บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 379

บทที่ 379 ท้าสู้ที่น้ำตก

บทที่ 379 ท้าสู้ที่น้ำตก

บนยอดเขาทะยานสวรรค์

เมื่อพวกเขาเห็นเฉินซีแบกฟ่านอวิ๋นหลานไว้บนแผ่นหลังในขณะที่พุ่งเข้าไปในน้ำตกโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างกำลังเฝ้ารอให้ชายหนุ่มทำให้ตัวเองอับอาย แต่ก็มีบางคนที่กัดฟันแน่นและมองด้วยความเกลียดชัง

“ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าเด็กนั่นแหละ” ชุยเถี่ยมองไปที่ร่างของเฉินซีด้วยท่าทีเกลียดชัง เขากัดฟันและกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะมันเข้ามาแทรกแซงอย่างกะทันหันในตอนนั้น ข้าและศิษย์น้องเฉิงอวิ่นคงทำลายนางมารร้ายคนนั้นไปแล้ว!”

“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ ชุดกระบี่บินที่ท่านปรมาจารย์มอบมาให้ข้าก็ถูกทำลายด้วยน้ำมือของเจ้าเด็กคนนั้น ท่านต้องแก้แค้นให้กับข้านะขอรับ” เฉิงอวิ่นส่งเสียงมาจากด้านข้าง

ที่ด้านข้างของพวกเขาคือชายหนุ่มในชุดหลากสีที่ดูตุ้งติ้งดั่งอิสตรี เมื่อเจ้าตัวได้ยินสิ่งนี้ เขาก็กวาดสายตามองศิษย์น้องทั้งสองคนและคำรามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะโทษใครได้อีก หากฝีมือของเจ้าอ่อนด้อยเสียเอง?”

สีหน้าของชุยเถี่ยและเฉิงอวิ่นไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาก็ตระหนักได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคำกล่าวของชิวเซี่ยวเฟิงผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาจะขวานผ่าซาก แต่อีกฝ่ายจะไม่เพิกเฉยต่อปัญหาของพวกตนอย่างแน่นอน

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฟานอวิ๋นหลานคือนางปีศาจที่เป็นศัตรูร่วมของนิกายบ่อหยก ดังนั้นชิวเซี่ยวเฟิงจะไม่ขยับลงมือได้อย่างไร?

และตามที่ทั้งคู่คาดคิด ชิวเซี่ยวเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ทั้งคู่ได้พุ่งเข้าไปในน้ำตกแล้ว และพวกเขาอาจจะถูกซัดรวมทั้งถูกกำจัดก่อนที่จะคว้าป้ายคำสั่งได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่คาดฝัน ข้าจะรอโอกาสลงมือ และไม่มีทางปล่อยให้พวกมันผ่านการทดสอบไปอย่างราบรื่น!”

“หากศิษย์พี่ใหญ่ลงมือเอง มันจะไม่ง่ายดายเหมือนการแย่งขนมจากเด็กทารกหรอกหรือ?” ในใจของชุยเถี่ยกับเฉิงอวิ่นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ชิวเซี่ยวเฟิงซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาคือยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ที่สามารถเทียบเคียงกับชิงซิ่วอี้และคนอื่น ๆ ได้ ส่วนเหตุผลที่เขายังรั้งรออยู่ที่นี่และไม่ได้ลงมือเพื่อคว้าเอาป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ ก็เนื่องจากเขาไม่ต้องการที่จะออกไปก่อนและต้องการดูแลศิษย์น้องทั้งสอง ไม่อย่างนั้น ด้วยการบ่มเพาะที่มี เขาคงสามารถผ่านการทดสอบนี้ไปตั้งนานแล้ว!

ชิวเซี่ยวเฟิงเพียงยิ้มบาง ๆ โดยไม่กล่าวอะไร ในขณะที่สายตาของเขามองไปยังน้ำตกและจับจ้องไปที่ร่างของเฉินซีอย่างแน่วแน่

ครืนน!

น้ำตกที่ก่อตัวขึ้นจากพลังของเต๋ารู้แจ้งนานาชนิดถาโถมลงมาราวกับกระแสน้ำไหลเชี่ยวอยู่บนยอดเขา เสียงของมันดังก้องฟ้าในขณะที่มันถาโถมด้วยแรงผลักดันที่น่าตกตะลึง

เมื่อผู้ใดก็ตามที่อยู่ท่ามกลางน้ำตก หากคนผู้นั้นถูกกระแทกด้วยม่านน้ำเพียงคราเดียว มันก็จะส่งผลต่อความเร็วของคนคนนั้น ก่อนที่จะถูกโอบล้อมด้วยม่านน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและท้ายที่สุด คนหนึ่งก็จะถูกซัดกระเด็นออกจากที่นั่น!

ม่านน้ำที่หนาแน่นและไม่มีที่สิ้นสุดถาโถมลงมาอย่างรวดเร็วและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะสานกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ และถ้าใครต้องการคว้าป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ออกมาจากมัน โอกาสสำเร็จก็จะน้อยมากจนอาจทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง

แน่นอนว่ามีแบบแผนให้ทำตามเช่นกัน เช่น หลังจากการโจมตีอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในจุดใดจุดหนึ่งอยู่สักพัก จากนั้นม่านน้ำก็จะช้าและเบาบางลงในชั่วพริบตา ก่อนที่ช่องว่างอันปลอดภัยจะหายวับไป

ผู้เข้าร่วมหลายคนก่อนหน้านี้ได้อาศัยแบบแผนดังกล่าวเพื่อคว้าโอกาสและได้รับป้ายคำสั่งอย่างปลอดภัยเพื่อผ่านการทดสอบไป

แต่สำหรับผู้เข้าร่วมที่มีความสามารถในการแยกแยะ ความเร็ว และสภาพจิตใจที่ด้อยกว่า มันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก บางคนมีแบบแผนที่ชัดเจน แต่เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากตัวเอง พวกเขาจึงพลาดพลั้งและถูกกำจัดในที่สุด

ในขณะนี้ ภายในน้ำตกที่ถาโถมและส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ร่างของเฉินซีเป็นดั่งภาพลวงตาที่เหมือนความฝันขณะที่เขาเคลื่อนตัวผ่านมันไป และแม้ว่าชายหนุ่มจะแบกฟ่านอวิ๋นหลานไว้บนหลัง แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาก็ยังว่องไวเหมือนนกกระจอกและรวดเร็วดั่งสายฟ้า ทุกครั้งที่ทุกคนคิดว่าเขาจะถูกกระแทกเข้ากับม่านน้ำ พวกเขาก็พบว่าม่านน้ำได้ถาโถมเข้าหาภาพติดตาที่หลงเหลืออยู่ด้วยความเร็วสุดขีดของเจ้าตัวเท่านั้น!

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การถาโถมอย่างรุนแรงของม่านน้ำที่ปกคลุมฟ้าดินอยู่ เฉินซีก็ยังคงสามารถรักษาความเร็วได้อย่างมั่นคง และภายใต้ผลกระทบทางสายตาที่รุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นี้ ผู้บ่มเพาะในบริเวณใกล้เคียงต่างก็เข้าใจผิดว่าความเร็วในการถาโถมของม่านน้ำได้ช้าลงไปอย่างมาก…

ปัง!

“อ๊าก!” มีผู้บ่มเพาะที่เพิ่งเข้าไปในน้ำตกร้องโหยหวนขึ้นมา ก่อนที่ร่างนั้นจะถูกซัดกระเด็นและเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดว่าความเร็วของม่านน้ำช้าลง

ทุกคนตื่นตัวทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากไม่ใช่ความเร็วของม่านน้ำที่ช้าลง แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินซีนั้นเร็วเกินไปและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทางสายตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ความเร็วของม่านน้ำดูเหมือนจะช้าลงอย่างมาก!

“คนผู้นี้กำลังแบกคนไว้บนหลัง แต่ก็ยังสามารถบรรลุสิ่งนี้ได้ บางทีเขาอาจจะสามารถผ่านการทดสอบนี้ไปได้อย่างราบรื่นจริง ๆ…” ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็มองหน้ากันและกัน ความคิดของพวกเขาที่ต้องการเห็นเฉินซีทำให้ตัวเองต้องอับอายก็จางหายไป

เฉินซีมีสีหน้าจดจ่อในขณะที่เขาเคลื่อนตัวผ่านน้ำตกไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้มักจะกะพริบแสงในน้ำตก แต่เนื่องจากระยะทางและความหนาแน่นของม่านน้ำที่มากเกินไป การจะคว้าป้ายคำสั่งได้อย่างราบรื่นนั้นแทบไม่ง่ายเลย

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เฉินซียังต้องช่วยฟ่านอวิ๋นหลานคว้าป้ายคำสั่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาต้องคว้าป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้ทั้งสองชิ้นในคราเดียว! ดังนั้นความยากจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย!

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย แม้ว่าเขาจะเคลื่อนที่ผ่านน้ำตกโดยไม่หยุดหย่อน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ลงมือ และนั่นเป็นเพราะเขากำลังรอโอกาสที่จะคว้าตราคำสั่งสองชิ้นในคราวเดียว!

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเฉินซีก็พบโอกาสปรากฏขึ้นในระยะสายตา ป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้สองชิ้นเปรียบเสมือนปลาสองตัวที่ว่ายเคียงข้างกันขณะที่พุ่งออกมาจากภายในน้ำตก

ในขณะนี้ เฉินซีที่สะสมพลังขณะที่รอการเคลื่อนไหวมาตั้งนานแล้ว ก็ลงมืออย่างดุดันทันที ปีกนภาดารกะถูกใช้ด้วยพลังสูงสุด ทำให้ปีกศักดิ์สิทธิ์ที่มองเห็นได้อย่างเลือนรางคู่หนึ่งซึ่งปกคลุมไปด้วยดวงดาวปรากฏอยู่ที่ข้างหลังของเขาอย่างคลุมเครือ

ปัง!

อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่ลงมือ คลื่นอากาศที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงจากทางด้านหลัง และเขาก็ได้ยินเสียงของอากาศที่ถูกแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน

“มีใครบางคนกำลังลอบทำร้ายข้า!”

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงขณะที่เจตนาฆ่าอันน่าสยดสยองส่องประกายอยู่ภายในนั้น เขาพบโอกาสนี้ด้วยความยากลำบาก แต่กลับถูกคนอื่นรบกวน ดังนั้นความโกรธจึงพวยพุ่งออกมาจากภายในใจอย่างช่วยไม่ได้

แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องโกรธเกรี้ยวเป็นที่สุดคือ การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้หวังผลเพียงเพื่อขัดขวางเขาจากการคว้าป้ายคำสั่ง แต่เป้าหมายของการโจมตีที่อำมหิตและโหดเหี้ยมเช่นนี้คือฟ่านอวิ๋นหลานที่อยู่บนหลังตน!

ถ้าหากเขาคนเดียว ชายหนุ่มคงไม่เกรงต่อการโจมตีเช่นนี้อย่างแน่นอน แต่เพราะมีฟ่านอวิ๋นหลานเข้ามาเกี่ยว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้มเลิกการคว้าเอาป้ายคำสั่งเป็นการชั่วคราว

การถูกขัดขวางในช่วงเวลาสำคัญทำให้เฉินซีกระตุ้นเจตนาฆ่าในใจขึ้นมา และในทันทีที่เขาสังเกตเห็นการโจมตีที่มาจากทางด้านหลัง เขาพลันตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนจะเร่งทะยานหลบไปทางด้านข้างดั่งอสรพิษที่ปราดเปรียว!

ปัง!!!

ทันทีที่เบี่ยงหลบออกไป เงาฝ่ามือที่ควบแน่นจากปราณแท้ขนาดมหึมาก็ฉีกขึ้นไปบนท้องฟ้าและกระแทกไปยังน้ำตกอย่างรุนแรง มันระเบิดม่านน้ำที่ถาโถมมาอย่างมหาศาลให้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ และทำให้มวลน้ำที่เหมือนฟองหิมะสาดกระเซ็นบนท้องฟ้า ซึ่งเผยให้เห็นพลังทำลายอันน่าตกตะลึงของมัน!

เฉินซีตระหนักได้ในทันทีว่าพลังที่แฝงอยู่ในการโจมตีครั้งนี้ แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และถ้ามันโจมตีใส่ฟ่านอวิ๋นหลาน นางจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้ว่าจะสามารถรอดตายได้ก็ตาม!

การคาดการณ์เช่นนี้ทำให้ไฟแห่งความโกรธในใจของเขาเดือดพล่านยิ่งขึ้น

ฟิ้ว!

ในเวลาเดียวกัน ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในน้ำตก เขาสวมเสื้อผ้าหลากสีสัน มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับอิสตรี และเขาคือชิวเซี่ยวเฟิงแห่งนิกายบ่อหยก!

อีกฝ่ายยืนอยู่ในน้ำตกอย่างภาคภูมิดั่งต้นสนที่หยั่งรากลึกจนมิอาจสั่นคลอน และแสงสีทองที่ปกคลุมร่างกายของเขาอยู่ มันก็ทำให้ม่านน้ำที่ถาโถมใส่จากทุกทิศทุกทางถูกซัดหายไปหมดและไม่อาจทำร้ายเขาหรือทำให้ร่างกายของเจ้าตัวสั่นไหวได้แม้แต่น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งของคนคนนี้!

“ในที่สุดศิษย์พี่ใหญ่ก็ลงมือแล้ว!”

“ใช่แล้ว ช่วงเวลาที่ศิษย์พี่ใหญ่ได้เลือกลงมือนั้นอาจกล่าวได้ว่าประจวบเหมาะเป็นอย่างมาก มันต้องเป็นเพราะเขามีประสบการณ์และมีความแข็งแกร่งสูงแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นศิษย์พี่คงไม่อาจทำสิ่งนี้ได้อย่างไร้ที่ติ”

บนแท่นที่ราบเรียบที่ด้านนอกของน้ำตก ชุยเถี่ยและเฉิงอวิ่นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

“สหายเต๋า ข้าชิวเซี่ยวเฟิงแห่งนิกายบ่อหยก ที่ข้าลงมือก่อนหน้านี้เพียงเพื่อจับกุมนางมารร้าย และข้าไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นศัตรูกับสหายเต๋า ข้าคิดว่าเจ้าคงทราบดีว่าการโจมตีก่อนหน้านี้ของข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเจ้า ข้าหวังว่าสหายเต๋าจะวางนางปีศาจคนนั้นลง และอย่าเอาชีวิตของเจ้ามาเกี่ยวข้องเพราะเรื่องนี้” ชิวเซี่ยวเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจและสงบด้วยน้ำเสียงที่กระจ่าง ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ดวงตาที่งดงามของฟ่านอวิ๋นหลานส่องประกายเยือกเย็นขณะที่นางกล่าวก่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินซี วางข้าลง ข้าจะจัดการกับเจ้าสุนัขที่น่ารังเกียจตัวนี้เอง! มันฉวยโอกาสที่เราไม่ทันตั้งตัวเพื่อลอบโจมตี แต่ก็ยังโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย มันสมควรตายอย่างแท้จริง!”

เฉินซีขมวดคิ้วและส่ายศีรษะ “เจ้าแค่ฟุบพิงบนหลังของข้าอย่างสบายใจก็พอแล้ว การจัดการกับเขาใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา และไม่จำเป็นต้องให้เจ้าข้องแวะกับปัญหานี้เลย”

ทันใดนั้น ใบหน้าของชิวเซี่ยวเฟิงก็เย็นชา ประกายอาฆาตผุดขึ้นในดวงตาของเขา จากนั้นเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ดูเหมือนว่าสหายเต๋าจะหลงเสน่ห์ของนางปีศาจตนนี้และได้กลายเป็นสุนัขรับใช้ที่อยู่ข้างกายเสียแล้ว เฮ้อ ช่างน่าสงสารเสียจริง ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย วางนางปีศาจนั้นลงซะ แล้วข้าจะปล่อยวางเรื่องนี้ มิฉะนั้นข้าจะกำจัดปีศาจและส่งเจ้าทั้งคู่ไปตามทางในวันนี้!”

ริมฝีปากของเฉินซีปรากฏร่องรอยความเย็นชา ขณะที่ยันต์ศัสตราได้ปรากฏขึ้นในมือของเขา ชายหนุ่มชี้มันไปทางชิวเซี่ยวเฟิงจากระยะไกล โดยหมายใช้การกระทำดังกล่าวเพื่อประกาศการต่อสู้!

เมื่อฟ่านอวิ๋นหลานเห็นภาพนี้ ร่องรอยความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดขึ้นในใจของนางโดยไม่มีเหตุผล และดูเหมือนนางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเฉินซีจะต่อสู้กับใครก็ได้เพื่อนาง!

ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับนาง แต่ก็ทำให้นางรู้สึกถึงคลื่นความสุขที่อธิบายไม่ได้ และความเกลียดชังที่มีต่อเฉินซีภายในหัวใจที่นางได้สะสมมาหลายปีก็หายไปมากโดยไม่รู้ตัว

นางไม่ได้ครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นอีกต่อไป เพียงเอนกายลงบนแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ของเฉินซีอย่างผ่อนคลาย

ความรู้สึกสบายใจและอบอุ่นได้ผุดขึ้นมาภายในใจของนางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับว่าตราบใดที่เฉินซียังอยู่ แม้ท้องฟ้าจะถล่ม แต่นางก็ไม่รู้สึกถึงความหวาดกลัวใด ๆ

ในขณะนี้ เฉินซีและชิวเซี่ยวเฟิงยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล ซึ่งผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงก็มีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของพวกเขาลุกโชนไปด้วยความหวังออกมา ขณะปากกล่าวขึ้นว่า “มีการประลองดี ๆ ให้ได้ชมแล้ว! หากการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นภายในน้ำตกที่ก่อตัวขึ้นจากเต๋ารู้แจ้ง มันจะดุร้ายและรุนแรงขนาดไหนกัน?”

แม้แต่ผู้บ่มเพาะจำนวนมากที่อยู่ในนครหลวงธารสายไหมก็ยังสังเกตเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขากวาดสายตามองอย่างต่อเนื่องและจดจ้องอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากพวกเขาเกรงว่าจะพลาดรายละเอียดเล็กน้อยไป

“ช่างเลวทรามยิ่งนัก! ใช้ประโยชน์จากช่วงจังหวะที่อันตรายของผู้อื่นเพื่อทำการลอบทำร้าย เหตุใดผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ในปัจจุบันจึงน่ารังเกียจและไร้ยางอายมากขึ้นทุกที หรือว่าพวกเขาไม่มีความซื่อสัตย์และยางอายเลยแม้แต่น้อย?”

ย่าชิง ตู้ชิงซี อวิ๋นน่า เหยียนเยียน และหญิงสาวคนอื่น ๆ ต่างก็กัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง ขณะที่จดจ้องด้วยดวงตาที่เบิกโพลงและการจ้องมองของนางก็ไม่ได้ปกปิดความรังเกียจ รวมถึงความเกลียดชังที่มีต่อชิวเซี่ยวเฟิงเลยแม้แต่น้อย

ภายในพระราชวังธารสายไหม ยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหมดล้วนหยุดสนทนากันขณะจ้องมองไปที่ยอดเขาทะยานสวรรค์ การต่อสู้ภายในน้ำตกอันน่าสะพรึงที่ก่อตัวขึ้นจากเต๋ารู้แจ้งอย่างนั้นหรือ? นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในการชุมนุมดาวรุ่งที่ผ่านมา

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหนึ่งในนั้นคือเฉินซี และสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีทุกคน ซึ่งบางคนไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าหวังให้เฉินซีตายในอีกไม่ช้า ในขณะที่บางคนคาดหวังให้เขาแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมก่อนที่จะทำลายคู่ต่อสู้ของเขา…

สรุปแล้ว การต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในน้ำตกบนยอดเขาลูกนี้ได้ดึงดูดความสนใจอย่างนับไม่ถ้วน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]