เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1815

บทที่ 1815 ไร้ผู้ทัดเทียม

………………..

บทที่ 1815 ไร้ผู้ทัดเทียม

ชายเสื้อคลุมสีเงินเรียกว่าเซียวเทียนฉี เขาเป็นศิษย์ผดุงธรรมของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์ฐานะของเขาสูงกว่าศิษย์คุมกฎ แต่ยังต่ำกว่าศิษย์ผนึกฤทธิ์

ตามชื่อที่บอกเป็นนัย มันหมายถึงผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์

ในฐานะกองกำลังชั้นยอดของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ผดุงธรรมทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาซึ่งเหนือกว่าผู้ทั่วไป

เนื่องจากเซียวเทียนฉีสามารถติดตามเคียงข้างกงซุนมู่ได้ การบ่มเพาะและพลังยุทธ์ย่อมไม่ธรรมดา

ในขณะนี้ เมื่อเห็นว่าเซียวเทียนฉีเป็นฝ่ายริเริ่มท้าทายเฉินซี ผู้คนในห้องโถงก็ประหลาดใจเล็กน้อย และรู้สึกเหมือนเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในความเห็นของพวกเขา เฉินซีผู้นี้มีรูปลักษณ์ธรรมดาและมีพรสวรรค์ทั่วไป แต่ดูเหมือนจะไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง ซึ่งบุคคลเช่นนี้ไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด

“ช่างเถอะ ไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อมพวกเขาแล้ว ให้ทูตของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สอนบทเรียนแก่ชายที่หยิ่งผยองนี้เถอะ จะได้รู้ฐานะตัวเองสักที” เชินถูหมิงต้า หัวเราะอย่างเย็นชาพลางสั่งเชินถูซิงว่าอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด สหายของเยียนหรานเหรอ? สำหรับข้า ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะคิดว่าการที่เขาประจบสอพลอเยียนหรานแล้ว จะทำตัวเย่อหยิ่งจองหองอย่างไรก็ได้” เชินถูซิงหัวเราะเสียงเย็น และหันไปตั้งใจชมการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้น

มีหลายคนที่มีความคิดเหมือนกับพ่อลูกคู่นี้ พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเฉินซีอวดดีเกินไป ไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง และไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร

ยามนั้น เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ตระกูลเชินถูไม่มีใครคิดเข้าไปแทรกแซงกับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้

สำหรับศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่คิดหยุดยั้งเรื่องนี้ยิ่งกว่า เฉินซีทำตัวโอหังโต้แย้งกับพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเหมือนเป็นการล่วงเกินครั้งใหญ่ต่อสำนักศักดิ์สิทธิ์!

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า คนที่ไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ จะกล้าเผชิญหน้ากับสำนักศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก พวกเขาคงจะสังหารคนผู้นี้ไปแล้ว แล้วพวกเขาจะรอจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?

ตอนนี้ เมื่อเซียวเทียนฉีเริ่มท้าทาย พวกเขาก็ตั้งตารอที่จะเห็นเซียวเทียนฉีบดขยี้คนที่จองหองและโง่เขลาผู้นี้ เพื่อเป็นการระบายเพลิงโทสะออกมา

ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นั่น มีเพียงเชินถูเยียนหรานเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบ หากมองดี ๆ จะเห็นว่า สายตาที่นางมองเฉินซีนั่น แท้จริงแล้วมีความตื้นตันอยู่เสี้ยวหนึ่ง อีกเสี้ยวหนึ่งดูแปลกพิกล

สำหรับเชินถูชิงหยวน ผู้นำแห่งตระกูลเชินถู เขายังคงเผยท่าทางที่ไม่แยแส ซึ่งทำให้ผู้อื่นไม่สามารถคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ในขณะนี้ บรรยากาศเริ่มเงียบลงและตึงเครียดถึงขีดสุด ในขณะที่การต่อสู้อาจปะทุได้ทุกเมื่อ

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เฉินซีและเซียวเทียนฉี

“เจ้าน่ะหรือ?” ท่ามกลางความเงียบงันนี้ จู่ ๆ เฉินซีก็กล่าวขึ้น แล้วพลันเหลือบมองไปที่เซียวเทียนฉี ก่อนจะส่ายศีรษะ “ฝีมือเจ้าต่ำทรามเกินไป ให้คนอื่นมาประลองกับข้าเถิด”

เสียงของเขาราบเรียบและผ่อนคลาย ไร้แววเยาะเย้ย แต่เมื่อมันเข้าหูคนอื่น ๆ ในห้องโถง กลับฟังดูเย่อหยิ่งจองหองเหนือผู้ใด

หลายคนถึงกับขมวดคิ้ว หรือชายคนนี้อยากตายจริง ๆ?

โดยเฉพาะเซียวเทียนฉี เมื่อได้ยินคำพูดเฉินซี ริมฝีปากพลันกระตุก ไอ้ลูกเต่านั่น! ช่างจองหองยิ่งนัก!

เขาเริ่มหัวเราะด้วยความเดือดดาล และกล่าวด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “เพียงเพราะวาจาของเจ้า นายน้อยผู้นี้จะไม่ให้อภัยเจ้าแน่นอน แม้ว่าเจ้าจะคุกเข่าและร้องขอความเมตตา!”

โครม!

วาจายังคงดังกังวาน แต่เซียวเทียนฉีพลันเหยียดฝ่ามืออันประณีตออก ก่อผนึกอยู่กลางอากาศ มันสว่างไสวด้วยแสงสีขาวเจิดจ้า ขณะถาโถมไปทางเฉินซี ทำให้ความว่างเปล่าพังทลาย ในขณะที่ท่วงทำนองอันศักดิ์สิทธิ์ของมหาเต๋าดังก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ณ ขณะนี้ เซียวเทียนฉีเป็นดั่งเทพที่สถิตอยู่ในสวรรค์ทั้งเก้า ท่าทางดูสง่าผ่าเผยยิ่ง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่บันดาลให้รู้สึกว่าไร้เทียมทาน

“สุดยอดมรดกของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ผนึกแห่งการพิพากษา!” มีคนอุทานด้วยความตกใจเมื่อบุคคลนั้นจดจำเคล็ดวิชานี้ได้

สิ่งนี้ทำให้เกิดความแตกตื่นโดยรอบทันที และพวกเขาก็ทอดถอนใจอย่างลับ ๆ ศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาใช้สุดยอดวิชาที่มีพลังสังหารสะท้านโลกาทันทีที่จู่โจม

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังทำให้ผู้อื่นสามารถระบุได้ว่า เซียวเทียนฉีนั้นโกรธแค้นอย่างแท้จริง และตั้งใจที่จะบดขยี้เฉินซีในรวดเดียว เพื่อระบายเพลิงโทสะในใจ

“เคล็ดวิชานี้ไม่เลว ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าอวดดี” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เซียวเทียนฉีผู้นี้มีความสามารถจริง ๆ และเพียงกระบวนท่านี้ก็สามารถปราบศัตรูในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกันได้แล้ว

แต่เฉินซีไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เขาเคยฆ่าจักรพรรดิมาแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่กริ่งเกรงใด ๆ

อย่างไรก็ตาม เฉินซีต้องยอมรับว่าหากไม่ใช้พลังฝีมือที่แท้จริง การจะยุติการต่อสู้ครั้งนี้คงไม่ง่ายนัก ท้ายที่สุดแล้ว เซียวเทียนฉีก็เป็นศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ และพลังฝีมือก็ไม่ธรรมดา

โครม!

ทันใดนั้น กลิ่นอายของเฉินซีพุ่งทะยาน มันเหมือนกับสัตว์ร้ายที่ไร้คู่เปรียบได้ตื่นขึ้นภายในตัว และกระโจนออกมายังโลกภายนอก!

ทันใดนั้น กลิ่นอายอันทรงพลังของเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ประกายแสงอันศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แล้วกลายเป็นลำแสงที่ม้วนวน สายตาทอประกายเย่อหยิ่งอาฆาต ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายสูงใหญ่ยังเปล่งแสงอันคมกริบที่ดุร้ายและคุกคามออกมา

เคร้ง!

เพียงสะบัดนิ้ว ก็บังเกิดเสียงกู่ร้องของกระบี่ที่ฟังดูเหมือนก้อนหินถูกผ่าแยก จากนั้นปราณกระบี่ก็แผ่พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา

บรรยากาศสั่นสะเทือน พื้นดินแหลกสลาย ทั้งยังถูกทำลายด้วยปราณกระบี่นี้ บังเกิดเป็นฉากการทำลายล้างที่น่าหวาดหวั่น

บัดนี้ พลังที่เฉินซีเผยออกมานั้น เพียงพอที่จะต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล

สภาพแวดล้อมโดยรอบเงียบลงอย่างสมบูรณ์

นั่นคือศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์! จะอ่อนแอขนาดนี้ได้ยังไง?

ทุกคนตกตะลึงกันถ้วนหน้า

บัดนี้ เฉินซีดูเหมือนกลายเป็นคนละคน เปี่ยมล้นด้วยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ และยังน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง

ในที่สุด ทุกคนล้วนตระหนักว่า สหายของเยียนหรานผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และแทบไร้เทียมทานในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!” เชินถูซิงร้องด้วยความไม่เชื่อ

เชินถูหมิงต้าอ้าปากค้าง ไร้คำเอื้อนเอ่ย ตกใจจนไม่อาจเรียกคืนสติได้ในระยะเวลาอันสั้น

ไม่ใช่แค่พวกเขาสองคนเท่านั้น เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตมหาราชเทวาจากตระกูลเชินถูก็หายใจไม่ออกเช่นกัน

“อาจจะเป็นเขา?” เชินถูเป้าคาดเดาบางอย่างได้ราง ๆ แต่ก็ไม่กล้ายืนยัน

ในทางกลับกัน ท่าทางแปลก ๆ เสี้ยวหนึ่งก็แวบขึ้นมาในส่วนลึกของดวงตาของเชินถูชิงหยวน

ส่วนเชินถูเยียนหรานดูสงบมาก แน่นอนว่านางได้ยินเกี่ยวกับวีรกรรมของเฉินซีมามากมาย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

ทว่านี่ย่อมเป็นผลกระทบร้ายแรงต่อเหล่าศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย และมันทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป

“ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าดีอย่างไร!?” สตรีเสื้อคลุมสีทองร้องออกมาด้วยเสียงแหลม การตบนั่นกระทบใบหน้าของนาง ทิ้งความแสบร้อนและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นอกจากนี้ ใบหน้าของนางยังปูดบวมจนไม่น่าดู ดังนั้นนางจึงโกรธแค้นสุดขีด

เฉินซีสืบเท้าก้าวไปข้างหน้า ในขณะที่สายตาอันเย็นเยียบจับจ้องไปที่นาง และตั้งท่าโจมตีอีกครั้ง

โครม!

ทันใดนั้น อากาศสั่นสะเทือนราวกับว่าเทพอสูรกำลังลั่นกลองศึก ทำให้พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้สั่นสะเทือนและพังทลายลงทีละนิด ยิ่งไปกว่านั้น มันยังส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจนเลือดลมปั่นป่วน และพวกเขาก็รู้สึกหวาดหวั่นอย่างมากกับสิ่งนี้

ในขณะนี้ ศิษย์อีกคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวแล้ว เขาถือเครื่องประดับหยกสีม่วงทองที่เปล่งประกายด้วยแสงมงคลหลากสี อานุภาพสุดจะหาใดเปรียบ มันทำให้อากาศแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนที่มันจะกระแทกลงไปที่เฉินซี

เห็นได้ชัดว่าเครื่องประดับหยกสีม่วงทองนี้ เป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่สามารถบดขยี้เทพอสูรได้ และมันเป็นอาวุธทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ที่ครอบครองอานุภาพสะท้านโลกา

ทันทีที่เขาโจมตี ระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวก็เกิดขึ้นจากเครื่องประดับหยก และมันก็ทำให้ห้องโถงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนแทบจะพังทลาย

สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเชินถูตื่นตระหนก

ในขณะนี้ เชินถูชิงหยวนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป พลันตวาดด้วยเสียงทุ้มลึกดังลั่น “เปิดใช้งานค่ายกลศักดิ์สิทธิ์!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]