บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 27

บทที่ 27 เขตต้องห้ามอันป่าเถื่อนทางตอนใต้
บทที่ 27 เขตต้องห้ามอันป่าเถื่อนทางตอนใต้

“แย่แล้ว! ศิษย์น้องชวี่ ศิษย์น้องต้วน ระวังรอบด้านไว้!” ใบหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดสีฟ้าลงยามเขาได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจึงหยุดโจมตีเสือดาววายุเงิน และเตรียมตั้งท่ารับการจู่โจมอย่างระมัดระวัง

เมื่อชายหนุ่มชุดสีฟ้าพูดจบ บุรุษและสตรีที่เหลือก็หยุดการโจมตีของพวกเขา ก่อนจะมารวมกันที่ด้านข้างของชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

พร้อมกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังก้อง เสือดาววายุเงินอีกสิบตัวก็ปรากฏขึ้นรอบ ๆ กองหิน ปิดล้อมทั้งสามคนอย่างสมบูรณ์

โฮก!

เสือดาววายุเงินที่เกือบถูกบังคับให้จนมุมเดินอย่างไม่เร่งรีบ ด้วยฝีเท้าที่สม่ำเสมอไปยืนท่ามกลางกลุ่มของพวกมัน จากนั้นมันก็หันมาเผชิญหน้ากับมนุษย์ทั้งสามก่อนจะส่งเสียงคำรามอย่างพึงพอใจ

“บัดซบ! ข้าไม่คิดเลยว่าเราจะตกหลุมพรางของไอ้สัตว์ร้ายตัวนี้!” สีหน้าของชายหนุ่มชุดสีฟ้าดูไม่น่ามองอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องนี้ เขาจะล่วงรู้ได้อย่างไรว่าเสือดาววายุเงินตัวแรกที่พบจะเป็นเพียงเหยื่อล่อ มันต้องการหลอกล่อพวกเขามาที่นี่

ชายอีกคนหนึ่งมีใบหน้ากลมและตารีเล็ก ถามด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว “ศิษย์พี่ลู่ เราควรทำอย่างไร… เราควรทำอย่างไรดี!?”

ความแข็งแกร่งของเสือดาววายุเงินเพียงตัวเดียวเทียบได้กับขอบเขตสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์แบบ ทว่าในขณะนี้ มีเสือดาววายุเงินมากกว่าสิบตัวอยู่รอบตัวพวกเขา ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา จึงไม่น่าจะมีโอกาสได้รับชัยชนะแม้แต่น้อย

“เราจะทำอะไรได้อีก? เราถูกห้อมล้อมด้วยเดรัจฉานเหล่านี้อย่างสมบูรณ์แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหนีไปได้” ลู่เส้าฉงตอบด้วยท่าทีสงบ ทว่าจิตใจของเขาก็กระวนกระวายเช่นเดียวกัน พวกเขาอยู่ในเขตป่าลึกของเทือกเขาแดนเถื่อนตอนใต้ และยังเป็นตอนกลางคืน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะขอความช่วยเหลือ

“ศิษย์พี่ลู่ ศิษย์พี่ชวี่ ข้าขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะข้า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าอยากได้ผิวหนัง ขน และกรงเล็บของเสือดาววายุเงิน ท่านทั้งสองคงไม่ต้องพบกับอันตรายเช่นนี้ ข้าจะรั้งพวกมันไว้ ท่านสองคนฉวยโอกาสหนีไปเสีย!” สตรีผู้นั้นมีหน้าตางดงาม ร่างผอมสมส่วนดูบอบบาง ขณะที่นางพูด น้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของนาง สีหน้าแสดงความรู้สึกสำนึกผิดและเสียใจอย่างที่สุด

“น้องต้วน อย่าพูดไร้สาระ!” ลู่เส้าฉงแผดเสียงตะโกนออกมา จากนั้นเขาก็ยกกระบี่ยาวขึ้นและพูดอย่างเย็นชาว่า “เราจะโจมตีพร้อมกันและฆ่าสัตว์ร้ายให้ได้มากที่สุด หรือต่อให้ตายเราก็จะตายไปด้วยกัน!”

“ถูกต้อง! เจ้าสำนักพูดเสมอว่าถ้าเจ้าคิดแค่หนีเมื่อต้องเผชิญกับอันตราย เจ้าจะไม่สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะกระบี่ที่แท้จริงได้ตลอดชีวิต ข้าสนับสนุนศิษย์พี่ลู่!” ชวี่เฉิงกัดฟันในขณะที่เขาพูด ความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขาหายไป และใบหน้าที่กลมโตนั้นก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่

“ศิษย์พี่…” ต้วนอิงอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่หยุดไว้ก่อน เพราะนางอยู่ในจุดที่ตัวเองไม่สามารถพูดสิ่งใดได้

“ฆ่า!” ลู่เส้าฉงยิ้มบาง ๆ เขาเหลือบมองศิษย์น้องทั้งสองที่อยู่ข้างกาย จากนั้นใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่าอันแรงกล้า ชายหนุ่มเปล่งเสียงคำรามและเป็นผู้แรกที่พุ่งเข้าโจมตีเสือดาววายุเงิน!

“ฆ่า!” ชวี่เฉิงและต้วนอิงวิ่งตามหลังศิษย์พี่ของตนเอง ความตั้งใจในการต่อสู้พลุ่งพล่าน

โฮก!

เสือดาววายุเงินสิบตัวกระจายตัวออกไปเมื่อเห็นเหยื่อของพวกมันยังคงต้องการต่อสู้ครั้งสุดท้าย และร่างที่แข็งแกร่งของพวกมันก็พุ่งผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน ขณะที่พวกมันตวัดเล็บคมยาวกระโจนเข้าหากลุ่มสามคนของลู่เส้าฉง

“สามคนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย…” เฉินซีมองดูการต่อสู้จากระยะไกลอย่างเงียบ ๆ เขาชื่นชมทั้งสามอย่างมากสำหรับความกล้าหาญของพวกเขา และสามัคคีไม่ทอดทิ้งกัน

อ๊าก!

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ขณะที่เสือดาววายุเงินได้ฉวยโอกาสระหว่างช่องโหว่ในการป้องกัน กรงเล็บอันแหลมคมของมันฉีกบาดแผลลึกสองแผลบนหน้าอกของชวี่เฉิงอย่างน่าสยดสยอง

“ศิษย์น้องชวี่!” ลู่เส้าฉงตะโกนออกมาดังลั่น เขาต้องการช่วยศิษย์น้องของตัวเอง แต่เสือดาววายุเงินสามตัวคอยรังควานเขาตลอดเวลา ทำให้เขาไม่สามารถฝ่าออกไปได้ ใบหน้าของชายหนุ่มจึงบิดเบี้ยวจากความโกรธและความเศร้าโศก

“ศิษย์พี่ชวี่ รีบหนีไปกับศิษย์พี่ลู่เร็วเข้า!” ขณะที่ชวี่เฉิงกำลังจะถูกสังหารโดยเสือดาววายุเงิน ลู่เส้าฉงได้ยินเสียงตะโกนจากต้วนอิงซึ่งไม่สนใจการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้าหานางอีกแล้ว หญิงสาวหันหลังกลับเพื่อเขวี้ยงกระบี่ของนางไปที่เสือดาววายุเงินข้าง ๆ ชวี่เฉิง

เมื่อเห็นว่าต้วนอิงไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชวี่เฉิง ใบหน้าของลู่เส้าฉงซีดเผือด และร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ศิษย์น้อง!”

โฮก! โฮก! โฮก!

เสือดาววายุเงินสามตัวฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าหาต้วนอิง และเล็บอันแหลมคมของพวกมันก็แหวกอากาศวาดเข้าหาแผ่นหลังของต้วนอิงอย่างดุร้าย

“ศิษย์พี่ทั้งสอง หากเป็นไปได้ชาติหน้าข้าขอเป็นศิษย์น้องของพวกท่านอีก…” ต้วนอิงรู้ว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม และนางก็ค่อยๆ หลับตาลง

“ศิษย์น้อง!”

“ศิษย์น้อง!”

เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของศิษย์พี่ทั้งสองดังเข้ามาในหูของนาง มันทำให้หญิงสาวรู้สึกมีความสุขปนเศร้า นางพูดในใจว่า ‘ข้าสงสัยนักว่าจะมีโอกาสไหมที่ข้าจะได้ยินเสียงของพวกเขาอีก…’

ปัง! ปัง! ปัง!

ทันใดนั้นเสียงปะทะรุนแรงก็ดังขึ้นรัวสามครั้งติด ราวกับกระสอบทรายหนักหนึ่งพันจินตกลงมาจากท้องฟ้าแล้วกระแทกลงกับพื้น ต่อมาสัตว์ร้ายเหล่านั้นก็ส่งเสียงร้องโหยหวน

ข้ายังไม่ตาย?

ต้วนอิงลืมตาขึ้นด้วยความงงงวย และเมื่อนางเห็นฉากตรงหน้าตัวเอง นางกลับคิดว่ากำลังฝันอยู่

ร่างของชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้านาง ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างผอมสูง ใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงันดุจภูเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ

เสือดาววายุเงินที่น่าสังเวชสามตัวร้องโหยหวนอยู่แทบเท้าของชายหนุ่มอย่างน่าตกตะลึง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]