บทที่ 389 แท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้
บทที่ 389 แท่นบูชาเต๋าแห่งการต่อสู้
การยึดครองบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้ได้สำเร็จ ทำให้เฉินซีรู้สึกผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ หากไม่มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาย่อมเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งในครั้งนี้ และเป้าหมายต่อไปของชายหนุ่มก็คือการมุ่งขึ้นสู่สิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่ง!
โดยไม่เสียเวลาอีกต่อไป เฉินซีพูดคุยกับฟ่านอวิ๋นหลาน เจิ้นหลิวชิงและคนอื่น ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะหยิบผลึกโลหิตจ้าววิญญาณสองสามชิ้นออกมาและหลับตาทำสมาธิในทันที
การต่อสู้กับหวงฝู่ฉงหมิงและคนอื่น ๆ ทำให้ปราณจ้าววิญญาณของเขาลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะฝ่ามือมหาดาราที่ใช้ออกไปในตอนท้าย มันได้สูบปราณจ้าววิญญาณไปด้วยอัตราที่น่าตกตะลึง หากไม่ใช่เพราะการขัดเกลากายาของเขาได้บรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูงแล้วละก็ ชายหนุ่มคงไม่สามารถใช้กระบวนท่านี้ออกไปได้อย่างเต็มที่
แต่นับว่าโชคดีที่เขาได้รับผลึกโลหิตจ้าววิญญาณจำนวนมากมาจากจี้เยว่ ดังนั้นปราณจ้าววิญญาณของเขาจึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ไม่ต้องกังวลกับการแข่งและการต่อสู้ที่จะมาถึง
ก่อนที่เขาจะหลับตาเพื่อทำสมาธิ ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเหลือบมองไปยังร่างอันงดงามที่อยู่ตรงกลาง ร่างนั้นนั่งขัดสมาธิมาตั้งแต่ต้นและถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบมาโดยตลอด จนดูเหมือนกับเทพธิดาจากแดนสวรรค์ผู้เป็นอิสระเหนือโลกา และไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นรอบกายนางก็ตาม มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้เลย
มันให้ความรู้สึกที่เย่อหยิ่งและห่างเหินอย่างไร้เสียง ราวกับว่านางยืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
เฉินซีถอนสายตากลับมา และหัวใจของเขายังคงปราศจากการกระเพื่อม เนื่องจากชิงซิ่วอี้ไม่เหมือนกับฟ่านอวิ๋นหลาน นางเป็นเซียนสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิด และนางมีความภาคภูมิใจในความเป็นเซียนฝังลึกอยู่ในกระดูกดำของนาง ดังนั้นจึงมีทางเดียวที่จะแก้ไขความเกลียดชังระหว่างพวกเขาได้ นั่นคือการเอาชนะนางในการต่อสู้และทำให้ความภาคภูมิใจที่สูงส่งของนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมสยบต่อเขา!
เมื่อเฉินซีนั่งบนบัลลังก์เทพ มันก็ยังมีบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้อีกเจ็ดสิบกว่าแห่งที่ยังคงว่างเปล่าอยู่ล้อมรอบแท่นบูชา และเพื่อบัลลังก์เหล่านี้ ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในบริเวณโดยรอบของจัตุรัสได้ระเบิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการครอบครองบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้เหล่านี้อย่างดุเดือด
ผู้บ่มเพาะที่ต่อสู้อยู่ในขณะนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นจากผู้บ่มเพาะทั้งห้าหมื่นคนที่ได้เข้าร่วมในตอนแรก และพวกเขาได้เอาชนะความยากลำบากมากมายเพื่อมาถึงที่นี่ในที่สุด ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงทรงพลังและน่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย หากอยู่ในโลกภายนอก ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพียงพอที่จะเป็นยอดฝีมือชั้นเลิศแล้ว!
เมื่อมาถึงตอนนี้ เพื่อที่จะยึดบัลลังก์เทพที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่ง ผู้คนย่อมสามารถจินตนาการถึงความรุนแรงของการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป บัลลังก์เทพทั้งหนึ่งร้อยแห่งก็มีผู้ครอบครอง ส่วนผู้บ่มเพาะที่พ่ายแพ้ก็ถูกจำกัดทิ้งและถูกส่งตัวออกจากดินแดนเต๋าแห่งการต่อสู้
หลังจากผู้บ่มเพาะคนสุดท้ายที่พ่ายแพ้ได้หายตัวไปจากดินแดนเต๋าแห่งการต่อสู้ พื้นที่โดยรอบของจัตุรัสก็เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง
ครืนนน!
ท้องฟ้าถล่ม แผ่นดินแยกออกจากกัน สวรรค์และโลกดูจะพังทลาย และหายไปภายในมิติที่ผันผวนอย่างรุนแรง
เพียงชั่วพริบตา นอกจากแท่นบูชาโบราณที่อยู่ตรงกลางและบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้อีกหนึ่งร้อยแห่งแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในดินแดนเต๋าแห่งการต่อสู้ก็กลายเป็นความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
“โอม!”
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ความผันผวนที่แปลกประหลาดได้แผ่ออกมาจากแท่นบูชาที่อยู่ตรงกลาง มันดูเหมือนระลอกคลื่นและได้ปกคลุมบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้นับร้อยแห่งที่อยู่โดยรอบ
ทันทีที่ความผันผวนเคลื่อนผ่านร่างกายของเขา เฉินซีก็สัมผัสได้ถึงเจตจำนงอันเก่าแก่ลึกลับที่ไม่อาจต้านทานได้ เข้ามาห่อหุ้มจิตวิญญาณของเขาไว้ และก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง จิตวิญญาณของเขาก็รู้สึกมึนงงราวกับถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนขนาดมหึมา…
ครืนนน!
บนยอดเขาทะยานสวรรค์ที่ทะลุขึ้นไปในท้องฟ้า จู่ ๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและทรุดลงสู่พื้นดิน แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากบริเวณโดยรอบของภูเขา มันส่องแสงเจิดจ้าจนดวงตาของทุกคนไม่อาจรับได้และต้องหลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้
“บททดสอบที่สามของการชุมนุมดาวรุ่งสิ้นสุดลงแล้ว!”
“ดูนั่นสิ! สิ่งเหล่านั้นที่ลอยอยู่กลางอากาศคือบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้ในตำนาน และผู้คนที่นั่งอยู่บนนั้นคือผู้บ่มเพาะหนึ่งร้อยอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งครั้งนี้”
“มันคือบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้! ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาจะได้กระบวนยุทธ์ระดับเต๋าแบบใดมาจากพวกมันกัน?”
เมื่อยอดเขาทะยานสวรรค์จมหายไปในพื้นดิน ทุกคนจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาก็เห็นแท่นบูชาโบราณที่ปรากฏอยู่กลางอากาศ และรอบ ๆ มัน มีบัลลังก์เทพเต๋าแห่งการต่อสู้นับร้อยแห่งล้อมรอบอยู่และเปล่งแสงพราวระยิบระยับออกมา
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
บนบัลลังก์เทพมีร่างนับร้อยกำลังนั่งขัดสมาธิด้วยท่าทางเคร่งขรึมเสมือนรูปปั้น และพวกเขาถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งเสียงกังวานอย่างแปลกประหลาด ซึ่งคล้ายกับเสียงระฆังที่ดังขึ้นเมื่อมีการถวายเครื่องบูชาในสมัยโบราณดังก้องออกมาจากแท่นบูชาที่อยู่ตรงกลาง มันเขย่าท้องฟ้าและผืนดินเสมือนระฆังที่ถูกตีในยามเช้า ด้วยท่วงทำนองของมหาเต๋าที่ทำให้ทุกสิ่งได้กระจ่างแจ้ง อีกทั้งยังทำให้หัวใจของทุกคนรู้สึกเงียบสงบขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน ผู้บ่มเพาะทั้งหมดในนครหลวงธารสายไหม ต่างก็จ้องมองไปที่ร่างทั้งหนึ่งร้อยร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์เทพอย่างเงียบ ๆ และสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา ความอยากรู้อยากเห็น รวมทั้งความคาดหวัง…
ทุกคนต่างก็รู้ว่า ในช่วงเวลาต่อไปนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งหนึ่งร้อยคนกำลังทำความเข้าใจต่อกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สืบทอดมาจากบัลลังก์เทพ แต่คุณภาพของกระบวนยุทธ์ที่ได้สืบทอดมาจากบัลลังก์เทพจะขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ โชคชะตา การบ่มเพาะ ความเข้าใจ และปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...