เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1836

บทที่ 1836 เมืองทศทิศ

………………..

บทที่ 1836 เมืองทศทิศ

ฟิ่ว!

หนึ่งเรือสมบัติอันสร้างจากใบบัวเขียวขจีทะลวงสุญตาสู่ท้องนภาพร่างพราวอันไร้สิ้นสุด

“อาจารย์อา ค่ายกลเคลื่อนย้ายพาเราไปถึงได้แค่ดาราจักรสวรรคภูมิแห่งนี้ และด้วยความเร็วของเรา จากที่ถึงสภาศักดิ์สิทธิ์กลางจะใช้เวลาครึ่งเดือนนะ” ในเรือสมบัติ เหวินถิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแผ่วเบา

เฉินซีพยักหน้ารับ แล้วจึงกล่าวยิ้ม ๆ “ไม่ต้องอธิบายให้ข้าฟังทุกเรื่องหรอก หนนี้เจ้าคือผู้นำ ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามแผนการของเจ้า”

เหวินถิงว่า “ได้อาจารย์อาสั่งสอนแล้ว”

เฉินซีรู้สึกจนใจเล็กน้อย เหมือนขั้นอาวุโสสูงกว่านั้นไร้ประโยชน์สิ้นดี อย่างน้อยที่สุด ยามเสวนากับจักรพรรดิแปดดาราเหวินถิงผู้นี้ เขาก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา

“ฮะ ๆ ในความคิดข้า มีแค่ผู้อาวุโสเหลิ่งซิงหุนแห่งนิกายอำนาจเทวะและศิษย์เอกผนึกฤทธิ์ตงหวงอิ่นเซวียนเท่านั้นที่ประชันศิษย์พี่กู่เยี่ยนได้ คงโหยวหรานจากตำหนักเต๋าหนี่หวาก็ถือว่าไหวอยู่อีกคน แต่จากสำนักเต๋านี่ ข้าคิดไม่ออกเลย”

ทันใดนั้น เสียงหารือกันก็ดังมาจากท้องเรือ

“อย่าลืมว่าสำนักเต๋ามีคนอย่างเย่เฉินกับอวี้จิ่วหุยอยู่ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด”

“ถูกต้อง การถกวิถีเต๋าหนนี้ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รวบรวมตัวตนขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอันเลิศล้ำสูงสุดจากทั่วสารทิศ ย่อมต้องเพิ่มความระมัดระวังกันอยู่แล้ว”

“ฮี่ ๆ ต้องยอดฝีมือเยอะ ๆ สิถึงน่าสนใจ ข้าถูเมิ่งไม่เต็มใจสู้กับผู้อ่อนแอ แบบนั้นมีแต่จะรังแกผู้อื่น ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง”

เมื่อได้ยินเสียงหารือเหล่านี้ เฉินซีก็อดรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาเล็กน้อยมิได้ และหันถามเหวินถิง “เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน และคงโหยวหรานที่พวกเขาพูดถึงกันแข็งแกร่งเพียงไรกันแน่?”

เหวินถิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงตอบอย่างเคร่งขรึม “อาจารย์อา ในความคิดข้า ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องเหล่านี้เลย ข่าวลือก็คือข่าวลือวันยันค่ำ ยอดฝีมือในสายตาพวกเขา ไม่จำเป็นต้องเลิศยุทธ์ในสายตาท่าน”

เฉินซีนิ่งไป แล้วจึงตอบยิ้ม ๆ “เจ้าว่ามาก็ถูก”

วาทะเหล่านี้ย่อมเป็นสัจธรรม ในสายตาผู้อื่น บางทีบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอาจเป็นตัวตนสูงล้ำเกินธรรมดา แต่สำหรับจักรพรรดิแปดดาราอย่างเหวินถิง บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งมวลล้วนเหมือนกระดาษ

เหมือนเช่นคำกล่าวว่าต่างจุดยืน มองต่างมุม ย่อมเห็นแตกต่าง

“อาจารย์อา หากไร้สิ่งใดอื่น ข้าจะไปชี้แนะพวกเขาบ่มเพาะนะ” เหวินถิงเหลือบไปทางท้องเรือ

“โอ้ เชิญเลย” เฉินซีพยักหน้า รอยยิ้มประหลาดยกขึ้นมุมปากน้อย ๆ ขณะมองอีกฝ่าย

จริงเช่นเขาคาดการณ์ หลังเหวินถิงเดินเข้าท้องเรือ บรรยากาศซึ่งเดิมครึกครื้นพลันเงียบกริบ เสียงหารือหายไปสิ้น

เฉินซีไม่ต้องไปดูก็ทราบว่ากู่เยี่ยน ฮวาเยี่ยน ถูเมิ่ง และคนอื่น ๆ ย่อมต้องเคร่งขรึม นอบน้อมและยำเกรงยามเผชิญหน้าเหวินถิงในขณะนี้จนไม่กล้ากระทำการตามใจอยู่แน่นอน

ประหนึ่งหนูพบหน้าแมว

เหตุผลนั้นง่ายยิ่ง แม้เหวินถิงจะดูงดงาม ท่าทีสงบเสงี่ยม แต่ยามรับมือศิษย์สำนัก นางเข้มงวดและเคร่งกฎระเบียบอย่างยิ่ง หากผู้ใดกล้าขัดคำสั่งนาง คนผู้นั้นย่อมไม่อาจเลี่ยงบททัณฑ์ไร้ปรานีจากนางได้

แน่นอน กฎระเบียบทุกอย่างของนางล้วนเกี่ยวกับการบ่มเพาะ ดังนั้นแม้กู่เยี่ยนและคณะจะยำเกรงเหวินถิง แต่ก็ไม่ถึงขนาดก่อความเคืองแค้นในใจ

เฉินซีอดยิ้มไม่ได้ เขาชอบบรรยากาศที่ทุกคนยังคงทัศนคติเดิมได้แม้ตระหนักดีว่าการถกวิถีเต๋ากำลังใกล้เข้ามาเช่นนี้ กระทำการตามสมควร และไม่ห่วงพะวงเพราะการถกวิถีเต๋า จริงดังคำกล่าวที่ว่าผู้ยิ่งใหญ่รักษาความสงบต่อหน้าเหตุใหญ่ได้

เฉินซีไม่ได้ทอดถอนใจต่อ กลับไปยังห้องของตน

เคร้ง!

หนึ่งเสียงก้องใสกระจ่างเยี่ยงยามความโกลาหลถูกผ่าสะท้านสะเทือน เต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่ดุจธรรมชาติ

หนึ่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์รูปร่างเรียบง่ายเผยรัศมีเฉิดฉายลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าเฉินซี เรืองประกายโกลาหลเจิดจรัสดุจมายา

ยันต์ศัสตรา!

หลายปีก่อน เฉินซีได้รากฐานวิญญาณธรรมชาติชิ้นหนึ่งระหว่างเทศกาลหลินหลางเป่าด้วยการชี้นำของเหล่าไป๋ มันมีสรรพคุณเลิศล้ำ สามารถพัฒนาสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ไปเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติได้ ถือได้เป็นสมบัติท้าทายสวรรค์ได้อย่างแท้จริง

สมบัติที่เขาได้มาโดยบังเอิญชิ้นนี้เองที่ทำให้เฉินซีตัดสินใจแปรสภาพยันต์ศัสตราด้วยเคล็ดวิชา เพื่อพัฒนามันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ

จากวาทะเหล่าไป๋ ยันต์ศัสตราจะสามารถดูดซับพลังธรรมชาติในรากฐานวิญญาณธรรมชาติได้ในเวลาสิบปี และจะแปรสภาพไปเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ

ขณะนี้กระบี่ซึ่งปรากฏต่อสายตาของเฉินซีเล่มนี้ก็คือยันต์ศัสตราซึ่งกลายไปเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!

ความแตกต่างใหญ่โตที่สุดยามเทียบกับอดีตก็คือ ยันต์ศัสตราขณะนี้อัดแน่นด้วยประกายกระบี่อบอุ่นนุ่มนวล เต็มไปด้วยพลังธรรมชาติอันลึกลับ เก่าแก่ และบริสุทธิ์

วิ้ง!

พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกจากมือของเฉินซี ไหลบ่าเข้าสู่ยันต์ศัสตรา เพียงพริบตา รัศมีกระบี่ไร้ลักษณ์สายหนึ่งก็พุ่งออกมา ทำให้สุญตาใกล้เคียงเลื่อนลั่นกำสรวลดุจไม่อาจทานทนอำนาจนี้ได้

“อาจารย์อา เกิดอะไรขึ้น?” ขณะนั้นเอง เสียงของเหวินถิงก็ดังมาจากนอกห้อง เจือความประหลาดใจตกตะลึง

“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแปรสภาพสมบัติอยู่” เฉินซีพลิกฝ่ามือสะกดอำนาจของยันต์ศัสตราไว้ หัวใจของเขาตกตะลึง เพียงปราณสายเดียวก็ดึงความสนใจจากจักรพรรดิแปดดาราอยางเหวินถิงได้ ฤทธาหลังพัฒนาเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติของยันต์ศัสตรานี้เกินธรรมดาจริง ๆ

ทั่วทิศคลาคล่ำอัดแน่นด้วยผู้คน กล่าวได้ว่าดุจวารีในมหาสมุทร

ทว่าจากวาทะเหวินถิง ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าเมืองทศทิศได้ มีเงื่อนไขข้อจำกัดมากมาย

ส่วนพวกมันจะเป็นอะไรบ้างนั้น เหวินถิงมิได้กล่าวถึง

ไม่นาน พวกเขาก็ร่อนลงหน้าเมืองทศทิศ

วูบ! วูบ! วูบ!

เมื่อเคลื่อนเข้าใกล้ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีผู้คนเนืองแน่นปรกนภาเช่นฝูงตั๊กแตน พุ่งทะยานเข้าสู่เมืองเป็นภาพอันยิ่งใหญ่อลังการ

“นั่นมันกี่คนกัน?” ถูเมิ่งเบิกตากว้าง เขาบ่มเพาะในเขาเทพพยากรณ์มาตลอด ไม่เคยเห็นภาพยามผู้คนเนืองแน่นเป็นทะเลเช่นนี้

“ไม่ว่าจะกี่คน มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยหรือ?” เหวินถิงเหลือบมองถูเมิ่งอย่างเฉยชา ทำอีกฝ่ายเสียขวัญเสียจนปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก หากอาจารย์ของเขาเหวินชงซานซึ่งปวดเศียรเวียนเกล้ากับเขามาตลอดเห็นเหตุการณ์นี้ คงคาดคิดได้ว่าเหวินชงซานจะรู้สึกเช่นไร

กล่าวจบ เหวินถิงก็สอดส่ายสายตาราวกำลังมองหาบางสิ่ง

“ฮ่า ๆ ๆ! สหายเต๋าเหวินถิง เจ้ามาถึงจนได้” ทันใดนั้น หนึ่งเสียงเสสรวลก็ดังขึ้นจากท้องนภาเหนือทางเข้าเมือง สยบเสียงเอะอะทั่วทิศไปจนสิ้น

จากนั้น ชายชราผมขาวร่างสั้นป้อมท่าทางสุขภาพดี วางตัวดุจนักปราชญ์ผู้หนึ่งก็มาเยือนอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นชายชราร่างสั้นป้อมผู้นี้ ฝูงชนเนืองแน่นก็เงียบเสียง เผยสีหน้าเจือความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักชายชราผู้นี้

เฉินซีก็รู้จักชายชราผู้นี้เช่นกัน เขาเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งจากสำนักเต๋า มีนามว่าจักรพรรดิหรงสวิน

หลายปีก่อน ยามเฉินซีกลับมายังเขาเทพพยากรณ์เป็นครั้งแรก เขาก็เคยเห็นจักรพรรดิหรงสวินเสวนากับเหวินถิงมาก่อน

“ขออภัยที่ต้องให้รอ สหายเต๋าหรงสวิน” เหวินถิงคลี่ยิ้มทักทาย

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าเขาเทพพยากรณ์มาถึงเป็นกลุ่มแรกเลย” จักรพรรดิหรงสวินแย้มยิ้มไม่ใส่ใจ ก่อนจะดึงเมฆมงคลออกมาสายหนึ่ง “สหายเต๋าเหวินถิง เชิญเข้าเมืองไปกับข้าเถิด”

“เช่นนั้น รบกวนเจ้าแล้ว” เหวินถิงแย้มยิ้ม ก่อนจะนำเฉินซีและคณะขึ้นขี่เมฆมงคล ตามจักรพรรดิหรงสวินเข้าเมืองทศทิศไปอย่างรวดเร็ว

“เขาเทพพยากรณ์! ได้ยินหรือไม่ พวกเขาเป็นศิษย์เขาเทพพยากรณ์!”

“แม่เจ้าโว้ย! ศิษย์จากสำนักสูงสุดอันลึกลับเหนือใดแห่งแดนเทพโบราณปรากฏโฉมสู่โลกหล้าเสียทีแล้ว!” ทันทีที่กลุ่มของเฉินซีจากไป บรรยากาศหน้าประตูเมืองซึ่งเดิมเงียบกริบก็ถูกทำลายลงสิ้น แทนที่ด้วยเสียงเอะอะฮือฮาดังเจี๊ยวจ๊าวทั่วทิศ

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]