เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1996

บทที่ 1996 ต้นกำเนิดแผนภาพวารีหลาก

………………..

บทที่ 1996 ต้นกำเนิดแผนภาพวารีหลาก

เฉินซีส่งสายตาว่างเปล่ามองพื้นที่ข้างหน้า รู้สึกกดดันอยู่บ้าง

บทสนทนาระหว่างตี้ซุน เหวินเต้าเจิน และอู๋เซวี่ยฉานมีแต่คำว่า ‘ตัวแปร’ มันเป็นคำที่ลึกล้ำนัก ทำให้เฉินซีรู้สึกว่าเข้าใจ แต่พอลองคิดดูดี ๆ แล้ว เขากลับไม่ได้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับมันเลย

พวกเขาหมายความว่าอย่างไรที่ว่าสังสารวัฏปรากฏขึ้นแล้ว วันโลกาวินาศก็ใกล้จะมาถึง? หรือว่าความวิบัติที่อาจมาจากหลังประตูแห่งวันโลกาวินาศอย่างไรก็จะลงมาสู่แดนเทพโบราณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้งั้นเหรอ?

หากเป็นเช่นนั้น หรือว่าสุดท้ายยุคนี้ก็จะถูกทำลายไปเช่นกัน?

เฉินซีไม่อาจรู้ได้เลย

ตอนที่พวกเขาบอกว่ามีหลายตัวแปรมันหมายความว่าอย่างไรกัน หมายความว่ามีหลายผลลัพธ์หรือ? ที่บอกว่าจากนี้ต่อไปคงไม่อาจล่วงรู้ความลับสวรรค์ได้หมายความว่าอย่างไรกัน?

หรือว่าตัวแปรที่พวกเขาพูดถึงจะเกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งสวรรค์?

เฉินซียังคิดไม่ออก

ดังนั้นในระหว่างที่ตี้ซุน เหวินเต้าเจิน และอู๋เซวี่ยฉานคุยกันอยู่นั้น เฉินซีจึงได้แต่ฟังเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไร

แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขามั่นใจอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ ฝูซีนั้นยังมีชีวิตอยู่!

เฉินซีถึงกับเดาได้ราง ๆ ว่าสาเหตุที่ฝูซีหายตัวไปอาจจะเกี่ยวข้องกับการตามหาความลับแท้จริงมหาวิถีแห่งเต๋าก็เป็นได้

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีที่มีคำถามอยู่เต็มอกก็ติดตามอู๋เซวี่ยฉานไป จนกระทั่งเขาบอกลาตี้ซุนกับเหวินเต้าเจิน แล้วออกจากแดนซ่อนเร้นไป

พอเดินออกมาข้างนอก ท้องฟ้าก็กระจ่าง รอบข้างวุ่นวาย บรรยากาศดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทำให้เฉินซีรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคงจะยังมีคำถามอยู่อีกมาก แต่เรื่องที่อาจารย์ลุงของเราคิดนับว่าคลุมเครือเกินไป อีกทั้งตอนนี้ยังไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแต่อย่างไร ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก” เฉินซียังไม่ทันได้อ้าปากถาม อู๋เซวี่ยฉานก็เป็นฝ่ายอธิบายก่อนเสียแล้ว “แต่ข้าช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับแผนภาพวารีหลากบางข้อของเจ้าได้”

เฉินซียังคงเงียบงันอยู่ จากนั้นก็พยักหน้ายิ้มแล้วกล่าวขึ้นมา “ก็ได้”

ทั้งสองเดินไปด้วยกันตามทางเดินขรุขระขึ้นเขา บรรยากาศเงียบสงบ ไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนอย่างตอนพูดคุยกับตี้ซุนและเหวินเต้าเจิน

“ศิษย์พี่ใหญ่ แผนภาพวารีหลากเป็นสมบัติอะไรกันแน่?” เฉินซีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามคำถามที่ง่ายที่สุดออกมา แต่มันก็เป็นคำถามที่ยากจะตอบที่สุดเช่นกัน

ในอดีต เฉินซีไม่เคยมานั่งคิดว่าแผนภาพวารีหลากมาจากไหน ทำไมถึงลึกลับขนาดนี้ได้

เขาเพียงแค่รู้ว่าแผนภาพวารีหลากเคยทำให้เทพและอสูรต่อสู้กันในสามภพเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เกิดความวิปโยคนองเลือดอยู่นาน

ภายหลังพอได้มันมาอยู่ในครอบครอง เขาก็เห็นว่ามันลึกลับมาก ไม่เพียงแต่จะมีความลับน่าตกตะลึงมากมายซุกซ่อนอยู่ มันยังมีความแข็งแกร่งเกินคาดอยู่ด้วย

เส้นทางการบ่มเพาะพลังหลังจากนั้น แผนภาพวารีหลากก็ตื่นขึ้นมาอยู่หลายครั้ง คอยช่วยเฉินซีไว้ในจังหวะจวนตัวก็หลายหน

พอกลับมาจากแดนวิปโยค เฉินซีจึงเข้าใจว่าแผนภาพวารีหลากมีมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม รั้งอยู่มาจนถึงมาเก้ายุคสมัยแล้ว!

เป็นเรื่องน่าตกใจยิ่ง

ที่น่าตกใจที่สุดสำหรับเฉินซีคือการล่มสลายของทุกยุคล้วนเกี่ยวข้องกับผู้ช่วงชิงคนที่เก้าของยุคนั้น ๆ ที่สำคัญคือ ผู้ช่วงชิงเหล่านั้นล้วนมีแผนภาพวารีหลากเพื่อใช้เปิดประตูแห่งวันโลกาวินาศกันทั้งสิ้น

ทั้งหมดนี้ทำแผนภาพวารีหลากยิ่งดูลึกลับกว่าเก่า ทำให้ฉินซีเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้มากขึ้น อยากรู้ว่าต้นกำเนิดที่แท้จริงของแผนภาพวารีหลากคือเมื่อใดกันแน่!

อู๋เซวี่ยฉานได้ยินคำถามนี้แล้วก็อึ้งไป จากนั้นก็ถอนใจออกมาหลังผ่านไปชั่วอึดใจหนึ่ง “ข้าเองก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน สมัยอาจารย์ยังอยู่ ข้าได้ยินเขาบอกว่าแผนภาพวารีหลากคงจะเกิดมาจากความวิบัติแห่งสามภพ อาจจะถือกำเนิดขึ้นมาก่อนความวิบัติแห่งสามภพเสียอีก ส่วนเมื่อไหร่นั่น ท่านอาจารย์เองก็ไม่อาจคาดเดาได้”

“ความวิบัติแห่งสามภพ?” เฉินซีอึ้งไป เท่าที่เขารู้ ช่วงเวลาก่อนเกิดภพเซียน ภพมนุษย์ และยมโลกขึ้นมาก็คือยุคแรกกำเนิด ตอนนั้นสามภพยังไม่ถือกำเนิด ทั้งโลกมีเพียงโลกเดียว ตอนนั้นเรียกว่ายุคแรกกำเนิด

ส่วนยุคก่อนโลกแรกกำเนิดเรียกว่ายุคบรรพกาล เป็นช่วงเวลาของเหล่าเทพอสูรและนักปราชญ์

และที่เก่าไปกว่านั้นก็คือยุคโกลาหล

อู๋เซวี่ยฉานอธิบายมามากมายจนทำให้เฉินซีไม่อาจย่อยข้อมูลได้ทัน

ในอดีต เฉินซีเพียงแต่รู้ว่าสามภพไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่รู้ว่ามันพิเศษตรงไหน ตอนนี้พอได้ยินที่อู๋เซวี่ยฉานวิเคราะห์มา จึงเข้าใจว่าความวิบัติแห่งสามภพนั้นเกินกว่าที่ใครจะคิดจินตนาการถึงมาก

หรือก็คือความวิบัติแห่งสามภพถือกำเนิดผ่านพ้นตั้งแต่ต้นกำเนิดและจุดจบของแปดยุค ก่อนที่มันจะเริ่มเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในยุคนี้

ตอนแรกก็ถูกแบ่งออกเป็นแดนเทพโบราณและสามภพ แดนเทพโบราณยังคงเหมือนเก่า เป็นสถานที่เหมาะสำหรับให้ทวยเทพอยู่อาศัยและฝึกวิชา

ทว่าสามภพกลับเกิดความเปลี่ยนแปลงเฉพาะตัว มันผ่านการเปลี่ยนผันมาหลากหลายครั้ง ก่อนที่สุดท้ายจะอยู่ในสภาพปัจจุบัน แยกออกมาเป็นภพมนุษย์ ยมโลก และภพเซียน

จุดที่พิเศษสุดคือมีเพียงสามภพเท่านั้นที่มีพลังสุดยอดนามว่าสังสารวัฏ!

หากเทียบกับแดนเทพโบราณแล้ว พลังและโครงสร้างในปัจจุบันของสามภพนั้นยังถือว่าอ่อนแออยู่มาก แต่สามภพก็เป็นสถานที่ซึ่งอารยธรรมยุคปัจจุบันถือกำเนิดเกิดขึ้น เป็นเหมือนต้นกำเนิดของทุกสิ่ง กระทั่งห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิเองเดิมทีก็มาจากสามภพ!

ผ่านไปอึดใจใหญ่ เฉินซีจึงมุ่นคิ้วถาม “แต่ในเมื่อสามภพสำคัญขนาดนั้น ทำไมแดนเทพโบราณถึงลืมมันมาจนถึงตอนนี้ได้ ถึงขั้นที่ไม่มีใครจากแดนเทพโบราณกลับไปยังสามภพเลยเล่า”

อู๋เซวี่ยฉานถอนหายใจ “เรื่องนั้นอธิบายไม่ยาก พวกเราถูกเต๋าแห่งสวรรค์ยับยั้งไว้ เทพทั้งหลายย่อมไม่อาจสามารถกลับคืนสู่สามภพได้ กระทั่งเขาเทพพยากรณ์ ตำหนักเต๋าหนี่หวา และนิกายอำนาจเทวะเองก็ยังต้องใช้วิชาลับเพื่อกดพลังบ่มเพาะและปลอมตัวเป็นมนุษย์เพื่อกลับสู่สามภพ แต่พอพลังถูกเปิดเผยในสามภพเมื่อไหร่ก็จะถูกลงโทษโดยเต๋าแห่งสวรรค์!”

ตอนนี้เฉินซีจึงได้เข้าใจ รู้แล้วว่าสามภพไม่ธรรมดาขนาดไหน

อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้สมบัติลึกลับอย่างแผนภาพวารีหลากอาจจะถือกำเนิดขึ้นมาภายในสามภพอย่างนั้นสินะ?

ทันใดนั้น อู๋เซวี่ยฉานก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด “ศิษย์น้องเล็ก จากที่เจ้าว่ามา เจ้ารวบรวมชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมาได้แปดชิ้นแล้ว เหลือชิ้นสุดท้ายก็จะสามารถทำให้แผนภาพวารีหลากสมบูรณ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผนภาพวารีหลากมันถูกแยกส่วนออกไปอย่างไรเมื่อหลายปีก่อน?”

เฉินซีชะงักไป ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่รู้

อู๋เซวี่ยฉานยิ้มกล่าว “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าแผนภาพวารีหลากนั้นถูกแยกส่วนมาตั้งแต่ยุคแรกแล้ว มีเพียงผู้ช่วงชิงคนที่เก้าของทุกยุคเท่านั้นที่จะสามารถรวบรวมแผนภาพวารีหลากชิ้นสมบูรณ์ได้”

เขาหยุดเล็กน้อยแล้วเอ่ยความลับน่าตกใจให้เฉินซีฟัง “ที่สำคัญที่สุดคือแปดผู้ช่วงชิงทุกคนในยุคนี้ล้วนได้รับชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมาคนละชิ้น นั่นก็รวมถึงอาจารย์ของเราด้วย แต่กับเจ้ามันไม่เหมือนกัน!”

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]