเป็นคนละคนไปนับแต่กลับมาจากประตูแห่งมหาเต๋า และยิ่งยากต่อการมองทะลุ

“เจ้าหนู แม้สุดท้ายเจ้าจะได้รากเต๋าวิภูจักรวรรดิมา แต่ข้าก็ต้องเตือนเจ้าว่าหนนี้เจ้าฆ่ามหาเทวาวิญญาณมากเกินไป เมื่อออกจากที่นี่ เจ้าคงต้องพบปัญหาสารพัด” ขณะเดียวกันในยามนี้ ทวารบาลของวิหารจ้องเฉินซีขณะกล่าวถึงสถานการณ์ในยามนี้อย่างเปิดอก

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]