เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1860

บทที่ 1860 สิ้นโชคแล้ว

………………..

บทที่ 1860 สิ้นโชคแล้ว

ใต้ท้องนภาราตรีเดียวกันนั้น บนยอดเขาสูงชันแห่งหนึ่ง จันทราสุกสกาวเรืองรัศมีสีเงินปกคลุม

“อันที่จริง การถกวิถีเต๋าดำเนินมาจนจุดนี้ ทั้งนิกายอำนาจเทวะของข้าหรือสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าล้วนแล้วได้เปรียบสูงยิ่ง เสียก็แต่เรายังไม่อาจกำจัดเฉินซีได้เลย” เหลิ่งซิงหุนไพล่มือไว้เบื้องหลัง ยืนตระหง่านที่ริมยอดเขา อาภรณ์และเรือนผมสีแดงเลือดโบกไสวประหนึ่งจะละล่องตามลม

“ช่วยไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร สามเดือนมานี้ เราก็ไม่ได้พบเขาเลย” ตงหวงอิ่นเซวียนทอดกายเอกเขนกบนต้นไม้โบราณอันมีรากสีเขียวเข้มต้นหนึ่ง สองมือประสานรองศีรษะ ดวงตาหรี่ปรือจับจ้องจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้า

เขาดูเอื่อยเฉื่อยไม่ถือสิ่งใดจริงจัง เมื่อเทียบกับเหลิ่งซิงหุนผู้ทะนงเย็นชาแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว

“เจ้าไม่คิดว่านี่… ผิดปกติสักหน่อยหรือ?” เหลิ่งซิงหุนขมวดคิ้วถาม

“เรื่องผิดปกติน่ะเยอะแยะ ข้ามัวคิดยิบย่อยมิได้หรอก” ตงหวงอิ่นเซวียนตอบเนิบ ๆ

เหลิ่งซิงหุนหันกลับมามองตงหวงอิ่นเซวียนอย่างดูไม่ชอบใจการกระทำของอีกฝ่าย

แต่สุดท้าย เขาก็ทำเพียงส่ายหน้า “เฉินซีไม่เป็นเช่นกันหรอก ข้าได้ยินจากผู้อาวุโสในสำนักว่าโชคชะตาของเขาไม่อาจตัดสิน และยังเป็นผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากคนที่เก้า เจ้าน่าจะรู้ดีว่านี่หมายความเช่นไร”

ตงหวงอิ่นเซวียนหรี่ตาลง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพลันแย้มยิ้ม “มิน่า นิกายอำนาจเทวะของพวกเจ้าจึงอยากจัดการเขานัก ที่แท้ก็เพราะมีคนอย่างบรรพชนฝูซีมาโผล่ในโลกหล้าอีกคนแล้ว”

เหลิ่งซิงหุนส่ายหัว “เปล่า เขาไม่เหมือนฝูซี นิกายอำนาจเทวะของข้าจับตามองเขามาตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะในสามภพแล้ว เขาไม่ใช่เพียงศิษย์เขาเทพพยากรณ์ และไม่ใช่แค่ผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลาก”

“โอ๋?” ตงหวงอิ่นเซวียนเหมือนถูกกระตุ้นความสนใจ ดวงตาเรืองประกายขึ้น “เขาแตกต่างเช่นไร?”

“ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า เขาน่าจะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม ในฐานะทายาทตระกูลตงหวง เจ้าน่าจะรู้ดีว่านี่หมายความอย่างไร” เหลิ่งซิงหุนเอ่ยเสียงเรียบ

“จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม…” ตงหวงอิ่นเซวียนกล่าวทวน ขณะที่สีหน้าเอื่อยเฉื่อยลอยชายค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เผยบรรยากาศเครียดเขม็งกดดันอย่างหายากยิ่ง

“นี่เป็นเพียงหนึ่งในนั้น เจ้าเด็กนั่นมีความลับมากมาย ข้ายืนยันได้เพียงว่าหากปล่อยเขาเติบโตต่อไป เขาจะเป็นหายนะใหญ่ทั้งสำหรับสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าและนิกายอำนาจเทวะของข้า!” เหลิ่งซิงหุนกล่าวเน้นคำต่อคำ ไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดตื่นตูมเกินจริง ตงหวงอิ่นเซวียนย่อมสามารถรับรู้ได้

“มิคาดเลยว่าเจ้านี่จะมีความลับมากมายเพียงนี้” ครู่สั้น ๆ ต่อมา ตงหวงอิ่นเซวียนก็รำพึงเบา ๆ

“พรุ่งนี้คือโอกาสสุดท้ายของเราแล้ว เราต้องกำจัดเขาไม่ว่าด้วยวิธีใด!” เหลิ่งซิงหุนกล่าวอย่างสุขุม ทว่าทุกถ้อยคำอัดแน่นด้วยจิตสังหาร

“ดูเหมือน…” ตงหวงอิ่นเซวียนสูดหายใจลึก ๆ และพึมพำ “เราจะทำได้เพียงเท่านั้น”

“ศิษย์พี่หญิงคง ข้าเป็นห่วงเฉินซีนิดหน่อย” ที่ริมธารกว้างเชี่ยวกราก สืออวี๋ยืนบนหนึ่งโขดหิน มองแสงจันทร์สะท้อนคลื่นนทีแล้วอดรำพึงเบา ๆ มิได้

เขาทราบสถานการณ์ของเฉินซีจากปากคงโหยวหรานแล้ว และทราบว่านิกายอำนาจเทวะกระทั่งใช้สมบัติสูงสุดอย่างเข็มทิศพลิกลักษณ์เพื่อจัดการกับเขาเทพพยากรณ์

“พรุ่งนี้คือวันสุดท้าย ถึงยามนั้น เราจะช่วยเขาอย่างสุดกำลังหากเรื่องใดเกิดขึ้นจริง ๆ” คงโหยวหรานนั่งอยู่ด้านข้าง แช่เท้าขาวเนียนลงในน้ำ ขณะกล่าวเสียงเรียบ “แน่นอน เงื่อนไขแรกเริ่มคือเราต้องหาเขาให้พบก่อน”

“นั่นแหละที่ข้ากังวล” สืออวี๋ขมวดคิ้ว

“กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยทุกสิ่งไปตามชะตาเถอะ” คงโหยวหรานเงียบไปครู่สั้น ๆ อย่างเหม่อลอย ก่อนจะกล่าวต่อ “แต่ข้าว่า การรับมือเฉินซีไม่ได้ง่ายนักหรอก”

ผู้คนมากมายไม่อาจสงบใจได้ในคืนนี้

แต่ไม่ว่าอย่างไร เมื่อกาลผันผ่าน วันสุดท้ายก็มาถึงอยู่ดี

ดวงตะวันแผดผลาญอันเกิดจากอีกาทองทะยานออกจากหมู่เมฆ เรืองรองขับไล่ความมืดทั่วพิภพกุมภเต๋า

ท้องนภาเพิ่งรุ่งสาง ยามถูเมิ่งฟื้นจากภวังค์สมาธิ แล้วเด้งตัวลุกเหยียดเส้นสายเผชิญตะวัน

หลังจากนั้น เขาก็ส่ายหัวสาวเท้าออกจากที่พัก วูบไหวร่างผ่านเวหาขณะพึมพำ

“วันสุดท้ายแล้ว ขออย่ามีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้นเลย….”

“เฮ้อ ข้าสงสัยจริงเชียว เหตุใดจนบัดนี้ ข้าจึงยังไม่ได้พบอาจารย์อากับคนอื่น ๆ เลย? หรือพวกเขาจะถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว?”

“ไม่สิ ไม่ใช่ ขนาดข้ายังอยู่ได้จนบัดนี้ อาจารย์อากับคนอื่น ๆ แข็งแกร่งกว่าข้าตั้งเยอะ พวกเขาไม่น่าเป็นอะไร”

ร่างสูงใหญ่กำยำดุจขุนเขาของถูเมิ่งทะยานผ่านที่ราบโล่งกลางแสงตะวันรุ่งอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่มีผู้ใดรับรู้ ว่าถูเมิ่งผู้มีนิสัยขวานผ่าซากเก็บกดความหงุดหงิดใจไว้เต็มอก

อันที่จริง ทุกคนในโลกหล้าภายนอกเห็นแล้วว่าช่วงนี้ดวงของเฉินซีเลิศนัก แต่น้อยนักจะสังเกตเห็นว่าถูเมิ่งต่างหากที่โชคดีเกินใคร

นับแต่การถกวิถีเต๋าเริ่มขึ้นจนบัดนี้ เขายังไม่ได้สู้กับผู้ใดสักคน และแม้เขาจะได้หม้อจารึกเต๋าโบราณมาแล้วหนึ่งใบ ก็ยังไร้ผู้ใดหาเขาพบ

กระทั่งตัวถูเมิ่งเองยังสุดแสนหดหู่ เขารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวว้าเหว่ท่ามกลางพิภพกุมภเต๋า ไม่อาจหาตัวเฉินซีและคนอื่น ๆ พบ ศัตรูสักคนก็หาไม่เจอ จึงรู้สึกสุดแสนโดดเดี่ยวอ้างว้าง

“ปราบข้า? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” ถูเมิ่งคำรามลั่น ชักขวานทองขนาดมหึมาออกมาด้ามหนึ่ง

ตู้ม!

ทั่วทิศแหลกร้าวเป็นเสี่ยงยามถูเมิ่งเผชิญหน้าเหลิ่งซิงหุนตรง ๆ

ขวานทองยักษ์นี้เจิดจรัสอย่างยิ่ง ยาวหนึ่งจั้ง รูปร่างเช่นจันทร์เพ็ญ ขอบคมกริบไร้ใดเปรียบ นอกจากนั้น มันยังสลักอักขระเต๋าอันซับซ้อนไว้หนาแน่น เรืองรัศมีสีทองสุกสกาว

เห็นได้ชัดว่าถูเมิ่งทุ่มสุดกำลัง ไม่กล้าออมมือแม้แต่น้อยยามเผชิญศัตรูอย่างเหลิ่งซิงหุน

เปรี้ยง!

เพียงพริบตา สีหน้าของถูเมิ่งก็เครียดขรึมถึงขีดสุด

เพียงการโจมตีนี้ลำพังก็ทำให้เขาประจักษ์แล้วว่า ความต่างชั้นอำนาจต่อสู้ระหว่างเขาและเหลิ่งซิงหุนไม่ใช่น้อย ๆ

“เฮอะ กำลังอ่อนด้อยกว่าศิษย์พี่ใหญ่กู่เยี่ยนของเจ้านัก ช่างเถอะ ข้าจะมัวเสียเวลากับเจ้าไม่ได้ ดังนั้นข้าจะส่งเจ้าออกจากพิภพกุมภเต๋าเดี๋ยวนี้แหละ!” เหลิ่งซิงหุนหัวเราะหึ สาวเท้าเข้ามาอีกก้าว เรือนผมสีแดงเลือดส่ายไหว ประกายสีชาดพุ่งออกจากดวงตา

เขาทำท่าคว้ามือไปกลางอากาศ ดุจมังกรคว้ากระเรียน เกิดเป็นผนึกประหลาดพุ่งลงใส่ถูเมิ่ง

เปรี้ยง!

ทั่วทิศระเบิดเป็นเสี่ยง ตรวนใหญ่เส้นหนาสีเลือดปรากฏจากอากาศธาตุนับพัน ๆ สาย อัดแน่นเป็นก้อนอันเรืองรัศมีศักดิ์สิทธิ์แดงเลือด

เมื่อมองจากไกล ๆ มันก็ดูเหมือนเส้นหนวดทะลวงออกจากขุมนรกทะเลเลือด ประหนึ่งจะดึงฟ้าดินทั่วทิศลงสู่อบาย ดูน่าตกตะลึงยิ่ง

“ ‘พันธนการเทพโลหิต’ ของนิกายอำนาจเทวะ? ร้ายกาจจริง ๆ” แววประหลาดใจวูบไหวในดวงตาของตงหวงอิ่นเซวียน

ขณะเดียวกัน หัวใจของถูเมิ่งร่วงลงกองตาตุ่ม การโจมตีนี้น่ากลัวเกินไป ผนึกทางหนีของเขาอย่างสมบูรณ์

ถึงขนาดที่เขาตระหนักดีว่า หากถูกตรวนสีเลือดเหล่านี้พันธนาการ กระทั่งวิญญาณก็ไม่อาจหนีได้!

ข้าควรทำเช่นไร? หรือข้าจะถูกกำจัดในวันสุดท้ายจริง ๆ?

ความไม่ยินยอมอย่างสาหัสหนักหนาพลุ่งพล่านท่วมท้นหัวใจของถูเมิ่ง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]