เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1843

บทที่ 1843 ชิงความเป็นใหญ่

………………..

บทที่ 1843 ชิงความเป็นใหญ่

หลังใช้งานม่านฉายศักดิ์สิทธิ์แห่งสุขาวดี ไฮว่คงจื่อก็กลับมาในโถง สั่งการผู้อาวุโสสั่งสอนศิษย์ของสำนักเต๋า ทั้งหรงสวิน หลินเหิง อิ่งฉิน และคนอื่น ๆ ให้รับรองเหวินถิงกับคนอื่น ๆ ให้ดี

ขณะที่ตัวไฮว่คงจื่อเองรีบร้อนเข้าสู่ด้านในของโถง เพียงพริบตา เขาก็มายังดินแดนเร้นลับอันเต็มไปด้วยปราณโกลาหลแห่งหนึ่ง

“อาจารย์ลุงไฉ่หยา รอบแรกเริ่มแล้วขอรับ” ไฮว่คงจื่อโค้งตัวกล่าว

“ไปเถิด ไม่ว่าเหตุเกินคาดใด ๆ จะเกิดในการถกวิถีเต๋า เจ้าต้องจำไว้ว่าต้องรักษาความยุติธรรม ห้ามเข้าข้างฝ่ายใด รวมถึงสำนักเต๋าของเราเอง” เสียงเฒ่าชราของไฉ่หยาดังออกมา

“ขอรับ” ไฮว่คงจื่อกุมกำปั้นรับบัญชาแล้วจากไป

ทันทีที่เขาจากลับ หนึ่งร่างเฒ่าชราก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางปราณโกลาหลอันไร้ขอบเขต เลือนรางแทบมองไม่เห็น

“ประมุข ท่านคิดเช่นไร?” ร่างเฒ่าชรานั้นมองไปยังส่วนลึกของปราณโกลาหลพลางถามเสียงเบา

“ให้พวกเขาวางแผนทะเลาะกันไป เราสำนักเต๋าไม่อาจพัวพัน และไม่อาจคิดพัวพันได้ ขอเพียงทุกสิ่งเป็นไปตามกฎก็พอแล้ว” เนิ่นนานจากนั้น หนึ่งเสียงรำพึงก็ดังมาจากส่วนลึกของปราณโกลาหลอันไร้ขอบเขต เต็มไปด้วยความเมตตา

น่าเสียดายที่เสียงนั้นไม่ตอบกลับมาอีก

สิ่งนี้ทำให้ชายชรายืนตะลึงอยู่กับที่ ครุ่นคิดหนักอยู่เนิ่นนาน ท้ายที่สุด เขาก็อดรำพึงไม่ได้ “นั่นสินะ มองภายนอก การประชันนี้คือการแข่งขันแย่งตำแหน่งเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือน แต่แท้จริงแล้ว… มันมิใช่การเผชิญหน้าระหว่าง เขาเทพพยากรณ์ ตำหนักเต๋าหนี่หวา นิกายอำนาจเทวะ และสำนักศักดิ์สิทธิ์หรือ?”

ขณะเดียวกันนั้นเอง

เขาเทพพยากรณ์

อู๋เซวี่ยฉานยืนบนยอดเขา สายตาลึกล้ำของเขามองทะเลเมฆาอันม้วนวนไม่จบสิ้นอย่างเงียบเชียบ

“หากท่านอาจารย์ยังอยู่ เราคงไม่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับเช่นนี้” เพียงครู่ต่อมา อู๋เซวี่ยฉานพลันรำพึง

“ความคิดของเจ้านิกายอำนาจเทวะยากคาดการณ์จริงแท้ แต่เราก็ใช่ว่าจะแพ้ศึกนี้เสมอไป” ทันใดนั้น หนึ่งเสียงเย็นเยียบเฉยชาก็ดังขึ้น

พร้อมกันนั้น บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งลำดับสองแห่งเขาเทพพยากรณ์ ตี้ซุนก็ปรากฏขึ้นบนบงกชเขียวดอกหนึ่งอย่างเฉียบพลัน ทะยานมายังข้างกายอู๋เซวี่ยฉาน

“อย่าลืมว่าครั้งหนึ่ง เฉินหลิงจวินก็คือศิษย์น้องของเจ้า นักพรตเต๋าเซิ่งจี ในเมื่อเฉินซี เจ้าเด็กนั่นมาไกลได้เพียงนี้ เขาก็ต้องมีเส้นทางแสวงเต๋าของเขาเองแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใด ขอเพียงไม่เป็นหายนะมืดแปดด้าน ทุกสิ่งก็จะเป็นเหมือนหินลับมีดสำหรับเขา”

“มีดจะคมได้ ก็ต้องเอาไปถูกับหินลับมีด”

“เฉินซี เด็กนี่ก็เช่นกัน”

ตี้ซุนไพล่เอามือไพล่หลัง กล่าวอย่างสุขุมว่า “อันที่จริง มิใช่การถกวิถีเต๋า ข้าให้ความสำคัญกับแดนรวนเรลืมเลือนที่สุด”

รัศมีเจิดจ้าชวนตะลึงสายหนึ่งเรืองขึ้นกะทันหันในดวงตาของอู๋เซวี่ยฉาน “อาจารย์อา หรือเหตุไม่คาดฝันจะบังเกิดขึ้นที่แดนรวนเรลืมเลือนขอรับ?”

สายตาของตี้ซุนพลันเรืองประกายเกินคาดหยั่ง “บางทีที่นั่นอาจเกินคาดหยั่งเกินไป จึงไร้ผู้ใดกล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า”

อู๋เซวี่ยฉานผงะไป ก่อนจะกล่าวยิ้ม ๆ “ช่างเถอะขอรับ ข้าไม่คิดมากเรื่องนั้นหรอก ยามนี้ข้าว่าการถกวิถีเต๋าน่าจะเริ่มแล้ว ข้าขอดูหน่อยดีกว่าว่านิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์วางอุบายเช่นไรไว้หนนี้”

ตี้ซุนแย้มยิ้มเช่นกัน “มีเฉินซีอยู่ ทุกแผนการล้วนปั่นป่วนเกินคาดเดา เราทำได้เพียงรอดู”

ณ แดนอำนาจเทวะอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต

ฟ้าดินที่นี่เทาทึม ไพศาลไร้สิ้นสุด เลือนรางไม่ชัดเจน ราวไร้สิ่งใดมีตัวน กระทั่งสุญตาและสรรพสิ่งยังอยู่ในสภาพ ‘ว่างเปล่า’

เต๋าอยู่ทุกหนแห่ง กระทั่งสุญตายังมี!

ทว่าอึดใจต่อมา ชายชราหลังค่อมผู้ผอมบางเช่นกิ่งไผ่ ใบหน้ายับย่นเต็มไปด้วยริ้วรอย คู่เนตรมัวหมองยิ่งผู้หนึ่งพลันปรากฏขึ้นท่ามกลางบรรยากาศฟ้าดินอันวังเวง

ปรากฏว่าเขาคือมหาปุโรหิตอำนาจเทวะซูถัว!

“เจ้านิกาย การถกวิถีเต๋าเริ่มขึ้นแล้ว ทุกสิ่งไปตามคาดหมาย ไร้สิ่งใดผิดแผกขอรับ” ซูถัวกล่าวด้วยเสียงแหบต่ำ ลอยหวีดหวิวผ่านโลกหล้าอันว่างเปล่าราวพึมพำกับตนเอง

“ไร้สิ่งใดผิดแผก? นั่นผิดปกตินิดหน่อยนะ” ขณะเดียวกับที่ซูถัวพูดจบ หนึ่งเสียงเปี่ยมอำนาจบารมีอันไร้เค้าอารมณ์ใด ๆ พลันดังขึ้นในฟ้าดิน

ซูถัวเงยหน้าขึ้น คู่เนตรมัวหมองพลันลึกล้ำเจิดจรัสขึ้นฉับพลัน เขากล่าวด้วยท่าทีเหมือนกำลังครุ่นคิด “เจ้านิกาย ท่านหมายความว่าเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาเตรียมการมาแล้วหรือขอรับ?”

“นั่นเป็นเรื่องธรรมดา จำไว้ อย่าได้คิดว่าพวกเขารับมือง่าย หลังจากกาลแสนนาน เราทำได้เพียงบังคับให้ฝูซีจากไป หากคิดกำจัดพวกเขา มันต้องใช้ไม่เพียงเวลาและความอดทน ยังต้องพึ่งวาสนายิ่งใหญ่เช่นกัน”

“ดูนั่นเร็ว!” ดวงตาของเชินถูเยียนหรานเจิดประกาย จ้องตรงไปยังจุดหนึ่ง

คนอื่น ๆ มองตามไป และเห็นร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งในหุบระหว่างขุนเขา ณ พิภพกุมภเต๋าจริง ๆ

“เอาละ ทีนี้เราจะได้เห็นกันเสียทีว่าไม่เจอกันหลายปี เจ้านี่แข็งแกร่งขึ้นเพียงไรแล้ว!”

“ใช่เลย ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิหนึ่งดาราเยี่ยหนานตู้จากตระกูลเยี่ยตายด้วยมือคนผู้นี้ ครานี้ข้าต้องได้เห็นอำนาจเขากับตา”

เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง และคนอื่น ๆ เผยสีหน้าตื่นเต้นลุ้นรอ

ขณะนี้ เหล่าผู้บ่มเพาะจากสารพัดขุมกำลังสูงสุดทั่วแดนเทพโบราณซึ่งนั่งบนจัตุรัสแห่งการประชันต่างกำลังหาคนรู้จักของพวกตน พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าคนรู้จักของพวกตนจะอยู่ได้จนจบ และเป็นผู้ชนะสุดท้าย

วูบ!

ร่างของเฉินซีวูบไหวดุจเงามายาผ่านแดนดิน

เขาไม่ได้ใช้พลังใจเพราะต้องระมัดระวัง และใช้งานอักขระผนึกเต๋าในดวงจิตของเขา เพราะเมื่อใช้พลังใจออกมา มันจะทำให้ถูกศัตรูจับได้ และเผยร่องรอยของตนเองออกมา

ขณะเดียวกัน อักขระผนึกเต๋านั้นแตกต่าง มันไร้ลักษณ์ ไม่อาจมองเห็น และซุกซ่อนมิดชิด เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้อื่นจับได้ และกระทั่งสามารถดักฟังยามศัตรูส่งกระแสปราณคุยกันด้วย

ผู้คนทั้งร้อยแปดสิบถูกส่งกระจายกันไปยังมุมต่าง ๆ ของพิภพกุมภเต๋านี้ พวกเขารับมือยากอยู่ไม่น้อย…. เฉินซีสังเกตชัดเจนว่าพิภพกุมภเต๋าเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง มันมีปราณข้อจำกัดอันไร้ลักษณ์ที่ทำให้เขาไม่อาจใช้เคล็ดวิชาเฉพาะของเขาเทพพยากรณ์เพื่อติดต่อกู่เยี่ยน ฮวาเยี่ยน ถูเมิ่ง และศิษย์คนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมได้

เมื่อเผชิญเหตุเช่นนี้ เฉินซีก็ทำได้เพียงถือมันเป็นส่วนหนึ่งของบททดสอบ ผู้เผชิญสถานการณ์นี้มิได้มีเพียงเขา กระทั่งศิษย์สำนักอื่นก็น่าจะไม่ต่างกัน

น่าเสียดายที่เฉินซีหารู้ไม่ ว่าขณะเดียวกันนั้น ศิษย์จากนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ราวเชื่อมจิตถึงใจ ทันทีที่มาถึงพิภพกุมภเต๋า พวกเขาก็รวมตัวยังที่เดียวราวทราบทั่วกัน!

เป็นภาพผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

น่าเสียดายที่เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างลับ ๆ ผู้อื่นในโลกภายนอกไม่ทราบเลยสักนิดว่าพิภพกุมภเต๋ามีข้อจำกัดเช่นนี้ จึงไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งใดผิดแปลก

มีเพียงไฮว่คงจื่อที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเหลือบมองจักรพรรดิอิ่งฉินด้วยสายตาเคลือบแคลง

อีกฝ่ายมีสีหน้าสุขุม เสวนาเสียงเบากับจักรพรรดิหลินเหิงซึ่งยืนอยู่ข้างกัน

ท้ายที่สุด ไฮว่คงจื่อก็ลอบถอนใจ แล้วจึงส่ายหน้าเลิกคิด

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]