บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 353

บทที่ 353 งานเลี้ยง

บทที่ 353 งานเลี้ยง

นครอสนีบาตตั้งอยู่ใกล้กับทะเลอัสนีที่อยู่สุดทางตะวันตก และก่อตัวเป็นครึ่งวงกลมโดยมีเมืองพฤกษาขจรตั้งอยู่ตรงกลางและเมืองเมฆาทมิฬตั้งอยู่ทางตะวันออกเพื่อล้อมรอบและปกป้องนครหลวงธารสายไหมที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ในขณะนั้น มันเป็นหนึ่งในสิบเมืองใหญ่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของที่ราบตอนกลาง และเป็นเรื่องน่ายินดีกับชื่อเสียงของการเป็นเมืองที่สร้างขึ้นจากปราสาทสายฟ้าที่ตกลงมาจากสวรรค์

มันเป็นเมืองโบราณที่ตั้งตระหง่านมาหลายหมื่นปี ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปลักษณ์ และท่าทางที่โอ่อ่า มันช่างเก่าแก่และกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งเป็นการยากที่จะจินตนาการว่าต้องใช้เวลากี่ปีในการสร้างเมืองนี้ให้มีขนาดเท่ากับที่เห็นตอนนี้

เฉินซีตกตะลึงทันทีที่ก้าวเข้าไปในนครอสนีบาต ถนนที่กว้างขวางเหมือนจัตุรัสมีกระแสผู้คนและเกวียนสัญจรไปมาอย่างขวักไขว่ จนเกิดเสียงดังจ๊อกแจกจอแจอยู่เป็นระลอก ๆ และเมื่อเขากวาดสายตามองไปยังรอบด้าน ก็ได้พบกับผู้คนหนาแน่นเต็มไปหมดทุกหนทุกแห่ง มีการสร้างอาคารต่าง ๆ เรียงเป็นทิวแถวอยู่ทั้งสองฟากฝั่งของถนน อาคารแต่ละหลังก็งดงามและวิจิตรตระการตากว่าที่ผ่านมา พวกมันดูเหมือนภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเมือง ซึ่งให้ความรู้สึกที่เก่าแก่และสูงส่ง

ครั้งหนึ่งเฉินซีเคยไปที่เมืองนภาคราม เมืองนั้นงดงามราวกับภาพวาดที่ไร้ตัวตน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนมีหมอกปกคลุม แต่เมืองใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของเขากลับดูเก่าแก่และงดงาม ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกยิ่งใหญ่ของอดีตกาล มันกว้างใหญ่และไร้ขอบเขต แต่ก็ไม่ขาดความสว่างไสวและเจริญรุ่งเรือง ทำให้มันพิเศษเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ท้องฟ้าเหนือเมืองนี้ดูสงบนิ่ง แต่กระแสลมก็เต็มไปด้วยสายฟ้าจำนวนมาก ทำให้ชั้นเมฆมักกะพริบเป็นลำแสงของสายฟ้าสีฟ้า สายฟ้าสีแดงเลือดนก สายฟ้าสีเงิน ฯลฯ พวกมันเป็นดั่งดอกไม้ไฟที่เปล่งประกายออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้งและดูเหมือนจะไม่ธรรมดา

“ช่างเป็นพลังสายฟ้าที่มากมายมหาศาล เมื่อผู้คนบ่มเพาะอยู่ที่นี่ การควบคุมเต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าของคนคนนั้นน่าจะง่ายขึ้นมาก” เฉินซีสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่าหลังจากที่เขาเข้ามาในเมืองนี้ เต๋ารู้แจ้งแห่งสายฟ้าที่เขาหยั่งรู้นั้นดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาจริง ๆ!

ในเวลาเดียวกัน เฉินซียังสังเกตเห็นว่ามีอัจฉริยะรุ่นเยาว์จำนวนมากมารวมตัวกันในนครอสนีบาต อัจฉริยะเหล่านี้ล้วนมีอุปนิสัยที่ไม่เหมือนใคร พวกเขามีทั้งรูปลักษณ์ที่สง่างาม หล่อเหลาและเป็นอิสระ หรือมีเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจ พวกเขาล้วนเป็นมังกรและวิหคอมตะท่ามกลางหมู่มนุษย์ อีกทั้งพรสวรรค์และการบ่มเพาะของพวกเขาก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

“การชุมนุมดาวรุ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกหนึ่งเดือน ข้าแทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”

“ใช่แล้ว ในครั้งนี้จักรพรรดิฉู่ต้องการเปิดสระมังกรแปลงที่ถูกปิดมานับพันปี เพื่อเป็นการแสดงความยินดีแก่ผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ที่ได้รับการจัดอันดับในสิบอันดับแรก นี่เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดายิ่ง! นอกจากการเข้าร่วมของอัจฉริยะรุ่นเยาว์บางคนที่มีชื่อเสียงในโลกเมื่อนานมาแล้ว คาดการณ์ว่ามันจะดึงดูดเหล่าลูกศิษย์ของตัวประหลาดเฒ่าหลายคนให้เข้าร่วมด้วย เมื่อถึงเวลานั้น มันจะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน”

“ฮ่า ๆ พวกเราต้องไม่พลาดงานอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นได้ยากในรอบพันปีอย่างแน่นอน มิฉะนั้นเราจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

บนถนนและตรอกซอยตลอดเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาต่างก็เต็มไปด้วยผู้คนที่พูดคุยถึงเรื่องการชุมนุมดาวรุ่ง ทำให้มันดูคึกคักเป็นอย่างมาก

การชุมนุมดาวรุ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ของทั่วทั้งแผ่นดินซ่ง เมื่อถึงเวลา ยอดฝีมือระดับแนวหน้าทั้งหมดในที่ราบตอนกลาง ทะเลตะวันออก แดนเถื่อนทางตอนเหนือ และดินแดนทางใต้จะมารวมตัวกัน และอาจกล่าวได้ว่าเป็นดั่งพายุที่พัดมาบรรจบกัน ซึ่งยอดฝีมือจะมีจำนวนมากมายพอ ๆ กับต้นไม้ในป่าใหญ่ เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้จึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“เฮ้ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้ามั่นใจที่จะเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งหรือไม่” ระหว่างทางย่าชิงก็เอียงศีรษะของนางขณะที่เอ่ยถาม

หลังจากเข้าสู่นครอสนีบาตแล้ว เหยียนเฉิงก็พากองคาราวานพ่อค้าจากไป ในขณะนี้ นอกจากเฉินซีกับย่าชิงแล้ว ยังมีอวิ๋นน่าและเหยียนเยียนในกลุ่มของพวกเขาด้วย

เหยียนเยียนกับย่าชิงมีความสัมพันธ์ที่ดีและพวกนางก็ไม่ได้เจอกันนาน ดังนั้นนางจึงติดตามพวกเขาไปด้วย

ส่วนนายน้อยแห่งจวนจ้าวอัสนี หวังเจิ้นเฟิงและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้กลับไปที่จวนล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมงานเลี้ยง

ตามที่หวังเจิ้นเฟิงกล่าว งานเลี้ยงคืนนี้มีขึ้นเพื่อต้อนรับเฉินซี และเพื่อแนะนำผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ให้กับทุกคนรู้จัก ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการอย่างถูกต้องและต้องจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นจะเสียเกียรติในฐานะเจ้าภาพ

ส่วนเรื่องที่เขาจะมีความกระตือรือร้นและอัธยาศัยอย่างที่ปากกล่าวหรือไม่นั้น มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้

ไม่ว่าในกรณีใด เฉินซีก็ไม่เชื่อว่าชายที่เขาไม่รู้จักมาก่อนและเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกในวันนี้คนนี้จะดูแลตนเองเป็นอย่างดี

“ติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งหรือ?”

อวิ๋นน่าตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่นางก็หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เมื่อนางนึกถึงตอนที่เฉินซีได้ตบยอดฝีมือขอบเขตจุติอย่างรุนแรงในปราการเดียวดาย

ในทางกลับกัน เหยียนเยียนเกือบคิดว่าตนได้ยินผิด จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นย่าชิงมีสีหน้าจริงจังและดูไม่ได้กล่าวล้อเล่น ความสงสัยก็พลันผุดขึ้นในใจของนาง ‘พี่ใหญ่ย่าชิงกำลังคาดหวังกับเจ้าหนุ่มสำอางที่ขี้ขลาดคนนี้มากเกินไปหรือไม่? ดั่งที่มีคนเคยกล่าวว่าอิสตรีที่ตกลงไปในห้วงรักนั้นจะกลายเป็นคนโง่เขลา ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำเหล่านี้จะเป็นความจริง!’

นางไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกไม่มั่นใจในหัวใจของตนได้ และกล่าวทันทีว่า “พี่ใหญ่ย่าชิง เท่าที่ข้าทราบมา มียอดฝีมือมากมายที่เข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ เช่น ชิงซิ่วอี้แห่งนิกายกระเรียนพิสุทธิ์ จ้าวชิงเหอแห่งหอหยกนภา หวงฝู่ฉางเทียนแห่งตำหนักจ้าวปัญญา เจิ้นหลิวชิงแห่งตำหนักวารีหมอก และคนอื่น ๆ รวมแล้วก็มีมากกว่าสิบคน ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าศิษย์ของตัวประหลาดเฒ่าทั้งหลายที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในโลกและตั้งใจที่จะเข้าร่วมเพื่อชิงสิบอันดับแรกในการชุมนุมดาวรุ่ง ดังนั้นไม่อาจกล่าวได้ว่าน้อย…”

แม้ว่านางยังกล่าวไม่จบ แต่สิ่งที่นางหมายถึงก็ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์แล้ว ย่าชิงย่อมเข้าใจได้ทันทีจึงทำให้เกิดความไม่พอใจในใจของนาง และนางก็ตอบกลับทันทีด้วยคำถามว่า “เจ้าคิดว่าเขาเทียบไม่ได้กับคนพวกนั้นหรือ?”

เหยียนเยียนกัดริมฝีปากสีแดงสดของนาง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ย่าชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นางรู้ว่าถ้านางไม่อธิบายให้ชัดเจน หญิงสาวโง่เขลาคนนี้ก็จะมองว่าเฉินซีเป็นเพียงคนหนุ่มเจ้าสำอางที่ขี้ขลาด และถ้านางเผลอทำให้เฉินซีขุ่นเคือง มันก็จะเป็นปัญหาใหญ่

ย่าชิงกล่าวออกไปโดยตรงว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใดที่ได้รับชัยชนะหนึ่งร้อยครั้งติดต่อกันในการชุมนุมธารทองเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา”

เหยียนเยียนกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “แน่นอนว่าข้ารู้ ว่ากันว่าเป็นผู้บ่มเพาะที่ไม่เป็นที่รู้จักจากดินแดนทางใต้ ไม่เพียงแต่เขาเอาชนะจี้เยว่จากนิกายเหนือเศียรเท่านั้น แต่เขายังทำลายฮวาโม่เป่ยจากเกาะบ่อหยกสวรรค์ด้วยกระบวนกระบี่เพียงครั้งเดียว และแม้แต่หวังเต้าซวี่ซึ่งเป็นยอดฝีมือของรุ่นเยาว์จากนิกายแสงจรัสก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่เขา…”

ขณะที่นางกล่าว นางก็เหลือบมองย่าชิงอย่างสงสัยและถามว่า “เฉินซีคงจะไม่ใช่เขาใช่หรือไม่?”

ย่าชิงไม่ได้ตอบยืนยันหรือปฏิเสธ นางเพียงกล่าวว่า “แล้วเจ้ารู้ข่าวปฏิบัติการลอบสังหารของตำหนักตะวันดำที่ล้มเหลวเป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีหรือไม่”

เหยียนเยียนรู้สึกสับสน แต่ยังคงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะมีการลอบสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ในท้ายที่สุด ตำหนักตะวันดำได้ส่งมือสังหารออกไปจำนวนมาก รวมถึงมือสังหารระดับผู้บัญชาการหลายคน แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนผู้นั้น และยังมีนักฆ่าระดับผู้บัญชาการกลุ่มหนึ่งที่หลบหนีไปโดยไม่มีการต่อสู้ แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ แต่ตอนนี้มันก็ยังสั่นสะเทือนไปทั่วโลกแห่งการบ่มเพาะ ดังนั้นข้าจึงเคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน”

ย่าชิงไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม แต่สายตาของนางมองไปที่เฉินซี

เหยียนเยียนตกตะลึงและเข้าใจทุกอย่างในทันที นางจ้องมองไปที่เฉินซีอย่างว่างเปล่าราวกับว่าเห็นภูตผีที่น่าสยดสยอง …ตกใจจนกล่าวไม่ออก!

เมื่ออวิ๋นน่าได้ยินสิ่งนี้ คลื่นแห่งความตื่นเต้นที่ไม่สามารถยับยั้งได้ก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบางสิ่งและถามด้วยสีหน้าตกตะลึง “หมีหุ้มเกราะพิฆาตที่อยู่ในป่าอาถรรพ์ตัวนั้นก็ถูกท่านขับไล่เช่นกันใช่หรือไม่?”

เฉินซีไม่คุ้นเคยกับการถูกกลุ่มหญิงสาวจ้องมองเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกนี้ราวกับว่าผู้คนกำลังมองเขาเป็นดั่งสัตว์ประหลาด ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ทว่าเขาต้องตอบคำถามของอวิ๋นน่า จึงได้แต่พยักหน้าออกไป

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นท่าน!” มุมปากของอวิ๋นน่าโค้งขึ้นขณะที่นางยิ้มอย่างมีความสุข และนางมีท่าทางภาคภูมิใจราวกับว่านางรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมทางกับเฉินซี

“แม้แต่หมีหุ้มเกราะพิฆาตก็ยังถูกเขาขับไล่?” เมื่อเหยียนเยียนนึกถึงการต่อสู้ที่น่าตกใจในวันนั้น นางก็ตั่วสั่นสะท้านไปหมด จากนั้นจึงถามอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่กล่าวก่อนหน้านี้? เจ้าทำให้ข้าเป็นตัวตลกมาตลอด!”

เฉินซีกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ “แล้วเจ้าเคยถามข้าหรือ?”

สีหน้าของเหยียนเยียนแข็งทื่อ และนางก็อ้าริมฝีปากสีแดงสดของตน แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้อีกต่อไป เพราะมันเป็นอย่างที่เฉินซีกล่าวจริง ๆ นางมักจะมองว่าเฉินซีเป็นหนุ่มเจ้าสำอางที่ขี้ขลาดมาตลอดและไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉินซีนนัก ดังนั้นนางจะถามคำถามเหล่านี้กับเขาได้อย่างไร?

“ไอ้บัดซบ!”

“ไอ้สารเลวนี้จงใจทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาแค่รอดูตอนที่ข้าทำตัวเองให้อับอาย!”

เหยียนเยียนกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนางไม่ต้องการอะไรมากไปกว่ากัดไอ้สารเลวคนนี้อย่างรุนแรง

ในขณะนั้น กลุ่มของพวกเขาก็มุ่งไปข้างหน้าขณะที่พูดคุยกัน และโดยไม่สังเกต พวกเขาก็สามารถมองเห็นจวนจ้าวอัสนีที่กว้างใหญ่และโอ่อ่าจากระยะไกล

จวนจ้าวอัสนีนั้นสามารถระบุได้ง่ายมาก เนื่องจากจวนทั้งหมดถูกสร้างขึ้นบนทะเลสาบขนาดมหึมา มันเป็นสีดำสนิทราวกับว่าทำจากเหล็กกล้าและมีความแวววาวเหมือนโลหะ

จวนจ้าวอัสนีทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหมอกฝน เมื่อมองจากระยะไกล มันดูเหมือนสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบขนาดใหญ่ ซึ่งมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและจิตสังหารที่ทำให้ใจสั่น

“ท่านใช่คุณหนูย่าชิงหรือไม่ขอรับ” มีคนยืนรอพวกเขาเป็นการพิเศษที่ด้านนอกของจวนจ้าวอัสนีอยู่นานมากแล้ว

กลุ่มของเฉินซีหยุดกล่าวในขณะที่ย่าชิงฟื้นท่าทางที่สง่าและงดงามของตนอีกครั้ง ขณะที่นางมองไปที่ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงและพยักหน้า “ข้าเอง”

“ตามคำสั่งของนายน้อย ข้าได้รับคำสั่งให้รอคุณหนูย่าชิงและกลุ่มของท่านที่นี่ โปรดตามข้ามา” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงชำเลืองมองไปยังหญิงสาวทั้งสามคนที่มีความงามจนไม่มีใครเทียบได้รอบกายเฉินซี แต่ละคนมีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และการจ้องมองของเขาก็เผยให้เห็นร่องรอยของความอิจฉา หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เฉินซีด้วยท่าทางแปลก ๆ ก่อนที่จะส่ายศีรษะ จากนั้นเจ้าตัวก็หันกลับไปเพื่อนำทาง

“จวนแห่งนี้มีกลิ่นอายที่สง่าอย่างแท้จริง” เฉินซีและย่าชิงเดินนำหน้า ในขณะที่อวิ๋นน่าและเหยียนเยียนเดินตามหลัง พากันเดินเข้าไปในจวนจ้าวอัสนี

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงซึ่งเป็นผู้นำทางได้กล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อย ท่านมีดวงตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก จวนจ้าวอัสนีทั้งหมดสร้างจากดาวหางสายฟ้า อิฐและกระเบื้องทุกก้อนล้วนมีพลังสายฟ้าอย่างหนาแน่น นายท่านของข้าได้ใช้ทรัพย์สมบัติและใช้เวลาทั้งหมดกว่าร้อยปี กว่าจะสร้างมันเสร็จอย่างสมบูรณ์ มันแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก และแม้แต่ผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีเองก็ไม่อาจไม่ทิ้งชีวิตของเขาไว้ได้หลังจากล่วงล้ำเข้ามาที่นี่”

“มันไม่ธรรมดาจริง ๆ” เฉินซีพยักหน้า ตั้งแต่ตอนที่เขาเดินเข้าไป ชายหนุ่มก็พบว่าภายในจวนถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลหลายชั้น เมื่อมันถูกเปิดใช้งานแล้ว พื้นที่ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นค่ายกลสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวทันที

โถงต้อนรับของจวนจ้าวอัสนีถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยทองคำและหยก มันงดงามและยิ่งใหญ่มาก เก้าอี้ทั้งหมดล้วนแกะสลักด้วยมังกรและนกเฟิงหวงอยู่รอบ ๆ มีฉากกั้นที่ทำจากหยกและทองแขวนอยู่ อีกทั้งยังมีเทียนน้ำมันปลาฉลามจำนวนมากที่มีความหนาเหมือนแขนเด็ก ทำให้ห้องโถงสว่างไสวในขณะที่เปล่งแสงอันไร้ขอบเขตและส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทำให้จิตใจได้ผ่อนคลายออกมา

ในขณะนี้ โถงต้อนรับได้คับคั่งไปด้วยแขกเหรื่อ ขณะที่สาวใช้และคนรับใช้คอยยกน้ำชาและรินน้ำ ซึ่งกำลังเดินไปมาทำให้ห้องโถงดูคึกคักเป็นพิเศษ

“ฮ่า ๆๆ! พี่เฉิน คุณหนูย่าชิง ในที่สุดเจ้าทั้งคู่ก็มาถึงแล้ว!” เมื่อกลุ่มของเฉินซีเพิ่งมาถึงที่หน้าทางเข้าของห้องโถง เสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากภายในห้องโถง จากนั้นนายน้อยหวังเจิ้นเฟิง ซึ่งสวมหมวกทรงสูงและเสื้อคลุมสีดำงดงามก็เดินออกมาต้อนรับพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]