บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 361

บทที่ 361 ตัดสิ้นความแค้น

บทที่ 361 ตัดสิ้นความแค้น

“ช่างเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ท่านผู้นำตระกูล ท่านควรทำสิ่งนี้ตั้งนานแล้ว”

“เราเพียงแค่ทำลายการบ่มเพาะของนางเองหรือ? นี่ยังเบาเกินไปด้วยซ้ำ ในความคิดของข้า เราควรประหารนางให้ตายไปซะ!”

“การขับไล่นังแพศยาคนนี้ออกจากตระกูลยังไม่นับว่าจบเรื่องหรอก มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับนางอย่างไรในอนาคต!”

เมื่อพวกเขาได้ยินผู้นำตระกูลลั่นวาจาว่าจะทำลายการบ่มเพาะของอวิ๋นน่าก่อนที่จะขับไล่นางออกจากตระกูล คนของตระกูลอวิ๋นทุกคนก็ค่อนข้างไม่พอใจ แต่ด้วยความกลัวในอำนาจและอิทธิพลของผู้นำตระกูล พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่ยอมรับผลลัพธ์นี้

ทันใดนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากพุ่งเข้ามา พวกเขาเป็นยอดฝีมือของตระกูลอวิ๋น และย่อมไม่มีตัวตนใดที่หัวหน้าผู้คุ้มกันเฉียนจงจะสามารถเทียบเคียงได้ พวกเขาทั้งหมดมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งและท่าทางที่น่าเกรงขาม และทุก ๆ การเคลื่อนไหวของพวกเขาต่างเผยให้เห็นถึงการบ่มเพาะที่ล้ำเลิศ

ศิษย์ของตระกูลอวิ๋นทุกคนล้วนแสดงสีหน้าเยาะเย้ยเมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้

มีเพียงอวิ๋นชูเฟิงและคนอื่น ๆ อีกสองสามคนที่จ้องมองไปยังเฉินซีอย่างแน่วแน่ ในขณะนี้ เฉียนจงและผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ยังคงนอนอยู่บนพื้น พวกเขายังคงไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของอวิ๋นน่า ในขณะที่ท่าทางที่เฉินซีเปิดเผยออกมา ทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นเป้าหมายที่น่าสงสัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเขาเห็นคนเหล่านี้เคลื่อนไหว เฉินซีซึ่งคอยดูอย่างเงียบ ๆ จากทางด้านข้างก็ตั้งใจจะเคลื่อนไหว เขาเฝ้าสังเกตท่าทางของอวิ๋นน่าตลอดเวลาก่อนหน้านี้ เพราะต้องการวิเคราะห์ว่าทัศนคติที่มีต่อตระกูลอวิ๋นของอวิ๋นน่านั้นเป็นความรู้สึกเกลียดชังที่ฝังรากลึกจนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้หรือความรู้สึกที่ไม่อาจตัดขาดจากความสัมพันธ์ครั้งก่อนเท่านั้น

แต่การแสดงออกของอวิ๋นน่าเด็ดขาดเป็นอย่างมาก อย่างน้อยที่สุดท่าทางของนางก็เผยให้เห็นถึงความเกลียดชังที่ฝังรากลึก และนางก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกสูญเสียหรือลังเลเลยแม้แต่น้อย

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตัดสินใจทันทีว่าจะไม่รั้งรอและจะต่อสู้กับทุกคนจากตระกูลอวิ๋นด้วยกำลังทั้งหมดของเขา

ทว่าก่อนที่จะได้ลงมือ เสียงหัวเราะเยือกเย็นก็ดังออกมาจากทางด้านหลังเสียก่อน “ตระกูลอวิ๋นของเจ้าช่างกล้าหาญเสียนี่กระไร! เจ้ารังแกน้องอวิ๋นของข้าจนติดเป็นนิสัยอย่างนั้นหรือ? ไอ้พวกโง่เขลาบัดซบ!”

มีเพียงหวังเจิ้นเฟิงเท่านั้นที่กล้ากล่าวเช่นนี้ ซึ่งมันก็เผยถึงความเย่อหยิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในความดูถูกเหยียดหยามของเขา

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและทำได้เพียงรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เสียงของเขาดังกระทบโสตของทุกคน ทำให้คนพวกนั้นตกตะลึงก่อนจะระเบิดความเดือดดาลออกมา และสายตาของพวกเขาก็พุ่งไปยังเจ้าของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาต้องการดูว่าใครกันแน่ที่กล้าดูถูกพวกตน …คนคนนั้นคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วเป็นแน่!

“มารดามัน! ไอ้หนู เจ้ากำลังดูถูกใครอยู่?”

“เจ้ากำลังรนหาที่ตายอยู่หรือ?”

“อนิจจา นี่อาจจะเป็นผู้ช่วยที่นังอวิ๋นน่าพบเจอ? ปากของเขาช่างเหม็นเน่าจริง ๆ!”

เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้เป็นเพียงชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาสะโอดสะอง คนของตระกูลอวิ๋นเหล่านี้ก็เริ่มด่าทอออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เมื่ออวิ๋นชูเฟิงกับยอดฝีมืออาวุโสของตระกูลอวิ๋นเห็นหวังเจิ้นเฟิง ใบหน้าของพวกเขาก็แข็งทื่อ มันเผยให้เห็นความรู้สึกไม่อยากเชื่อและแทบไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเองออกมาอย่างชัดเจน!

“คุณชายหวัง!?” ใครบางคนที่อยู่เคียงข้างอวิ๋นชูเฟิงร้องออกมาด้วยความตกใจ

“อันใดนะ”

“คุณชายหวัง?”

“หรือจะเป็นคนผู้นั้นของจวนจ้าวอัสนี?”

ทันใดนั้น เสียงด่าทอโวยวายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้รอบข้างเงียบกริบจนได้ยินเข็มที่ปักเข้าสู่หัวใจ

คนตระกูลอวิ๋นเหล่านี้ต่างจ้องมองด้วยตาที่เบิกโพลงของพวกเขาและปากที่อ้าค้าง เช่นเดียวกับสีหน้าและท่าทางที่ดูน่าตลก เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่พวกเขาด่าทอนั้นจะเป็นบุคคลที่มากด้วยอิทธิพลและเป็นที่นับถือของจวนจ้าวอัสนี ซึ่งสามารถบันดาลได้ทุกสิ่งตามที่เจ้าตัวต้องการได้!

ทั้งหมดนี้หากไม่ใช่เพราะอวิ๋นชูเฟิงและคนอื่น ๆ มีสายตาที่ไม่เฉียบแหลม แต่เนื่องจากก่อนหน้านั้น หวังเจิ้นเฟิงยืนอยู่ทางด้านหลังของเฉินซี เมื่อรวมกับความสนใจของทุกคนในตระกูลอวิ๋นที่มุ่งไปยังอวิ๋นน่าและเฉินซี ดังนั้นจึงไม่มีใครจดจำคุณชายหวังของจวนจ้าวอัสนีได้เลยสักคนเดียว ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะตกตะลึงกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันที่เกิดตรงหน้าเช่นนี้

หวังเจิ้นเฟิงพอใจกับผลลัพธ์ที่มาจากการปรากฏตัวของเขาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาจะไม่เผยมันบนใบหน้า แต่กลับตีสีหน้ามืดมน หนักอึ้ง และอาฆาตแค้นราวกับว่าเขาโกรธแค้นถึงขีดสุด ทำให้ทุกคนของตระกูลอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ

เพียะ!

หวังเจิ้นเฟิงเดินตรงไปข้างหน้า ก่อนที่จะตบอวิ๋นจงซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของอวิ๋นชูเฟิงต่อหน้าทุกคนที่อยู่ในตอนนี้อย่างรุนแรง จนอีกฝ่ายเซกลับไปด้วยใบหน้าที่บวมเป่งเหมือนซาลาเปาและมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของเขา

“เจ้า…” ดวงตาของอวิ๋นจงแทบจะถลนออกมาราวกับเขากำลังจะคลุ้มคลั่ง

แต่หางตาของอวิ๋นชูเฟิงพลันกระตุกในขณะที่รีบหยุดลูกชายของเขาจากอาการวู่วาม เพราะเกรงว่ามันจะนำการทำลายล้างมาสู่ตระกูลอวิ๋น

ใช่แล้ว มันย่อมเป็นการทำลายล้าง

เนื่องจากตระกูลอวิ๋นของเขาเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ในนครอสนีบาต ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับจวนจ้าวอัสนี พวกเขาก็เป็นดั่งมดตัวจ้อยที่ตายได้อย่างง่ายดายด้วยการกระทืบเพียงครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น จวนจ้าวอัสนียังไม่ต้องการเหตุผลที่จะกระทำเลยสักนิด

ไม่ต้องกล่าวถึงการล่วงเกินหวังเจิ้นเฟิง แม้แต่การล่วงเกินข้ารับใช้ของจวนจ้าวอัสนี ตระกูลอวิ๋นของพวกเขาก็ไม่อาจแบกรับผลลัพธ์ที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]