เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1880

บทที่ 1880 กระบี่คือเต๋า

………………..

บทที่ 1880 กระบี่คือเต๋า

ในขณะนี้ ใบหน้าของเฉินซีปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายสังหารที่เย็นเสียดแทง

ฉากที่วิจิตรดุจภาพวาดบนท้องฟ้าถูกเป็นชิ้น ๆ ด้วยจิตสังหารที่ไร้ผู้เปรียบ บังเกิดเป็นเสียงคร่ำครวญเสียดหู และทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนวุ่นวาย

จิตสังหารนี้มีอยู่มากมายและเย็นยะเยียบ ดุจดั่งกระบี่ที่ไร้เทียมทานถูกปลดออกจากฝักที่โผล่ออกมาจากห้วงอเวจี ซึ่งหมายมั่นตั้งใจที่จะล้างผลาญโลกา และสังหารสรรพสิ่งให้สูญสิ้น!

ด้วยความงุนงงสับสน ในสายตาของผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกภายนอก เฉินซีดูเหมือนกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เขาดูสงบและไม่แยแส ยามนี้กลับกล่าวได้เพียงว่า เขาได้แสดงพลังฝีมือที่แท้จริงแล้ว!

เมื่อจ้องมองจากระยะไกล ก็รู้สึกเจ็บปวดที่ดวงตาอย่างรุนแรง และหัวใจก็สั่นเทาอย่างอธิบายไม่ได้

“นี่มัน?” ทุกคนล้วนตกตะลึงกันถ้วนหน้า เนื่องเพราะจิตสังหารที่เผยออกมานั้นน่าสะพรึงยิ่ง

หรือเฉินซีผู้นี้จะไม่ปิดซ่อนพลังที่แท้จริงแล้ว และคิดตัดสินผลแพ้ชนะภายในกระบวนท่าเดียวจริง ๆ?

“ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับที่สาม?” เหล่ายอดคนต่างหรี่ตาลง ทั้งยังรู้สึกตกใจอย่างยิ่ง

เนื่องเพราะความสำเร็จในเต๋าแห่งกระบี่นั้นเลิศล้ำจนว่ากันว่า ‘กระบี่คือเต๋า เต๋าคือกระบี่’ ทุกสิ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และไม่อาจแยกจากกันได้!

ทอดตาทั่วใต้หล้า บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลที่บรรลุระดับนี้นั้นหาได้ยากพอ ๆ กับขนวิหคอมตะและเขากิเลน ซึ่งมิใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่า เหล่าจักรพรรดิมากมายที่อยู่ที่นี่ล้วนไม่อาจบรรลุถึงระดับนั้น!

เพราะทั้งหมดนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าเฉินซีได้บรรลุสู่มหาวิถีกระบี่แล้ว และได้เหยียบย่างขึ้นไปอีกระดับบนวิถีนี้!

เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับที่หนึ่งเป็นดั่งจักรพรรดิ และมันสามารถบงการกระบี่ทั้งมวลในใต้หล้า

ระดับที่สองเป็นดั่งการกลับคืนสู่ความเรียบง่าย บรรลุสภาวะธรรมชาติเสมือนถูกสร้างโดยเทพแห่งการรังสรรค์ และมีความงดงามของธรรมชาติที่วิเศษยิ่ง เมื่อบรรลุถึงระดับนี้ อาจกล่าวได้ว่าได้ก้าวผ่านขีดจำกัดของมหาวิถีกระบี่แล้ว

ในทางกลับกัน ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับที่สามคือการตระหนักต่อแก่นแท้ของเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด เพื่อบรรลุสภาวะที่เต๋าและกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันและไม่อาจแยกออกจากกัน ซึ่งแม้แต่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับที่สองก็ไม่อาจเทียบได้อีก!

แล้วจะมีผู้ใดที่สามารถบรรลุถึงจุดนี้ได้ หากไม่ใช่ยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน?

ในทางกลับกัน การที่สามารถควบคุมพลังดังกล่าวด้วยขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลนั้นหาได้ยาก แม้จะเป็นห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิก็ตาม!

“นี่คือไพ่ตายของคนผู้นี้หรือ?” ดวงตาของเหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน เย่เฉิน และคนอื่น ๆ หรี่ลงในขณะนี้ ทั้งยังเผยให้เห็นความเคร่งขรึมบนใบหน้าของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ดูกังวลมากนัก เพราะได้พิจารณามานานแล้วว่า เฉินซีได้ปกปิดความสามารถของตัวเองไว้มากมาย ดังนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ทั้งหมดจึงรู้สึกราวกับตกอยู่ในการคาดการณ์

“ขอบเขตจักรพรรกระบี่ระดับที่สาม ฮ่า ๆ ไม่แปลกใจที่เขากล้าโอ้อวดว่าจะพิชิตเซวี่ยเซียวจื่อจากนิกายอำนาจเทวะของข้าด้วยกระบวนท่าเดียว”

เล่ยฝูหัวเราะอย่างเย็นชาในโถงบรรจบ “น่าเสียดาย ในความคิดข้า แค่ความแข็งแกร่งนี้เพียงอย่างเดียว มันไม่เพียงพอที่จะบรรลุความปรารถนาของเขาได้”

“โอ้ ไว้เรามาดูกัน” เหวินถิงกล่าวอย่างเฉยเมย และน้ำเสียงนางดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความมั่นใจอันไร้ขอบเขตต่อเฉินซี

สิ่งนี้ทำให้เล่ยฝูหัวเราะอย่างเย็นชา แต่กลับไม่ได้กล่าวอันใดอีก

เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของเฉินซี เซวี่ยเซียวจื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ ส่งผลให้สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและจริงจังในทันใด

เขาไม่เคยคาดคิดเหมือนกันว่าเฉินซีจะบรรลุความสำเร็จที่วิเศษเช่นนี้ในเต๋าแห่งกระบี่ และสิ่งนี้ทำให้เขาไม่กล้าประมาทเลย

อย่างไรก็ตาม เซวี่ยเซียวจื่อยังไม่ปักใจเชื่อว่าเฉินซีจะสามารถล้มตนด้วยกระบวนท่าเดียว!

เนื่องจากการที่เขาสามารถบรรลุความสำเร็จในปัจจุบันได้ เซวี่ยเซียวจื่อย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาสามัญ เรื่องนี้ชัดเจนจากความสามารถของเขาในการเข้าสู่รอบที่สองของการถกวิถีเต๋า และเอาชนะถูเมิ่งในการประลอง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ตัวเขายังต้องรับว่าต้องทนต่อแรงกดดันอันหนักหน่วงในระหว่างการต่อสู้ครั้งนี้ และอาจถึงขั้นพ่ายแพ้ให้กับเฉินซีด้วยซ้ำ ทว่าเขาไม่เคยคิดว่าจะไม่สามารถต้านทานเฉินซีได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!

โครม!

โดยไม่ลังเล เซวี่ยเซียวจื่อโคจรพลังอย่างเต็มพิกัด รัศมีศักดิ์สิทธิ์หลั่งไปตามร่างดุจมหาสมุทรอันทรงพลัง ขับเน้นให้ดูคล้ายกับดวงตะวันที่เปล่งประกายเจิดจ้า

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายน่าเกรงขามอันสง่างามก็พุ่งทะยานถึงขีดสุด และดูเหมือนจะครอบครองท่าทางอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้ของราชาผู้ปกครองโลกหล้า

เคร้ง!

ดาบทองสัมฤทธิ์สีแดงเลือดคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเซวี่ยเซียวจื่อ ดาบมีความยาวสองฉื่อสี่ชุ่น มีรูปร่างเหมือนพระจันทร์เสี้ยว จารึกด้วยอักขระสีแดงเลือดที่ลี้ลับและน่าสะพรึงของเต๋า ทั้งยังมีสีแดงเข้มเหมือนโลหิตจะหยดลงมาจากพวกมันได้ทุกเมื่อ ซึ่งเป็นที่สะท้านขวัญยิ่ง

พวกมันคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ดาบจันทร์เสี้ยวโลหิต!

มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติคู่หนึ่งที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันดุจหยินหยาง อานุภาพยิ่งใหญ่กว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติธรรมดาทั่วไปมาก

“เซวี่ยเซียวจื่อก็คิดใช้พลังเต็มพิกัดเช่นกัน ดูเหมือนเขาจะไม่กล้าดูแคลนเฉินซี ทั้งยังถืออีกฝ่ายเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม”

“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งดูไร้สาระอย่างยิ่ง หากเฉินซีจะสามารถเอาชัยเซวี่ยเซียวจื่อได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเหตุใดเขาถึงกล้าอวดโอ้เช่นนั้น”

“ฮึ ผู้ใดบ้างไม่รู้จักอวดโอ้? บางทีนี่อาจเป็นกลยุทธ์ของเฉินซี และจงใจรบกวนสภาพจิตใจของเซวี่ยเซียวจื่อ ดังนั้นวาจาของเฉินซีไม่อาจยึดถือจริงจังได้”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเซวี่ยเซียวจื่อ เหลิ่งซิงหุน และศิษย์คนอื่น ๆ ของนิกายอำนาจเทวะก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในความคิดเห็นของพวกเขา หากเซวี่ยเซียวจื่อใช้พลังเต็มพิกัด นับประสาอะไรกับกระบวนท่าเดียว แม้แต่สิบกระบวนท่าก็ไม่คณนามือเซวี่ยเซียวจื่อหรอก

ไม่ใช่แค่กลุ่มของเหลิ่งซิงหุน คนส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกว่าคำพูดของเฉินซีไม่อาจเชื่อถือได้ และช่างเหลวไหลเสียจริง

“เขาจะทำสำเร็จได้หรือไม่?” เชินถูเยียนหรานพึมพำ

“แน่นอน เขาต้องทำได้” นางตอบคำถามของตัวเอง

การกระทำนี้ดูเหมือนไม่อาจเข้าใจได้อย่างยิ่ง ทว่าสิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดว่านางมั่นใจในตัวเฉินซีมากจริง ๆ

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน การต่อสู้ครั้งนี้ดึงดูดสายตาของเหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกได้สำเร็จก่อนที่มันจะเริ่มด้วยซ้ำ

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคำพูดของเฉินซี

เขาจะทำสำเร็จได้หรือไม่?

ผู้คนมากมายล้วนไม่เชื่อในตัวเขา

แม้แต่ไฮว่คงจื่อ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็ยังสงสัย

พลังทำลายล้างประชิดใกล้ เซวี่ยเซียวจื่อไม่อาจหลีกเลี่ยงมันได้ และถึงขั้นที่เขาไม่สามารถตอบสนองต่อมันได้ด้วยซ้ำ!

ทันใดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายร้ายแรง และสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่รู้สึกได้เมื่อใกล้จะตาย

ไม่!

ไม่!!!

เซวี่ยเซียวจื่อตะโกนอย่างบ้าคลั่งในใจ

ฟึ่บ!

หลังจากนั้น วิสัยทัศน์พลันกลายเป็นสีดำ และร่างกายก็ถูกห่อหุ้มด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ ลอยละลิ่วไปข้างหลังอย่างไม่อาจควบคุม

เมื่อเซวี่ยเซียวจื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่นอกสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ ดูสูญเสียจิตวิญญาณ และเหม่อลอยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

เมื่อครู่นี้… เกิดอันใดขึ้น?

ในขณะเดียวกัน บริเวณโดยรอบก็เงียบกริบ ไร้สุ้มเสียงใด ๆ

มีเพียงร่างสูงโปร่งของเฉินซีเท่านั้นที่ยืนตระหง่านอยู่กลางสนามรบ เขาเก็บกระบี่เปลื้องมลทินไปตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ แต่หาได้ออกจากสนามรบไม่ ในทางกลับกัน เขาขมวดคิ้วพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

นี่ข้า…แพ้แล้วเหรอ?

สีหน้าของเซวี่ยเซียวจื่อซีดเซียว ในขณะที่ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเยียบเย็น เขากวาดสายตามองรอบ ๆ แต่สังเกตเห็นว่าเหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน เย่เฉิน และคนอื่น ๆ ล้วนมีสีหน้าตกใจ และดูเหมือนจะตกตะลึงไม่น้อย

ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่เหล่าผู้ชมในระยะไกลก็ดูเหมือนกับถูกฟ้าผ่า และตกตะลึงจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก

บรรยากาศเงียบลงอย่างน่าพิกล

ข้า… แพ้จริง ๆ เหรอ?

เซวี่ยเซียวจื่อตัวแข็งทื่อทันที ในท้ายที่สุด สายตาของเขาจ้องมองไปที่ไฮว่คงจื่อ แต่เขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของไฮว่คงจื่อเต็มไปด้วยความประหลาดใจ งุนงงสับสน และดูเหลือจะเชื่อ

บรรยากาศที่ผิดปกติเช่นนี้ ทำให้หัวใจของเซวี่ยเซียวจื่อต้องทนทุกข์ทรมานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คล้ายจิตใจพังทลายไปแล้ว

ทำไมกัน..

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เซวี่ยเซียวจื่อขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้

โดยไม่มีเหตุผลใด ๆ เขานึกถึงกระบวนท่าที่เฉินซีใช้ก่อนหน้านี้ มันดูผ่อนคลาย และเป็นธรรมชาติมาก….

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนฝันร้ายของเซวี่ยเซียวจื่อ มันทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกลัวอย่างควบคุมไม่ได้ และแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยาก หวาดกลัวจนสิ้นสติ

“ชัยชนะในการประลองครั้งนี้เป็นของเฉินซี!” เวลานี้เสียงที่สง่างามอย่างยิ่งดังก้องขึ้นบนท้องฟ้าฉับพลัน และทำลายบรรยากาศที่เงียบงันอย่างแปลกประหลาดในบริเวณโดยรอบ

มันเป็นเสียงของเจ้าสำนักเต๋า!

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]