เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 2156

บทที่ 2156 วิญญาณแห่งสังสารวัฏ

………………..

บทที่ 2156 วิญญาณแห่งสังสารวัฏ

เฉินซียังมีชีวิตอยู่!

นี่คงไม่น่าตกใจเลยถ้ามันเป็นในเวลาอื่น

อย่างไรก็ตาม ข้ารับใช้เต๋าทุกคนล้วนตระหนักดีว่าเฉินซีถูกมหาเทพเต๋าสิบคนรายล้อม

แต่เฉินซียังคงรอดชีวิต และนั่นก็น่าตกใจเกินไป

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” หนึ่งในนั้นอุทาน

ใช่ มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

ถ้าเฉินซีเป็นมหาเทพเต๋า พวกเขาอาจจะพอยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ แต่มันก็น่าเหลือเชื่อเกินไป เมื่อเขายังเป็นเพียงจ้าวเอกภพเก้าดารา!

ท้ายที่สุด แม้กระทั่งพวกเขา ข้ารับใช้เต๋าที่ปกป้องภูเขาผนึกเทพก็ยังรู้สึกกดดันอย่างมาก เมื่อเผชิญหน้ากับมหาเทพเต๋าถึงสิบคน

แต่เฉินซี… กลับรอดพ้นจากการโจมตีเช่นนี้มาได้!

ข้ารับใช้เต๋าทุกคนตกใจกับเรื่องนี้ และพวกเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย แม้ด้วยประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับในตลอดชีวิตมานับไม่ถ้วน แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจินตนาการว่าสิ่งที่ไม่น่าเชื่อจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

“ในเมื่อเฉินซียังมีชีวิตอยู่ แล้วมหาเทพเต๋าทั้งหมดที่โจมตีมันล่ะ?” มหาเทพเต๋าอาโลกะอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ตาย” มหาเทพเต๋ากาลวัฏกล่าวออกมาเพียงคำเดียวเบา ๆ ยังคงมีร่องรอยของท่าทางงุนงงบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

ตายเหรอ? คนอื่น ๆ ต่างก็เงียบลงอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของพวกเขาก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรง

พวกเขาตระหนักดีถึงความหมายนี้อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าเฉินซีไม่เพียงแค่รอดชีวิต เขายังฆ่ามหาเทพเต๋าทั้งสิบคนด้วยตัวเองด้วยซ้ำ!

คนเหล่านั้นคือมหาเทพเต๋า ผู้ที่คว้าพลังแห่งลิขิตและครอบครองความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา!

แต่จริง ๆ แล้วพวกเขากลับถูกทำลายล้างโดยจ้าวเอกภพเก้าดาราอย่างเฉินซีในคราวเดียว!

จะมีผู้ใดกล้าเชื่อหรือไม่ หากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป?

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าเด็กนั้นไม่ได้บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า?” หนึ่งในนั้นอดถามไม่ได้

“ไม่” มหาเทพเต๋ากาลวัฏตอบด้วยความมั่นใจ

นั่นคือสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้จริง ๆ มันเป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับจ้าวเอกภพเก้าดาราที่จะพิชิตขอบเขตเพื่อต่อสู้ ถึงตอนนี้ เฉินซีได้สังหารมหาเทพเต๋าผู้มีประสบการณ์ไปแล้วสิบสองคนติดต่อกัน และมันไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ?

ข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าปัญหานั้นค่อนข้างร้ายแรง พวกเขาต่างขมวดคิ้วพลางไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ

“ทุกคน แม้ว่าเจ้าเด็กนั้นจะท้าทายสวรรค์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อแผนของเราเลย” ทันใดนั้น เสียงของมหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธก็ดังก้องข้างหูของพวกเขา

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋าได้ตื่นขึ้นแล้ว!” เสียงของมหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธนั้นแผ่วเบา และแผ่จิตสังหารออกมาจาง ๆ

ทันทีที่กล่าวคำเหล่านี้ เหล่าข้ารับใช้เต๋าต่างรู้สึกโล่งอก และเผยให้ประกายแวววาวที่น่าทึ่งในดวงตา มันเป็นข่าวดีที่พวกเขาตั้งตารอ และมันได้พัดพาความเศร้าโศกในใจสลายสิ้น

“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เราจะกำจัดปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋าทันทีเมื่อเขาเผยตัว!” มหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธออกคำสั่ง และทำให้ดวงตาของข้ารับใช้เต๋าคนอื่น ๆ หรี่ลง พร้อมกับพลุ่งพล่านด้วยจิตสังหาร

ไม่ว่าจะเป็นข้ารับใช้เต๋าอันดับหก อันดับเจ็ดและอันดับแปดที่วางตัวเป็นกลาง หรือข้ารับใช้เต๋าอันดับห้า อันดับสิบเอ็ด และอันดับสิบสามที่ต่อต้านการผนึกกำลังกับนิกายอำนาจเทวะ ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้อีกเลย

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้พิทักษ์ของภูเขาผนึกเทพเช่นกัน แต่พวกเขาก็ทราบดี

ถึงขนาดที่แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในข้ารับใช้เต๋าทั้งสิบสามคนก็ตาม มีเพียงมหาเทพเต๋าสวรรค์พิโรธและมหาเทพเต๋ากาลวัฏเท่านั้นที่สามารถส่งจิตสำนึกไปยังแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า เพื่อสังเกตการณ์ได้

ณ ค่ายที่มั่นแห่งหนึ่ง

มหาเทพเต๋าซูถัวที่กำลังหลับตานั่งสมาธิมาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และทันใดนั้นเขาก็ลืมตาที่ขุ่นมัวขึ้น ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์อันสุกใสก็สามารถสังเกตเห็นได้จาง ๆ ในแววตาของเขา

ชายชราลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความสุขเสี้ยวเล็ก ๆ ได้กระจายไปทั่วมุมปากเหี่ยวย่น “ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า!”

ฟุ่บ!

เหลิ่งซิงหุนและเต๋าอู๋ซวงซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ ๆ ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน

“ควรจะเป็นเช่นนั้น” ซูถัวกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ดูเหมือนเขาจะรอคอยมาแสนนานสำหรับช่วงเวลานี้ และรู้สึกเหมือนภาระอันหนักหน่วงได้ยกออกจากบ่าจึงแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา

“มันควรจะเป็นหรือ?” คิ้วงามของเต๋าอู๋ซวงประสานกัน

“ช่วยไม่ได้ ข้าสัมผัสได้เพียงกลิ่นอายของปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า แต่ไม่สามารถสังเกตทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋าได้” ซูถัวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปฐมบรรพชนของพวกมันตื่นขึ้น เจ้าเด็กเฉินซีคนนั้นจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน โอกาสที่มันจะมีชีวิตอยู่ก็น้อยมาก”

“นั่นก็วิเศษ วิเศษยิ่ง….”

เหลิ่งซิงหุนพึมพำขณะที่ท่าทางผ่อนคลายปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันเย็นชา เมื่อหวนนึกว่าทั้งเต๋าอู๋ซวงและเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับจากแหล่งกำเนิดแห่งบาปเต๋า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเฉินซี อารมณ์ที่ซับซ้อนที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็พุ่งเข้ามาในหัวใจอย่างเฉียบพลัน

“ตอนนี้เจ้าคงไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกต่อไปแล้ว” เต๋าอู๋ซวงเหลือบมองเหลิ่งซิงหุน ในขณะที่เสียงของนางมีร่องรอยเย้ยหยันเล็กน้อย

เหลิ่งซิงหุนก้มหน้าลง แต่เขาไม่ได้กล่าวคำใด ๆ

“เอาละ เตรียมตัวให้พร้อม สิบสามข้ารับใช้เต๋าจะสามารถยึดและควบคุมวิญญาณแห่งสังสารวัฏได้อย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาสังหารปฐมบรรพชนของผู้รุกรานเต๋า เจ้าสองคนจะต้องนำสมบัตินั้นกลับไปที่แดนเทพโบราณ และมอบมันให้กับท่านประมุข” ซูถัวหายใจเข้าลึก ๆ แววตาของเขาเร่าร้อนด้วยความคาดหวัง

มันใหญ่จนเหมือนสามารถกลืนกินท้องฟ้าทั้งหมดได้!

มันลึกจนอาจเรียกได้ว่าไร้ก้นบึ้ง

นี่คือพื้นที่ต้องห้ามของผู้รุกรานเต๋า หลังจากที่ปฐมบรรพชนหลับใหลไป สถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเฉียดใกล้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เฉินซีถือได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะคนแรกที่มาถึงที่นี่ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ขณะยืนอยู่ตรงหน้าเหว เขากลับดูตัวเล็กไม่ต่างจากมด

ลมกระโชกพัดผ่านเหวอันไร้ขอบเขตนี้ เมื่อมองลงไปที่ก้นบึ้งเบื้องล่าง มันทำให้ผู้มองต้องรู้สึกเคารพอย่างสุดจะพรรณนา

โอม!

กระบี่เต๋าวิบัติในมือของเฉินซีสั่นไหว และส่งเสียงคำรามอย่างชัดเจน

หลังจากที่เขาสังหารมหาเทพเต๋าสิบสองคนติดต่อกัน กระบี่เต๋าวิบัติก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายโบราณ หากใครก็ตามมองอย่างถี่ถ้วน ก็จะสังเกตเห็นเส้นแสงโปร่งและลวงตาที่ส่องผ่านมันไปเล็กน้อย

ต่างจากสีแดงสดและรูปลักษณ์คล้ายเลือดที่เคยมีมาก่อน กระบี่เต๋าวิบัติเหมือนกลายเป็นสมบัติโบราณที่ผ่านกาลเวลาอันเดียวดาย

ในขณะนี้ กระบี่เต๋าวิบัติสั่นสะท้านเงียบ ๆ เฉินซีที่ยืนอยู่ด้านข้างของเหว ดูตื่นเต้นจนแม้แต่เจ้าตัวยังประหลาดใจ

แต่เฉินซีหาได้ใส่ใจไม่

การต่อสู้ระหว่างเขากับมหาเทพเต๋าทั้งสิบคนนั้นอาจกล่าวได้ว่า ทำให้เฉินซีได้สัมผัสการหลบหนีจากความตายนั้นเป็นอย่างไร หัวใจและจิตใจยังคงไม่สามารถสงบลงได้จนถึงขณะนี้

ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างการต่อสู้ครั้งนั้นเขาร่อแร่เพียงใด แม้ว่าเขาจะหลอมรวมเข้ากับพลังของแผนภาพวารีหลาก แต่ก็ยังเป็นเพียงจ้าวเอกภพเก้าดารา

แม้ว่าเขาจะสามารถพิชิตขอบเขตเพื่อต่อสู้และสังหารมหาเทพเต๋าผู้มีประสบการณ์เช่นเยียนเจินและฉีหยาได้ แต่เขาก็ยังด้อยกว่ามาก เมื่อเผชิญหน้ากับการผนึกกำลังของมหาเทพเต๋าทั้งสิบคน

แต่สุดท้ายเขาก็ชนะ!

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เขาสังหารมหาเทพเต๋าทั้งสิบ และดูดซับพลังแห่งลิขิตอันทรงพลัง การบ่มเพาะของเขาที่เหมือนกับเหวลึกไร้ก้นบึ้งได้แสดงให้เห็นสัญญาณจาง ๆ ของการเติมเต็ม!

ใช่ ไม่ใช่แค่กระบี่เต๋าวิบัติเท่านั้นที่เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เฉินซีก็ยังอยู่ไม่เข้าใกล้บรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าด้วย!

แต่เขาฆ่ามหาเทพเต๋าทั้งสิบคนนั้นได้อย่างไร?

เฉินซีสามารถเดาสาเหตุได้คร่าว ๆ แต่กลับไม่สามารถกล่าวได้อย่างแน่นอน เขารู้ดีว่าคำตอบอาจซ่อนอยู่ที่ก้นเหวตรงหน้านี่แหละ!

“ผู้ช่วงชิง เมื่อเจ้ามาแล้ว ก็ลงมาเถิด” เสียงที่ก้องกังวานราวระฆังดังก้องมาจากก้นบึ้งของความมืดมิด มันราบเรียบและอบอุ่น ไร้คลื่นอารมณ์ใด ๆ

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงเสียงคำรามที่ชัดเจนจากกระบี่เต๋าวิบัติในฝ่ามือ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและกระโดดลงไป

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]