เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1791

บทที่ 1791 วิชากลั่นโลหิตคุมวิญญาณ

………………..

บทที่ 1791 วิชากลั่นโลหิตคุมวิญญาณ

คนทั้งหลายต่างใจชื้นยามได้ยินคำพูดของจักรพรรดิไท่จิ้ง มุ่งหน้าต่ออย่างไม่ลังเล

เปรี้ยง!

ดวงดาราแผดผลาญ แผ่เพลิงทิพย์เขียวซีดคล้ายก่อเป็นมหาสมุทร ทั้งยังเจือด้วยปราณทัณฑ์ ทำให้มันดูอันตรายอย่างยิ่ง

เมื่อเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้ จักรพรรดิไท่จิ้งก็ไม่ออมมืออีกต่อไป เขาพลันนำสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันเต็มไปด้วยปราณเก่าแก่เวิ้งว้างออกมาอีกชิ้น มีรูปทรงคล้ายไห พื้นผิวหยาบกระด้าง สลักลวดลายลึกลับเช่น พืชพันธุ์ สัตว์ และมนุษย์ในอดีตกาลเซ่นสรวงแก่บรรพชนเทวดา

ขณะนี้ ทันทีที่ไหใบนั้นปรากฏ มันก็สั่นสะท้านแล้วสาดแสงสายหนึ่งออกมา ดุจสายธารสีเงินโรยลงจากท้องฟ้า

วูบ!

ภาพของเทพอสูรมากมายปรากฏขึ้นจากธารสีเงินสายนั้น พวกเขาสุดแสนยิ่งใหญ่ ทรงพลังอหังการ สลายการโจมตีจากทั่วทิศลงได้ทันที!

เพียงพริบตา คนอื่น ๆ ในกลุ่มต่างสัมผัสได้ว่าแรงกดดันที่เผชิญลดลงกะทันหัน และเกิดความรู้สึกโล่งใจ

“ไหคนเถื่อนบรรพกาล!” บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งหลายอุทานอย่างประหลาดใจเมื่อมองออกว่านี่คือสมบัติวิญญาณธรรมชาติประจำตระกูลเส้าเฮ่า เกิดมาเป็นดุจ ‘บ่อกำเนิด’ เทพป่าเถื่อน สามารถเปลี่ยนศัตรูเป็น ‘เทพป่าเถื่อน’ ใต้บัญชาของตนได้ เลิศล้ำเกินหยั่งคาดโดยแท้

จักรพรรดิไท่จิ้งอดรู้สึกลำพองใจเมื่อเห็นเช่นนี้มิได้ ไหคนเถื่อนบรรพกาลเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขามานานเกือบหนึ่งหมื่นเก้าพันปี ขณะที่จำนวน ‘เทพป่าเถื่อน’ ซึ่งถูกผนึกภายในนี้มีเกินพันตน!

เทพป่าเถื่อนส่วนใหญ่ในจำนวนนี้สร้างมาจากเหล่าเชลยที่ตระกูลเส้าเฮ่าจับมาได้ ผู้อ่อนแอที่สุดอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ และเทพป่าเถื่อนเหล่านี้ก็มีจำนวนเกินครึ่งของทั้งหมด ขณะที่เทพป่าเถื่อน ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลมีอยู่สองในสิบส่วน ขณะที่ส่วนที่เหลือนั้นเป็นของเหล่าสัตว์ร้าย อสูรนภาศักดิ์สิทธิ์ และอื่น ๆ ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัว

ขณะนี้เทพป่าเถื่อนทั้งหมดที่เขาใช้มีอำนาจเทียบเท่าบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นผู้วายชนม์ที่ถูกเปลี่ยนเป็นเทพป่าเถื่อน จึงกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวปราณทัณฑ์ จึงมีบทบาทสร้างผลลัพธ์เกินคาดคิดได้ที่นี่

ตู้ม!

ท้องนภาพร่างพราวสั่นกระเพื่อมเช่นคลื่น ขณะที่เพลิงทิพย์เขียวซีดสั่นสะท้าน หมู่ดาวเรืองโรจน์เผยอำนาจดุจล้างโลกา

ทว่าขณะนี้ อำนาจทำลายล้างทั้งหลายกลับไม่อาจทำร้ายกลุ่มของจักรพรรดิไท่จิ้งได้เลย

ไม่นานนัก กลุ่มของพวกเขาก็พ้นเขตอันตรายนี้มาได้ และรอบข้างก็กลับมาเป็นเงียบสงัดวังเวงอีกครั้ง

หมู่ดาวเรืองรองนิ่งงัน เพลิงทิพย์เขียวซีดหยุดพวยพุ่ง กระทั่งปราณทัณฑ์บนอากาศยังเลือนหายไป

หลงเหลือเพียงความสงัดงัน วังเวงเปี่ยมปริศนา

“หืม?”

“เราอยู่ที่ใดกัน?”

“เหมือนว่าเรา… จะหลงทาง!”

“เป็นไปได้เช่นไร? หรือเราจะตกอยู่ในข้อจำกัดบางอย่าง?”

บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งหลายต่างผงะ หยุดฝีเท้าตามจักรพรรดิไท่จิ้งขณะระแวดระวังถึงขีดสุด

“ระวัง!” จักรพรรดิไท่จิ้งเหมือนสังเกตเห็นบางสิ่ง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน ตะโกนขึ้นเสียงสนั่นพลางใช้ไหคนเถื่อนบรรพกาลในมือทันที

โฮก!

ขณะเดียวกันนั้นเอง พร้อมกับเสียงมังกรคำรนสะท้านทั่วทิศ ศีรษะมังกรขนาดมหึมาก็พุ่งออกมาจากท้องนภาแสนไกล เขาตระหง่านเช่นบรรพต เส้นหนวดดุจน้ำตกจากสวรรค์ ดวงตาเรืองรองเช่นคู่ตะวันมองมายังพวกเขาอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตา ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านทั่วกายคนทั้งหลาย รวมถึงจักรพรรดิไท่จิ้ง สีหน้าแปรเปลี่ยนรวดเร็ว

วิกฤตอันตรายสุดขั้วปกคลุมฟ้าดิน โรยลงมาหาพวกเขา….

เจ็ดวันจากนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงปกคลุมร่างเฉินซี หลั่งไหลหนาแน่น พร่างพราวเช่นมายา เผยบรรยากาศเก่าแก่สงบเงียบ

ขณะเดียวกัน โลหิตในร่างของเขาปะทุกรุ่นเช่นศิลาเดือด เชี่ยวกรากโคจรทั่วร่าง ดุจคลื่นสมุทรประสานสอดคำรนลั่น แปรสภาพร่างอย่างไม่ลดละ

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ขณะนี้บริเวณเหนือท้องนภาพร่างพราวอันเงียบสงัดอันปกคลุมไปด้วยซากกระดูกมังกร หนึ่งเสียงครืนโครมดุจภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองลูกพุ่งปะทะดังเลื่อนลั่นไปทั่วทิศ

เสียงนี้มาจากพลังชีวิตในกายเฉินซี มันดูยิ่งใหญ่ ทว่ากลับไม่มีอำนาจโจมตีใด ๆ มิเช่นนั้น สุสานมวลมังกรนี้คงถูกมันสะท้าน หายนะเกินคาดคิดคงบังเกิดขึ้นแล้ว

“เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ วิชากลั่นโลหิตคุมวิญญาณเป็นเคล็ดวิชาจ้าววิญญาณอาถรรพ์จากยุคก่อน แตกต่างจากเคล็ดวิชาในยุคสมัยปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ข้าไม่คาดเลยว่าเขาจะบรรลุมันง่ายดายนัก….” ขณะนี้ เหล่าไป๋ซึ่งให้ความสนใจเฉินซีอย่างใกล้ชิดมาตลอดก็อดมีเค้าความชื่นชมในสายตามิได้

เขาตระหนักดีว่าร่างของเฉินซีถูกขัดเกลาต่อเนื่องโดยวิชาร่างแปลงดาราสังหารเอกภพ วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิงและปราณมหาเต๋ามากมายจนอยู่ในสภาวะสอดคล้องกับเต๋า เหมือนเป็นกายาเต๋า

และเพราะรากฐานแข็งกล้าลึกล้ำเช่นนี้เอง จึงทำให้เฉินซีสามารถบ่มเพาะวิชากลั่นโลหิตคุมวิญญาณได้ง่าย และกล่าวได้ว่าบรรลุได้โดยไม่ต้องลงแรงมากนัก

“เจ้า?” เหล่าไป๋ชำเลืองเป่าน้อยด้วยหางตา ก่อนจะส่ายหัวขบขัน “วิชาที่นายท่านแห่งอารามถ่ายทอดให้เจ้ากล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ไม่ธรรมดา แต่เจ้ากลับปรารถนาวิชาในยุคสมัยก่อน โลภแท้ ๆ”

“ในเมื่อเสียใจไม่ได้ ก็เดินหน้าต่อ!”

จักรพรรดิไท่จิ้งกล่าวชัดทีละคำ น้ำเสียงหนักแน่นเฉียบขาด “หากข้าคาดการณ์ไม่ผิด ท้องนภาเบื้องหน้าเราก็คือพื้นที่นามสุสานมวลมังกร ขอเพียงผ่านมันไปได้ เราก็จะไปถึงสุสานของมหาเทพเต๋าบรรพมังกร”

เขาเว้นช่วงเล็กน้อย จึงพูดต่อ “นี่ยังหมายความว่า วาสนาสูงสุดอยู่ใกล้เพียงเอื้อม!”

ร่างของพวกเขาสะท้าน กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อารมณ์ซึ่งเดิมหดหู่เหี่ยวเฉาค่อย ๆ คืนชีวิตชีวา

“แต่ว่า… จนบัดนี้เราก็ยังหาร่องรอยของศัตรูไม่เจอ หากมุ่งความสนใจล่าสมบัติกันหมด ไม่แย่ไปหน่อยหรือ?” หนึ่งในนั้นพูดเสียงเบาอย่างลังเลเล็กน้อย

คนอื่น ๆ นิ่งไป สีหน้าแปรเปลี่ยนยากเข้าใจ

“พวกเจ้าไม่คิดหรือว่าเจ้าเด็กนั่นน่าจะตายไปแล้ว? เพราะถึงอย่างไร กระทั่งเรายังเสียหายสาหัส เจ้าเด็กนั่นมีลำพัง น่าจะแย่กว่าเรามากนัก” หนึ่งในนั้นครุ่นคิดหนักแล้ววิเคราะห์

“ต่อให้ยังอยู่ ก็ย่อมไม่อาจพ้นที่นี่ไปได้ เราจะปล่อยเขาจูงจมูกเราไม่ได้” หนึ่งในนั้นพูดหน้าเครียด

จักรพรรดิไท่จิ้งฟังแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยขึ้นเสียงเบา “พวกเจ้ายังคิดหารือกันอีกนานเพียงไร?”

สีหน้าทุกคนชะงัก เงียบงันเช่นจักจั่นในเหมันตฤดู

“เดินทาง!” จักรพรรดิไท่จิ้งเค้นเสียงสองคำเบา ๆ เหลือบมองคนทั้งหลายอย่างเย็นชา ก่อนจะทะยานร่างไปไกล

คนทั้งหลายมองหน้ากัน แล้วรีบร้อนตามจักรพรรดิไท่จิ้งไป

“ระวังตัวด้วย อย่าแตะโครงกระดูกมังกรพวกนั้น หาไม่ กระทั่งข้าก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้!”

“มาทางนี้ มีปราณพิเศษเฉพาะอยู่ทางนี้จาง ๆ ไปตรวจสอบมันกัน”

ขณะทะยานร่าง จักรพรรดิไท่จิ้งก็นำทาง กันไม่ให้พวกเขาชักหายนะสู่คณะ พากันลับหายสู่ส่วนลึกของท้องนภาอย่างรวดเร็ว

นับแต่แรกจนบัดนี้ พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเฉินซีอยู่ใต้โครงกระดูกมังกรซึ่งไม่ได้ห่างกันนัก และรู้เห็นได้ยินทุกสิ่ง

“หนึ่งจักรพรรดิ สี่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล” ครู่สั้น ๆ ต่อมา เฉินซีก็ขมวดคิ้วเอ่ยปาก “เหมือนเราต้องใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ เร่งออกเดินทางต่อ หากเจ้าพวกนี้เจอวาสนาที่นี่ ก็ยากจะชิงคืนได้”

“เฉินซี เจ้ารับปากช่วยบรรพชนผู้นี้แล้วนะ” เหล่าไป๋รีบกล่าวขัด

“แน่นอน” เฉินซีพยักหน้า สูดหายใจลึก “ไปกันเถอะ การบ่มเพาะของข้าพอจะฟื้นกลับมาแล้ว”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]