เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1810

บทที่ 1810 เหตุผล

………………..

บทที่ 1810 เหตุผล

ทันทีที่ชายวัยกลางคนชุดดำจากไป เชินถูเยียนหรานก็เผยความรู้สึกโกรธเกรี้ยวออกมาทันใด

เฉินซีเห็นทั้งหมดนั้นแล้วก็ถามขึ้น “อะไรกัน? หากเจ้าไม่ร่วมกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ด้วย พวกเขากล้าใช้กำลังบีบบังคับหรือ?”

เชินถูเยียนหรานส่ายหน้า “เรื่องนี้ไม่เรียบง่ายอย่างที่เจ้าคิด หากเป็นแค่การเข้าร่วมบ่มเพาะพลังกับสำนักศักดิ์สิทธิ์เฉย ๆ ข้าก็คงไม่ปฏิเสธเช่นนี้ แต่เป้าหมายของสำนักศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรียบง่าย”

“อ้อ?” เฉินซีเลิกคิ้วสูง “หมายความว่าอย่างไร?”

“พูดง่าย ๆ คือ สำนักศักดิ์สิทธิ์คิดฉวยจังหวะนี้ดึงตระกูลเชินถูเข้าฝ่ายเดียวกัน ให้กลายเป็นลูกน้อง” เชินถูเยียนหรานคิดสักพักแล้วก็เอ่ยคำ “หรือก็คือหากร่วมกับสำนักศักดิ์สิทธิ์จริง แม้จะดูไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ในสายตาคนอื่นก็จะมองว่าตระกูลเชินถูของข้าอยู่ฝั่งเดียวกับสำนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

เฉินซีจึงได้เข้าใจ พลันขมวดคิ้วถาม “เช่นนั้นยอดฝีมือตระกูลเชินถูคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”

เชินถูเยียนหรานหัวเราะเสียงเย็น “พวกนั้นน่ะหรือ? ย่อมต้องอยากไปร่วมกับสำนักศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว เพราะอย่างไรสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นห้าสำนักใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิ พวกเขาย่อมอยากเห็นสำนักศักดิ์สิทธิ์คอยหนุนหลังให้ตระกูล”

เฉินซีชะงักไป “หากนึกถึงผลประโยชน์ของตระกูลเป็นหลัก เช่นนั้นร่วมกับเขาไปก็ดูไม่แย่นะ”

เชินถูเยียนหรานจ้องเขา “เจ้าไม่เข้าใจจริง ๆ หรือแค่แสร้งทำเป็นไม่รู้? ในห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ ที่โหดร้ายทารุณที่สุดคือนิกายอำนาจเทวะ แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไหร่นัก ฉะนั้นไปเข้าร่วมกับเขาก็เหมือนไปเป็นเหยื่อ”

นางหยุดไปเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเห็นของข้าเท่านั้น แต่ละคนก็มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ของเขาเทพพยากรณ์ของเจ้ากับนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์นั้นตึงเครียดนัก เป็นเหมือนศัตรูคู่อาฆาตของเขาเทพพยากรณ์เลยก็ว่าได้”

พูดจบนางก็หัวเราะออกมา รู้สึกแปลกอยู่บ้างที่มาอธิบายเรื่องของเขาเทพพยากรณ์ให้ศิษย์เขาเทพพยากรณ์ฟังเช่นนี้

แต่เฉินซีไม่หัวเราะแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องในอดีตเช่นนี้มาก่อน

เมื่อเห็นว่าเขาเทพพยากรณ์ไม่เพียงแต่เป็นศัตรูกับนิกายอำนาจเทวะ แต่กับสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเหมือนน้ำกับไฟ นอกจากรู้สึกประหลาดใจแล้ว เฉินซีจึงได้ขีดเส้นแบ่งตนเองกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ไว้ในใจแล้ว

ในฐานะศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์ เขาย่อมเลือกจุดยืนเช่นเดียวกับเขาเทพพยากรณ์อย่างไม่ลังเล

“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?” เฉินซีถามขึ้นอีก

“ข้าหรือ?” เชินถูเยียนหรานถอนใจ จากนั้นเผยแววตามุ่งมั่น “พวกเขาจะเข้ากับสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ข้าเข้าร่วมด้วย ข้าไม่ยอมแน่”

เฉินซีพยักหน้า เขารู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมาก มันคือการร่วมมือกันระหว่างสองกำลังใหญ่ แต่เชินถูเยียนหรานไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรในตระกูลนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรตามใจชอบได้

นี่คือปัญหาที่เชินถูเยียนหรานกลุ้มใจอยู่ พอได้ยินเขาถามนางก็ถอนหายใจ “ก็คงต้องเป็นไปตามสถานการณ์ละนะ”

ว่าแล้วนางก็สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วคลี่ยิ้มหันมามองเฉินซี “เอาเถอะ เรื่องพวกนี้ก็แค่เรื่องไร้สาระ เราไปที่โถงหลัก ไปหาท่านพ่อเพื่อทำธุระของเจ้าให้เสร็จก่อนเถอะ”

เรื่องไร้สาระ? เฉินซีเหลือบมองแล้วก็ไม่ว่าอะไรอีก

โถงหลักตระกูลเชินถู

เมื่อเฉินซีตามเชินถูเยียนหรานมาถึงที่นี่ เขาก็เห็นว่ามีเงาร่างจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงโบราณขนาดใหญ่นี้แล้ว

ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงนั่งอยู่ตรงกลางบนที่นั่งประธาน มีใบหน้าหล่อเหลาดูภูมิฐาน สายตาเฉียบคมและส่องระยับดั่งสายฟ้า เขานั่งสบาย ๆ อยู่ตรงนั้น ปลดปล่อยกลิ่นอายกดดันทรงอำนาจออกมา

เห็นได้ชัดว่าคือเจ้าตระกูลเชินถู เชินถูชิงหยวน เป็นจักรพรรดิชื่อดังคนหนึ่งในเอกภพจักรวรรดิ!

แม้เฉินซีจะไม่เคยเจอเชินถูชิงหยวนมาก่อน แต่ก็เคยได้รับคำชี้แนะจากเยี่ยเหยียนก่อนมาถึงตระกูลเชินถู จึงรู้ว่าเจ้าตระกูลเชินถูมีพลังอยู่ในขั้นแปดดารา อีกทั้งเชินถูชิงหยวนยังมีเจตจำนงกล้าแข็ง มีความสามารถไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนที่จะประมาทได้เลย

นอกจากนั้นแล้วยังมีคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลกันเสียส่วนใหญ่

นี่คืออำนาจของขุมพลังใหญ่แห่งเอกภพจักรวรรดิ หากเป็นในเอกภพอื่นก็คงยากจะได้เห็นแม้เพียงหนึ่งจักรพรรดิ แต่กลับสามารถพบเห็นได้บ่อยในตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเชินถู

ถึงจะเป็นเฉินซี ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้เมื่อได้เห็น ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าตระกูลใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิมีอำนาจเพียงใด

บรรยากาศภายในห้องโถงดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก มีเสียงพูดคุยครึกครื้นดังมายามเฉินซีกับเชินถูเยียนหรานมาถึง

“น้องสาม การเข้าร่วมกับสำนักศักดิ์สิทธิ์มีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อตระกูล หากเราไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้ต่อไปคงไม่มีอีก” เชินถูหมิงต้าสูดลมหายใจเอ่ยคำ “หากปฏิเสธไปเลยโดยไม่ดูสถานการณ์ก็คงไม่ได้ เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงตระกูล!”

นับเป็นน้ำเสียงแฝงแววตำหนิ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันใด

ตอนนี้เฉินซีเห็นแล้วว่าผู้อาวุโสในตระกูลเชินถูเองก็ไม่ได้คิดเห็นตรงกันในเรื่องสำนักศักดิ์สิทธิ์

ตัวอย่างเช่น เชินถูหมิงต้าเป็นตัวแทนคนตระกูลเชินถูที่เห็นด้วยกับการร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเชินถูเป้าก็เป็นฝั่งที่ไม่เห็นด้วย

“เอาเถอะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนคิดถึงตระกูลเป็นหลักกันอยู่แล้ว ดังนั้นเลิกเถียงกันก่อนเถอะนะ” เชินถูชิงหยวนพลันคำรามเสียงหัวเราะขึ้นมาแล้วโบกมือปัด ๆ

“เช่นนั้นน้องสี่มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร?” เชินถูหมิงต้าถามเสียงต่ำ

เชินถูเป้าเองก็หันมองเช่นกัน

“ค่อยตัดสินใจหลังทูตสำนักศักดิ์สิทธิ์มาถึง ได้พูดคุยเข้าใจกันแล้วก็ได้” เชินถูชิงหยวนเอ่ยเสียงเรียบ

พูดถึงจุดนี้ เขาก็หยิบป้ายหยกขึ้นมาแล้วถอนหายใจ “นี่เป็นข่าวที่ข้าเพิ่งได้รับมา นับได้ว่าเป็นเรื่องน่าตะลึงยิ่ง หากหลุดรอดออกไปยังเอกภพจักรวรรดิ สถานการณ์นิ่งสงบมาตลอดหลายปีคงได้แปรเปลี่ยน!”

เมื่อได้ยินว่าเชินถูชิงหยวนจงใจเปลี่ยนเรื่องคุย เลี่ยงพูดเรื่องสานสัมพันธ์กับสำนักศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเชินถูหมิงต้าหรือเชินถูเป้าก็ทำอะไรไม่ได้

จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าน้องสี่คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องสำนักศักดิ์สิทธิ์กันแน่

แต่ไม่ว่าอย่างไร เชินถูชิงหยวนพูดเช่นนั้นไปก็ทำให้ใจทุกคนสงสัยขึ้นมาได้

ตะลึงกันทั้งโลกา?

ทำลายความสงบในเอกภพจักรวรรดิ?

นี่มันเป็นข่าวอะไรกันแน่?

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]