บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 329

บทที่ 329 การซุ่มโจมตี

บทที่ 329 การซุ่มโจมตี

เมื่อเฉินซีเห็นปฏิกิริยาที่เจ้าของโรงเตี๊ยมและเฉียวเซิงแสดงออกมา สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ก็ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจน

อันที่จริงก่อนที่จะเข้าสู่เมืองอีกาคลั่ง เฉินซีก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงไม่เลือกที่จะบินไปกลางอากาศ แต่เลือกที่จะลอบเข้าใกล้เมืองอีกาคลั่งจากทางพื้นดินแทน

ที่เขาเลือกกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อป้องกันมือสังหารของตำหนักตะวันดำ

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการอาศัยจิตสัมผัสเทพที่ทรงพลังของเขาและเคล็ดวิชาคลื่นจิตสะท้อนที่มีผลต่อจิตสัมผัสเทพของคนอื่น แม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติก็ยังสังเกตเห็นเขาได้ยาก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับมีเฉียวเซิงผู้มีฐานการบ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำเท่านั้นที่สังเกตเห็นเขา ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายได้คาดการณ์ถึงการมาเยือนของเฉินซีและกำลังรออยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออีกฝ่ายเห็นเฉินซีเดินทางบนพื้นดินและไม่ได้บินอยู่บนท้องฟ้า เขากลับไม่มีทีท่าแปลกใจเลยสักนิด

นี่เป็นเพียงหนึ่งในประเด็นที่น่าสงสัยและเนื่องจากเฉินซีเพิ่งมาถึงที่นี่ เขาจึงไม่แน่ใจว่าความสงสัยของตนนั้นเกินจริงหรือไม่

แต่เมื่อเข้าไปในเมืองอีกาคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกาคลั่ง และเห็นชื่อหลัวหลานกับอู๋ฝูจื่ออยู่ที่นั่น เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าการมาถึงของตนน่าจะเป็นที่ล่วงรู้ของตำหนักตะวันดำมาตั้งแต่แรก นอกจากนี้ยังพวกมันยังได้เตรียมการวางกับดับเอาไว้ล่วงหน้า

ชื่อหลัวหลานและอู๋ฝูจื่อที่ปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ญาณสัมผัสของเฉินซีมักจะแผ่กระจายปกคลุมสภาพแวดล้อมโดยรอบ ซึ่งเขาค้นพบได้อย่างรวดเร็วว่าหลังจากที่ก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยม หุ่นไล่กาจางและหลีกะโหลกผีก็หยุดสิ่งที่พวกมันกระทำอยู่ก่อนที่จะลอบเข้าใกล้โรงเตี๊ยม ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันก็ไม่ได้เข้าไปในโรงเตี๊ยมแต่กลับซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแทน

นี่เป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่าเพราะเหตุใดมหาวายร้ายชื่อดังสองคนของเมืองอีกาคลั่งถึงเต็มใจที่จะหลบอยู่ในมุมมืดภายใต้สายลมหนาวที่เสียดแทง แต่กลับไม่เต็มใจที่จะเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่พลุกพล่านและอบอุ่นแทน?

ทว่าสิ่งที่เฉินซีรู้สึกผิดปกติที่สุดก็คือ นอกจากฉีอิ๋นแล้ว สี่ในห้ามหาวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองอีกาคลั่งได้มารวมตัวกันแล้วจริง ๆ!

โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ในค่ำคืนที่ปกติเช่นนี้กลับสามารถรวบรวมมหาวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนที่มีนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยสิ่งนี้จะไม่ถือว่าผิดปกติเกินไปหรอกหรือ?

เฉินซีไม่ได้คิดเพ้อเจ้อว่าเหล่าวายร้ายทั้งสี่คนนี้จะมาเพื่อต้อนรับการมาถึงของเขา

ดังนั้นย่อมมีเหตุผลเพียงข้อเดียวคือ ได้มีคนเตรียมการทุกอย่างไว้ก่อนที่เฉินซีจะมาถึงเมืองอีกาคลั่ง และพวกมันกำลังรอการมาเยือนของเฉินซีก่อนที่จะรวบรวมยอดฝีมือชั้นนำของเมืองอีกาคลั่งเพื่อรุมสังหารเขา!

เขาไม่จำเป็นต้องคาดเดาว่าเป็นผู้ใดที่เตรียมการทั้งหมดนี้ เพราะคงไม่มีใครอื่นนอกจากตำหนักตะวันดำที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมในการระดมวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ให้ทำตามคำสั่งของพวกมัน

แต่เห็นได้ชัดว่าในสายตาของตำหนักตะวันดำ วายร้ายเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มีฝีมือมากพอที่จะสังหารเฉินซีได้ ดังนั้นพวกมันจึงสั่งให้เจ้าของโรงเตี๊ยมเตรียมแผนที่ปลอมเอาไว้

แผนการของมือสังหารจากตำหนักตะวันดำนั้นละเอียดถี่ถ้วนมาก และดูเหมือนพวกมันจะมองเห็นหัวใจของผู้คนได้อย่างชัดเจน ดังนั้นพวกมันจึงใช้ความตั้งใจที่ต้องการเข้าไปในป่าทมิฬเป็นการด่วนของชายหนุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกซุ่มโจมตี พวกมันจึงได้จัดทำแผนที่ปลอมขึ้นมา โดยเป้าหมายของพวกมันนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากให้เฉินซีได้แผนที่ปลอมไป เพื่อให้แผนดำเนินตามที่วางไว้และทำให้เขาเข้าไปติดในกับดักที่พวกมันเตรียมเอาไว้

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาในใจของเฉินซี แต่ปฏิกิริยาที่ดูตื่นตระหนกและสลดใจของเจ้าของโรงเตี๊ยมกับเฉียวเซิงที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาสามารถยืนยันได้ทันทีว่าการคาดการณ์ทั้งหมดเป็นสิ่งถูกต้อง!

“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าทั้งคู่เป็นสมาชิกขององค์รักษ์วิญญาณแห่งราชวงศ์ซ่ง และวัสดุที่วายร้ายเหล่านี้รวบรวมมาจากป่าทมิฬจะถูกส่งต่อไปยังราชสำนักซ่งโดยผ่านทางพวกเจ้าทั้งสองคน ดังนั้นข้าจึงสันนิษฐานว่าพวกเจ้าคงจะลักลอบเก็บทรัพย์สินบางส่วนเพื่อเอาเข้ากระเป๋าของตัวเอง”

เฉินซีมองไปที่เจ้าของโรงเตี๊ยมและเฉียวเซิงที่หน้าซีดเพราะความกลัว จากนั้นจึงกล่าวเฉยเมยว่า “กล่าวตามเหตุผลแล้ว นี่เป็นแหล่งความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ ด้วยฐานะขององค์รักษ์วิญญาณแห่งราชวงศ์ซ่ง ข้าสันนิษฐานว่าตำหนักตะวันดำคงจะไม่บีบบังคับพวกเจ้า หากพวกเจ้าทั้งสองไม่เต็มใจที่จะทำ แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงต้องทำตามคำสั่งของพวกมันและตั้งใจวางแผนที่จะฆ่าข้า?”

เจ้าของโรงเตี๊ยมหัวเราะอย่างน่าสมเพช “เงินขับเคลื่อนหัวใจ ท่านลูกค้าเอ๋ย ท่านควรรู้เช่นกันว่าตราบใดที่มีประโยชน์เพียงพอ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ในโลกนี้”

เฉินซีพยักหน้าเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง “การซุ่มโจมตีของตำหนักตะวันดำที่มุ่งมาทางข้าในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะไอ้พวกเฒ่าบัดซบเหล่านั่นอยากได้สมบัติที่ข้าครอบครองอยู่หรอกหรือ?”

เคร้ง!

ยันต์ศัสตราในมือของเฉินซีเปล่งเสียงทุ้มต่ำและชัดเจนในขณะที่มันเผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่า แม้ว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมและเฉียวเซิงจะเป็นหนึ่งในองค์รักษ์วิญญาณ แต่เนื่องจากพวกมันกล้าวางแผนที่จะเป็นศัตรูกับเขา ดังนั้นพวกมันจึงต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น

ใบหน้าของเจ้าของโรงเตี๊ยมกับเฉียวเซิงเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างสุดขีดจนวิญญาณของพวกมันแทบหลุดออกจากร่าง เนื่องจากพวกมันไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนผู้นี้ไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกมันไป แม้พวกมันจะสารภาพความจริงแล้วก็ตาม

“หากเจ้าไม่ฆ่าพวกมัน ข้าจะพาเจ้าไปที่ป่าทมิฬ” ในขณะนี้เอง น้ำเสียงที่สงบนิ่งและไม่แยแสดังมาจากด้านนอกของโรงเตี๊ยม

ต่อจากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม รูปร่างของคนผู้นี้สูงโปร่งจนน่าประทับใจ สีหน้าของเขาแน่วแน่และไม่แยแส โครงหน้าก็คมสันราวกับว่ามันถูกแกะสลักด้วยใบมีด มีคันธนูยาวสีดำสนิทที่อาบไปด้วยแสงสลัวและเย็นยะเยือกคาดอยู่บนหลัง ทั้งร่างกายของคนคนนี้เปล่งกลิ่นอายที่ดุร้ายและหนักแน่นออกมา

“ฉีอิ๋น?” เฉินซีกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ จากรูปลักษณ์ของคนผู้นี้ เขามีความคล้ายคลึงกับหนึ่งในห้ามหาวายร้าย ฉีอิ๋นผู้มักจะอยู่ในป่าทมิฬเพื่อต่อสู้และเข่นฆ่าสัตว์อสูร

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “เจ้าคงคาดการณ์ได้เหมือนกัน ตำหนักตะวันดำได้ซุ่มโจมตีอยู่ในป่าทมิฬและกำลังรอให้เจ้าย่างกรายเข้าไป พวกมันเข้าไปพร้อมกับแผนที่ที่ข้าได้วาดไว้ ดังนั้นข้าจึงรู้ตำแหน่งของการซุ่มโจมตี กองกำลังที่ก่อการซุ่มโจมตี และความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันราวกับฝ่ามือของข้าเอง”

เฉินซีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถาม “เหตุใดเจ้าถึงบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับข้า?”

ฉีอิ๋นหันกลับมาและชี้ออกไปนอกโรงเตี๊ยม ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ผู้คนมากมายยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน ซึ่งน่าตกใจนักที่มันต่างก็เป็นเหล่าวายร้ายที่หลบหนีจากโรงเตี๊ยมไปก่อนหน้านี้

“เพราะข้าไม่ได้ฆ่าพวกมัน เจ้าจึงอยากจะตอบแทนข้าอย่างนั้นหรือ?” เฉินซีดูเหมือนว่าได้เข้าใจอะไรบางอย่าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]