บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 214

บทที่ 214 สายใยแห่งเจตจำนง

บทที่ 214 สายใยแห่งเจตจำนง

โอม!

เขตแดนเต๋าแห่งจุดจบ ถูกควบแน่นที่ปลายนิ้วของเฉินซี ด้วยการชี้นิ้วของเขา ประกายแสงพลบค่ำพรั่งพรูออกมากวาดไปทั่วฟ้าดิน และสมบัติวิเศษอีกสิบชิ้นถูกกวาดผ่านด้วยแสงแห่งพลบค่ำเบา ๆ ก็ทำให้พวกมันเป็นเหมือนว่าวที่ถูกตัดสายขาดทันที สูญเสียสายสัมพันธ์ที่มีกับเจ้าของก่อนจะตกลงสู่ทะเลแห่งความทุกข์ยาก

นอกจากชิงซิ่วอี้ที่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้ถอนกระจกหมอกลวงมายาของนางกลับคืนมา เตาหลอมจ้าวฟ้าเก้าอสรพิษของหวงฝู่ฉงหมิง ,กระบี่ฉลามมังกรวารีอนันต์ของหลิวเฟิงจื่อ ,กระบี่สวรรค์ปฐพีของหลินโม่เซวียน กระบี่เพลิงวิญญาณของ เซียวหลิงเอ๋อร์ , ภาพฝูงกระเรียนเก้าภูตของเซวี่ยเฉิน … สมบัติของทุกคนแทบไม่สามารถหลบหนีได้ และตราวิญญาณของพวกเขาที่บนสมบัติวิเศษก็ถูกลบออก กลายเป็นสมบัติที่ไม่มีเจ้าของโดยสิ้นเชิง

อัก!

หลังจากขาดการเชื่อมต่อกับสมบัติวิเศษแล้ว หวงฝู่ฉงหมิง และคนอื่นๆ ก็สั่นสะท้านขณะที่พวกเขากระอักเลือดออกมาอย่างกะทันหัน และจิตใจของพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

“เอาสมบัติวิเศษของข้าคืนมา!”

“ไอ้สารเลว! หากเจ้าไม่คืนกระบี่สวรรค์ปฐพีของข้ามา มิฉะนั้น จะไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่จะช่วยเหลือเจ้าได้!”

“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ภาพฝูงกระเรียนเก้าภูตมีสายใยวิญญาณของข้าที่คอยรับคำสั่งอยู่ภายใน เหตุใดถึงถูกลบล้างตราวิญญาณได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?”

เสียงกรีดร้องที่เสียดแหลมปะปนด้วยความโกรธและความหวาดกลัวดังก้องออกไปโดยทั่ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินซีที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิเหนือทะเลแห่งความทุกข์ พวกเขากลับไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว

ในขณะนี้ พวกเขาตระหนักได้แล้วว่า เจ้าเด็กที่มีฐานการบ่มเพาะขอบเขจเคหาทองคำนั้น รับมือไม่ง่ายอย่างที่เห็นจากภายนอก เขตแดนเต๋าต่าง ๆ ที่มันใช้ออกมานั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงความมัวหมองให้กลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเป็นเขตแดนเต๋าที่พวกเขาไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นมาก่อนเลยสักครั้ง!

ท้ายที่สุดแล้ว เขตแดนเต๋าทุกแห่งจะถูกควบแน่นจากมหาเต๋าที่ผ่านการขัดเกลาและทำความเข้าใจอันขมขื่นนับไม่ถ้วนก่อนที่ผู้บ่มเพาะจะบรรลุ กระบวนการนี้ยากเย็นแสนเข็ญ และความยากของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าการขึ้นภูเขาด้วยมือเปล่าหรือถมทะเลด้วยก้อนกรวด ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจทำให้ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ธาตุไฟเข้าแทรกจนไม่อาจควบคุมปราณแท้ของเขตแดนเต๋าไปตลอดชีวิต และในผู้บ่มเพาะนับพันนับหมื่น ถ้ามีผู้บ่มเพาะเข้าใจในเขตแดนเต๋าสักหนึ่งประเภท ก็นับว่าเขาโชคดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฉินซีสามารถใช้เขตแดนเต๋าแห่งปารมิตา, เขตแดนเต๋าแห่งการลืมเลือน และเขตแดนเต๋าแห่งจุดจบได้ ซึ่งพวกมันล้วนคือมหาเต๋าทั้งสามประเภท ความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้และทักษะของเฉินซีในการใช้เขตแดนเต๋านั้น เหนือจินตนการของพวกเขาไปไกลลิบ ทำให้พวกเขาไม่อาจปลักใจเชื่อ ว่าจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่ในโลกนี้

เจ้าเด็กคนนี้มีฐานการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเคหาทองคำจริง ๆ หรือ?

ในขณะนี้ ทุกคนต่างก็จดจ้องไปยังร่างสูงโปร่งที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่เหนือทะเลแห่งความทุกข์ พวกเขาไม่สามารถระงับความรู้สึกอันไร้พลังที่กำลังผุดขึ้นมาภายในใจของพวกเขาได้ และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับภูเขาที่ไม่อาจสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีความคิดที่จะแย่งชิงสมบัติอมตะของเฉินซีอีกต่อไป แต่ในทางตรงข้าม กลับหวังเพียงจะนำสมบัติวิเศษที่เป็นของตนเองกลับมาคืนเท่านั้น

“เจ้าไม่ใช่เฉินซี” ชิงซิ่วอี้กล่าวออกมาอย่างกะทันหัน เสียงทุ้มหนักและเยียบเย็นของนางทำลายความเงียบสงัดลงโดยสิ้นเชิง

เฉินซีไม่ปฏิเสธใด ๆ

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสังเกตเห็นว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ เจ้าได้ใช้กำลังทั้งหมดแล้ว มิฉะนั้น เจ้าคงไม่รอจนถึงตอนนี้โดยเด็ดขาด” ชิงซิ่วอี้กล่าวคำต่อตำด้วยท่าทางที่สงบเป็นอย่างมาก

เฉินซีเงยหน้าขึ้นมองชิงซิ่วอี้ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยความเข้าใจอย่างกะทันหันว่า “ที่แท้ก็เป็นเซียนสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิด ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพลังของข้าหมดสิ้นไปแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่โจมตีเข้ามาเสีย?”

“ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด เจ้ายังมีพอเรี่ยวแรงเหลืออยู่บ้าง และมันถูกสงวนไว้เพื่อใช้ในการหลบหนี” ชิงซิ่วอี้กล่าวโดยไม่ต้องคิด

“อ้อ งั้นข้าขอถามเจ้าอีกอย่าง เจ้าเดาได้ไหมว่าข้าเป็นใคร” เฉินซีถามด้วยความใคร่รู้

“เจ้าไม่ใช่ดวงจิตของสมบัติอมตะอย่างแน่นอน และจากการสังเกตเขตแดนเต๋าทั้งสามประเภทที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเป็นบุคคลสำคัญในยมโลกไม่สิ มันควรจะเป็นสายใยแห่งเจตจำนง!” ชิงซิ่วอี้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ และดวงตาที่ใสกระจ่างของนางกลับเผยให้เห็นถึงประกายแห่งปัญญา

สายใยแห่งเจตจำนง?

การสนทนาของทั้งสองไม่ได้ถูกปกปิดไว้ ดังนั้นมันจึงเข้าหูของทุกคนที่อยู่ที่นั่นโดยสมบูรณ์ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าร่างกายของเฉินซีมีเส้นใยแห่งเจตจำนงของตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่ พวกเขาก็ตระหนักได้ในทันที และคลื่นแห่งความตกตะลึงก็พรั่งพลูออกมาอย่างรุนแรงจากในใจพวกเขา

เฉพาะผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ ที่มีประสบการณ์และรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์เก้าระลอกเพื่อกลายเป็นเซียนสวรรค์เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ตราประทับเจตนจำนง เพื่อแบ่งเจตจำนงของพวกเขาไปสู่มิติต่าง ๆ พวกเขาเป็นเหมือนร่างอวตารที่ท่องไปในจักรวาลอันไร้ขอบเขตและเฝ้าสังเกตความลึกล้ำของสวรรค์อย่างเต็มที่

ตราประทับเจตนจำนงทุกตน ล้วนมีความคิด สติปัญญา ความแข็งแกร่ง และความสามารถในการควบคุมกฎเต๋าแห่งสวรรค์ ผู้บ่มเพาะที่ไม่เคยเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยสักนิด แม้ว่าพวกเขาจะมีฐานการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีก็ตาม เว้นแต่พวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น มิฉะนั้น จะไม่กล้าละเมิดเจตจำนงของเซียนสวรรค์อย่างแน่นอน

เนื่องจากไม่มีผู้ใดกล้ารับประกันได้ว่าเมื่อพวกเขาทำลายล้างเจตจำนงของเซียนสวรรค์ไปแล้ว เจ้าของเจตจำนงเหล่านี้จะไม่ฉีกอวกาศอันไร้ขอบเขตและปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในทันที มิฉะนั้น นั่นจะเป็นหายนะอย่างแน่นอน!

ด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าร่างกายของเฉินซีนั้น มีเจตจำนงของตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่จริง ๆ จึงทำให้สามารถจินตนการถึงความประหลาดใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้อย่างชัดเจน

“สาวน้อยเจ้าชาญฉลาดยิ่งนัก หากเจ้าไม่ถึงจุดจบก่อนวัยอันควร เจ้าจะต้องกลายเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าทุกคน ดังนั้น ลาก่อน!” เฉินซีหัวเราะอย่างไม่รู้จบ น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นและห้าวหาญ มันเผยให้เห็นความเศร้าที่ไม่เหมือนผู้ใดจากภายใน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]