เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1857

บทที่ 1857 ควบคุมชะตากรรม

………………..

บทที่ 1857 ควบคุมชะตากรรม

เฉินซีและคงโหยวหรานเดินทางเคียงข้างกันผ่านทุ่งโล่ง

พระอาทิตย์ที่ใกล้ลับฟ้าเปล่งประกายออกมาดั่งไฟ ทำให้พื้นดินถูกปกคลุมด้วยชั้นสีแดงเข้มคล้ายสีของดอกกุหลาบ

เมื่อนางไม่ได้ต่อสู้ คงโหยวหรานก็กลับคืนสู่สภาพอันเกียจคร้านดังเดิม นางสวมชุดที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดอกกุหลาบ ลำคอระหงขาวดุจหิมะ เส้นผมนุ่มสลวยเป็นเงางาม ทั้งยังมีรูปลักษณ์งดงามและประณีตอย่างไร้ผู้เทียบเคียง

นางสง่า สำรวม งามลักษณ์ มากเสน่หา และเปล่งประกายอันสูงส่ง มิหนำซ้ำ กิริยาท่าทางยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

นี่คือคงโหยวหรานในฐานะผู้เยี่ยมยุทธ์อันดับหนึ่งในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลของตำหนักเต๋าหนี่หวา และผู้สืบเชื้อสายโลหิตบริสุทธิ์ของราชานกยูงบรรพกาล นางคู่ควรกับการเกิดมาเป็นยอดอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา

“เรื่องเมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว” คงโหยวหรานชะลอความเร็วลง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยดารา จ้องมองไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังลุกโชติช่วงในระยะไกล เวลานี้เสียงที่ชัดเจนและรื่นเริงยังคงแฝงด้วยความเกียจคร้านไม่เสื่อมคล้าย

เฉินซีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่จำเป็น แม้ว่าข้าจะไม่ได้ลงมือ ทว่าด้วยพลังฝีมือที่เจ้ามี สำหรับเจ้าการหลบหนีก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าไม่ยื่นมือช่วยเหลือในครั้งนี้ ข้าคงไม่อาจระบายความเกลียดชังของข้าได้”

คงโหยวหรานยิ้มเล็กน้อยขณะที่ริมฝีปากแดงชุ่มชื้นอันมากเสน่หาเผยอน้อย ๆ เผยให้เห็นความงามเฉพาะตนที่ไม่มีผู้ใดเหมือน “แต่น่าแปลกจริง ศิษย์ของสำนักเต๋านี้ ช่างดูเหมือนกับศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ พวกมันสามารถมารวมตัวกันล่วงหน้าได้อย่างไร ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าสำนักเต๋าจะอาจอยู่ฝ่ายเดียวกับสำนักศักดิ์สิทธิ์และนิกายอำนาจเทวะ”

เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าก็ไม่อาจยืนยันได้เช่นกัน ทว่าสิ่งที่ข้าสามารถบอกได้ก็คือ สำนักเต๋านั้นคงต้องรู้แผนการของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่การถกวิถีเต๋าจะเริ่มต้นขึ้นแน่ มีเพียงเขาเทพพยากรณ์ของเราและตำหนักเต๋าหนี่หวาเท่านั้นที่ถูกปกปิดความจริง”

ความประหลาดใจแวบขึ้นมาภายในดวงตาที่เปี่ยมด้วยดวงดาวของคงโหยวหราน “เจ้าก็สังเกตเห็นเหมือนกันเหรอ?”

เฉินซีพยักหน้า อารมณ์ชายหนุ่มหนักอึ้งเล็กน้อย เพราะเขากังวลมากกว่านั้น

“จริงสิ เจ้าได้พบกับศิษย์เขาเทพพยากรณ์ของข้าบ้างหรือไม่?” เฉินซีถามขึ้น

คงโหยวหรานตกตะลึง และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่เคยพบกับศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์เลยหรือ”

เฉินซีพยักหน้า “ใช่”

คงโหยวหรานดูเหมือนจมอยู่ในภวังค์ความคิด “เจ้าสงสัยว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอ?”

เฉินซีครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามทันที “แม่นางคงเจ้าพึงรู้หรือไม่ว่าพลังประเภทใดในโลกนี้ที่สามารถส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของผู้บ่มเพาะได้”

คงโหยวหรานเม้มริมฝีปากแดงของตนแผ่วเบา พลางยื่นมือเรียวงามชี้ไปบนท้องนภา “เต๋าแห่งสวรรค์”

เต๋าแห่งสวรรค์ครอบคลุมทั่วทั้งจักรวาล และเป็นกฎสูงสุดที่คอยรักษาการไหลเวียนของจักรวาล มันเป็นสิ่งสูงสุด ไร้ขอบเขต ทั้งยังไม่มีตัวตน ชะตากรรม โชคลาภ และอื่น ๆ ของผู้บ่มเพาะล้วนได้รับผลกระทบจากมัน สิ่งเหล่านี่คือความรู้พื้นฐานในโลกแห่งการบ่มเพาะ

คงโหยวหรานเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ นางก็เงียบไปครู่หนึ่ง “เฉินซี เจ้าคิดว่ามีใครบางคนใช้กลอุบาย ต่อชะตากรรมของเจ้าในระหว่างการถกวิถีเต๋าครั้งนี้หรือ?”

เฉินซีส่ายศีรษะ “ข้าไม่กังวลเกี่ยวกับตัวข้าเอง ทว่าสิ่งที่ข้ากังวลนั้นเกี่ยวกับศิษย์คนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์มากกว่า”

คงโหยวหรานหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่หันไปจับจ้องเฉินซี “มันไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอก ข้าบอกไม่ได้ว่า การตัดสินใจของเจ้านั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า นอกจากเต๋าแห่งสวรรค์แล้ว ยังมีสมบัติอีกชิ้นหนึ่งที่สามารถควบคุมชะตากรรมของผู้บ่มเพาะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!”

ดวงตาเฉินซีหรี่ลงทันควัน “มันคืออะไร?”

คงโหยวหรานกล่าวเน้นย้ำทีละคำ “สุดยอดสมบัติของนิกายอำนาจเทวะ เข็มทิศพลิกลักษณ์!”

เข็มทิศพลิกลักษณ์! นิกายอำนาจเทวะ!

หัวใจของเฉินซีสั่นไหว ในขณะที่ประกายอันเย็นเยียบและแหลมคมส่องประกายในดวงตาของชายหนุ่ม

“สมบัติชิ้นนี้อยู่ในนิกายอำนาจเทวะ และครอบครองพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ตามตำนาน เราสามารถสร้างการเชื่อมโยงโดยตรงกับพลังของเต๋าแห่งสวรรค์ได้ โดยการพึ่งพาสมบัติชิ้นนี้ สามารถชักนำพลังทุกประเภท เช่นภัยพิบัติ การทำลายล้าง และการลงทัณฑ์จากสวรรค์ลงมา มันน่าเกรงขามและลึกลับถึงขีดสุด แต่ที่สำคัญที่สุด มีคำร่ำลือในโลกภายนอกว่าหนึ่งในผลกระทบที่น่าเกรงขามที่สุดของมัน คือความสามารถในการควบคุมและส่งผลต่อชะตากรรมของผู้บ่มเพาะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!”

คำอธิบายของคงโหยวหราน ทำให้เฉินซียิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเหตุผลที่เขาไม่สามารถมาบรรจบกับศิษย์คนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์ได้ อาจเป็นเพราะแผนร้ายของนิกายอำนาจเทวะ!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็น “ไม่นึกเลยว่าพวกมันกล้าใช้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้เพื่อจัดการกับเขาเทพพยากรณ์ของข้า”

คงโหยวหรานไม่ได้คำใด เพราะนางกำลังคิดว่าตำหนักเต๋าหนี่หวาอาจต้องแผนการร้ายนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้

เฉินซีหายใจเข้าลึก พลันละทิ้งความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจไป “แม่นางคง ขอบคุณสำหรับคำเตือน ถ้าไม่มีสิ่งอื่นใดแล้ว ข้าคงต้องขอลา”

“อันที่จริง เจ้าสามารถมากับข้าได้ ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเราจะเผชิญกับอันตราย เราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นกำจัด” คงโหยวหรานแนะนำ

เฉินซียิ้ม “ไม่จำเป็น ข้ายังคงกังวลเกี่ยวกับศิษย์คนอื่น ๆ ข้าคงไม่อาจพักผ่อนอย่างสบายใจได้หากยังไม่พบพวกเขา”

คงโหยวหรานจึงไม่คิดรั้งอีกฝ่ายไว้ “ถ้าอย่างนั้นก็ถนอมตัวด้วย มันคงจะน่าเบื่อเล็กน้อย หากเจ้าไม่อยู่ในรอบที่สองของการถกวิถีเต๋า”

เฉินซีคลี่ยิ้ม “เจ้าก็เช่นกัน”

ทันทีที่กล่าวจบ ชายหนุ่มก็หันหลังจากไป

ด้วยความเชื่อมั่นในหัวใจ เราจะไม่เปลี่ยวเหงาอีกต่อไป

“ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ” รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของคงโหยวหราน เมื่อร่างของเฉินซีหายลับไป นางก็ยืดเส้นยืดสาย จากนั้นนางก็หายตัวไปจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว

ในวันที่สี่ของเดือนที่สาม

กู่เยี่ยน ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์รุ่นที่สามของเขาเทพพยากรณ์ เผชิญกับการปิดล้อมโดยกลุ่มศิษย์จากนิกายอำนาจเทวะซึ่งนำโดยเหลิ่งซิงหุน กู่เยี่ยนกำจัดศิษย์ของพวกเขาสองคนออกไป แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับเหลิ่งซิงหุน และจากไปในขณะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ผู้บ่มเพาะทั้งหมดในโลกภายนอกต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นการต่อสู้ครั้งนี้

กู่เยี่ยนจากเขาเทพพยากรณ์ ขึ้นชื่อว่ามีอยู่เทียบเท่ากับคงโหยวหราน ตงหวงอิ่นเซวียน เหลิ่งซิงหุนและเย่เฉิน แต่เขาเกือบจะถูกกำจัดออกจากการถกวิถีเต๋า แล้วพวกเขาทั้งหมดจะไม่ตกใจได้อย่างไร?

เหตุผลไม่ใช่เพราะกู่เยี่ยนอ่อนแอ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้มีเหลิ่งซิงหุนเป็นศัตรูเพียงคนเดียว ทั้งยังมีศิษย์นิกายอำนาจเทวะอยู่มากมาย ขณะที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกปิดล้อม เขายังคงสามารถกำจัดศัตรูสองคนของอีกฝ่าย ฝ่าวงล้อม และหลบหนีไปได้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเขาน่าเกรงขามเพียงใด

ในวันที่สิบสามของเดือนที่สาม

เกิดการปะทะระหว่างเย่เฉินจากสำนักเต๋าและศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ตงหวงอิ่นเซวียนได้นำศิษย์ผนึกฤทธิ์อีกสิบเอ็ดคนต่อสู้กับเย่เฉิน จนถึงจุดที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบหนี

ในวันที่สิบห้าของเดือนที่สาม

เป็นอีกครั้งที่เย่เฉินปะทะกับคงโหยวหราน สืออวี๋ และคนอื่น ๆ จากตำหนักเต๋าหนี่หวา และเขาก็หนีไปอย่างช่วยไม่ได้ในท้ายที่สุด

ในวันที่สิบเก้าของเดือนที่สาม

เป็นเย่เฉินอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นการปะทะที่เกิดขึ้นระหว่างอวี้จิ่วหุยและกลุ่มของเหลิ่งซิงหุน ดังนั้นจึงรีบรุดเพื่อช่วยเหลืออวี้จิ่วหุยได้ทันเวลา ทำให้อวี้จิ่วหุยสามารถรอดพ้นจากถูกกำจัด

ในทางกลับกัน ผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกต่างตื่นเต้นหลังจากได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้

เสียงอุทานที่แสดงความประหลาดใจ ความสงสาร ความชื่นชม และความตกใจ…. เสียงทุกประเภทดังก้องตลอดหลายวันที่ผ่านมา สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ภายในพิภพกุมภเต๋า นั้นตึงเครียดและรุนแรงเพียงใด

เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่โดดเด่นมากที่สุด ไม่ใช่กู่เยี่ยน แต่กลับเป็นเย่เฉิน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขาไม่เพียงแค่ต่อสู้กับสำนักศักดิ์สิทธิ์และนิกายอำนาจเทวะเท่านั้น แต่ยังต่อสู้กับตำหนักเต๋าหนี่หวาด้วย แม้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีทุกครั้ง แต่เท่านี้ก็สามารถดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกได้แล้ว

ไม่มีใครกล้าดูถูกเขา

ในทางกลับกัน การสนทนาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนเต็มไปด้วยคำสรรเสริญและคำชื่นชม

เนื่องจากผู้บ่มเพาะทุกคนตระหนักดีว่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถหลบหนีจากการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามที่นำโดยตงหวงอิ่นเซวียน เหลิ่งซิงหุน และคงโหยวหรานได้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]