บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 318

บทที่ 318 ไม่อาจเทียบอดีต

บทที่ 318 ไม่อาจเทียบอดีต

มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นกวาดผ่านท้องฟ้าอย่างช้า ๆ โดยไม่มีแม้แต่กลิ่นอายชีวิต มันคว้าจับด้านหลังเสื้อของนายน้อยโจวเอาไว้ในทันที และไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร เขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้เลย

ความรู้สึกนี้ราวกับว่านกอินทรีจับลูกเจี๊ยบ ในบรรดารุ่นเดียวกัน นายน้อยโจวผู้นี้นับว่าเป็นผู้แกร่งที่สุดก็จริง ทว่ากลับไม่อาจต้านท้านมือนั้นได้เลยแม้แต่น้อย

หืม!?

ทุกคนต่างก็ลอบอ้าปากค้าง พวกเขารู้ว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้ไม่ต่างอะไรจากราชาแห่งสงครามอย่างหวงฝู่ไท่อู่ได้มาถึงแล้ว!

“ตาเฒ่า แค่ก แค่ก ปล่อยมือของเจ้าได้แล้ว จะบีบคอข้าให้ตายเลยหรือไร!” นายน้อยโจวตะโกนขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ ยามนี้เขาไม่เหลือความสง่างามและทรงภูมิเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ตรงกันข้ามเขาดูเหมือนเด็กซนที่ถูกพ่อแม่จับได้ ทำให้ทุกคนไม่อาจต้านความขบขันได้

“เจ้าเด็กไร้มารยาท! นี่เจ้ายังนับข้าเป็นปู่ทวดอีกอยู่ไหมฮึ?” สิ้นเสียงกล่าว ชายชราผู้มีรูปร่างผอมแห้งผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้า ท่ามกลางสายตาของทุกคนในทันที เขาสวมชุดคลุมยาวสีดำ ถือไม้เท้า ผมของเขาขาวราวกับหิมะ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดวงตาของเขาดูเหมือนจะผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน แต่ก็ยังคงสดใสและลึกล้ำจนทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตามองตรง ๆ

รูปลักษณ์ของชายชราคนนั้นดูธรรมดา ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูเหมือนชายชราตามท้องนาในชนบท แต่หากสังเกตอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครสามารถบอกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้เลย ราวกับว่าร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มด้วยชั้นหมอกที่หนาแน่น กว้างใหญ่ ลึกล้ำและเข้าใจยาก

แม้จะมองดูเขาเพียงครู่เดียว จิตวิญญาณของคนผู้นั้นก็อาจตกลงสู่ห้วงลึกที่ไร้ที่สิ้นสุดจนเกิดอาการสับสนได้ บางคนที่ไม่มีพละกำลังเพียงพอก็แสดงสีหน้าวิกลจริต ราวกับว่าพวกเขากำลังอยู่ในฝันออกมา

“ข้ามผ่านมิติว่างเปล่าได้ด้วยมือเปล่า เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจในเต๋ารู้แจ้งแห่งมิติของเขาอยู่ในระดับสมบูรณ์แบบแล้ว ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ย่อมอยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นหกเป็นอย่างต่ำแน่นอน!” เฉินซีหรี่ตาลง แม้เขาจะไม่ได้รับผลกระทบทางจิตใจเพราะชายชรา แต่ในใจของเขานับว่าตกตะลึงอยู่บ้าง

หลังจากที่ราชาแห่งสงครามหวงฝู่ไท่อู่ปรากฏตัว ตอนนี้ก็นับได้ว่ามีชายชราผู้ครองพลังอำนาจที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เพิ่มขึ้นมาอีกคน

คนหนึ่งคืออาจารย์ของซูเฉิน ส่วนอีกคนหนึ่งคือปู่ทวดของนายน้อยโจว พวกเขาทั้งสองคนนับเป็นผู้มีความแข็งแกร่งที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลกการบ่มเพาะยามนี้แล้ว แต่เหตุใดพวกเขาถึงได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน?

หรือบางทีพวกเขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดนับตั้งแต่ที่การชุมนุมธารทองเริ่มขึ้น?

เฉินซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสงสัย

“เอาล่ะ เจ้าเด็กเหลือขอ รีบกลับไปตระกูลพร้อมกับข้าได้แล้ว แอบออกมาครานี้คงจะเล่นสนุกเกินพอแล้ว ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนจะถึงการชุมนุมดาวรุ่ง ในช่วงเวลานี้ เจ้าต้องอยู่บ้านและฝึกฝนอย่างมีสมาธิ ข้าจะเป็นคนคอยจับตาดูเจ้า ดังนั้นอย่าได้คิดที่จะหนีอีกเชียว” ขณะที่ชายชราพูด เขาก็คลายมือที่จับนายน้อยโจวออก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาจึงไม่ต้องกังวลว่านายน้อยโจวจะหลบหนีไปจากใต้จมูกตนเองอีก

“ทำไมเล่า?” นายน้อยโจวขมวดคิ้ว

“เพื่อกันไม่ให้เจ้าทำข้าเสียหน้าในการชุมนุมดาวรุ่งไง!” ชายชราถลึงตาใส่พลางโบกสะบัดมือของเขา แสงสว่างปรากฏขึ้นและกระจายตัวออก ก่อนจะคลุมร่างของนายน้อยโจวและส่งเขาให้หายไปทันทีโดยไร้ร่องรอย ไม่มีใครรู้ว่าชายชราพาเขาไปยังที่ใด

“โจวเซวียนถง เจ้าควรสั่งสอนหลานชายของเจ้าให้ดี มิฉะนั้นเขาอาจจะได้ตายก่อนวัยอันควร” ร่างกายที่แข็งแกร่งของหวงฝู่ไท่อู่ยืนนิ่งอยู่บนท้องฟ้า เขาก็ไม่ได้หันกลับมาแม้ว่าชายชราอีกคนจะมาถึงแล้ว และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ดังก้องดุจฟ้าร้องกวาดไปทั่ว

ทันทีที่เขาพูดจบ หวงฝู่ไท่อู่ก็สะบัดแขนเสื้อของเขาและนำซูเฉินมาอยู่ข้างกาย ก่อนจะฉีกช่องว่างมิติและหายไปในพริบตา ทิ้งเอาไว้เพียงสุรเสียงดุจฟ้าร้องสะเทือนผืนดินเท่านั้น

“ว่าอย่างไรนะ!? เจ้ากล้าสาปแช่งเด็กเหลือขอของตระกูลข้าผู้นี้อย่างนั้นหรือ? หากข้ารู้ไวกว่านี้ ข้าคงปล่อยให้เขาทุบตีศิษย์เจ้าแรง ๆ ไปแล้ว ไร้เหตุผลจริง ๆ!” ชายชรากลอกตาและตะคอกด้วยความดูถูก ในคำพูดของเขาไม่ได้แสดงความเคารพต่อหวงฝู่ไท่อู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังดูเหมือนจะค่อนข้างไม่ยอมใครและหยิ่งยโส

ทุกคนประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น คงจะมีเพียงชายชราแห่งตระกูลโจวเท่านั้นที่กล้าพูดเช่นนี้

“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะประทับใจในตัวเจ้าอยู่ไม่น้อย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ชายชราคนนี้จะขอเตือนเจ้าไว้เสียหน่อย หากเจ้ารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตัวเองยังไม่เพียงพอ ก็จงอย่าได้ไปที่นครหลวงธารสายไหมเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งเลย” ก่อนที่ชายชราจะจากไป จู่ ๆ เขาก็หันกลับมามองที่เฉินซี หลังจากประเมินดูอยู่ครู่หนึ่ง ขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว หลังจากนั้นเขาก็พูดบางอย่างที่ชวนให้สับสน ก่อนที่จะบินออกไปและก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา

เฉินซีผงะไปครู่หนึ่งและขมวดคิ้วแน่น เขาไม่คิดว่าบรรพบุรุษของตระกูลโจวกำลังล้อเล่นกับเขา ในเมื่อชายชราพูดถึงขนาดนั้น มันย่อมต้องมีความหมายลึกซึ้งอยู่เบื้องหลังเป็นแน่

ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้น แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็ตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้ นี่หมายความว่าอย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าเฉินซีผู้เอาชนะจี้เยว่ ฮวาโม่เป่ยกับหวังเต้าซวี่ได้ไม่มีคุณสมบัติพอให้จะเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งอย่างนั้นหรือ?

เมื่อพวกเขาไม่อาจทำความเข้าใจได้ ทุกคนจึงไม่คิดถึงมันอีกต่อไป

แม้ว่าการปรากฏตัวของราชาแห่งสงครามหวงฝู่ไท่อู่ และบรรพบุรุษตระกูลโจว โจวเซวียนถงจะกินเวลาเพียงชั่วครู่ แต่มันกลับทำให้บรรยากาศในการชุมนุมธารทองหนักอึ้งขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้

เพียงลองคิดถึงเรื่องนี้ดู ตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกถึงสองคนได้ปรากฏตัวอย่างพร้อมเพรียง ณ การชุมนุมธารทอง และพวกเขาก็พาซูเฉินกับนายน้อยโจวจากไปก่อนที่การแข่งขันจะสิ้นสุดลง ไม่ว่าจะเป็นใครก็อดคาดเดาอยู่ในใจขึ้นมาไม่ได้ หรือว่ามีสิ่งที่สำคัญกว่าการชุมนุมธารทองกำลังจะเกิดขึ้น?

ยิ่งไปกว่านั้น การจากไปของซูเฉินและนายน้อยโจวทำให้ในบรรดาผู้สมัครที่ถูกจับตามองจึงมีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงอยู่ แม้ว่าจะยังมีผู้บ่มเพาะคนอื่นอยู่ แต่เมื่อเทียบกับซูเฉินและนายน้อยโจวแล้ว พวกเขากลับน่าเบื่อกว่ามาก ดังนั้นถึงแม้ว่าการชุมนุมธารทองจะยังคงดำเนินต่อไป แต่มันก็ดูจะไม่น่าตื่นเต้นอะไรมากนัก…

แน่นอนว่ามันก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ การต่อสู้ต่อไปล้วนจืดชืดและไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก มีเพียงการแข่งขันของเฉินซีเท่านั้นที่พอจะยังดึงดูดความสนใจจากผู้คนบางส่วนได้

เฉินซีเองก็ไม่ทำให้ผู้คนผิดหวัง เขาได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้รอบต่อ ๆ มา และกลายเป็นผู้บ่มเพาะเพียงคนเดียวที่ได้รับชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกันในการชุมนุมธารทองครั้งนี้!

ในทำนองเดียวกัน เฉินซีก็ได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะคนแรกของดินแดนทางใต้ที่ได้รับชัยชนะติดต่อกันหนึ่งร้อยครั้งในการชุมนุมธารทอง และความสำคัญของมันก็พิเศษยิ่ง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ดินแดนทางใต้ก็ถูกจัดว่าอ่อนแอมาเป็นเวลานาน ความแข็งแกร่งโดยรวมนั้นก็นับด้อยกว่าดินแดนอื่น ๆ ในราชวงศ์ซ่ง ดังนั้นในการชุมนุมธารทองครั้งก่อน ๆ จึงไม่มีผู้บ่มเพาะจากดินแดนทางใต้คนใดได้รับชัยชนะติดต่อกันร้อยครั้งได้เลย

การปรากฏตัวของเฉินซีได้ทำลายสถานการณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานหลายปีนี้ลงอย่างไม่ต้องสงสัย เขาได้ล้างสถานการณ์ใหม่ขึ้นมาโดยสมบูรณ์ ดังนั้นความสำคัญของมันจึงยิ่งใหญ่มากพอที่จะบันทึกลงไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกแห่งการบ่มเพาะของดินแดนทางใต้เลยทีเดียว

และมันเป็นความจริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]