บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 449

บทที่ 449 กระบี่โศกนภา

บทที่ 449 กระบี่โศกนภา

บนผิวทะเล พายุอสูรทะเลเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

กองทัพวานรวารีเพลิงคลั่งเป็นฝูงสีดำที่เข้าปิดล้อมโจมตีเผยอวี่ หวงฝู่ฉิงอิง และคนอื่น ๆ ระลอกแล้วระลอกเล่า

แต่พวกเขาก็เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์รุ่นเยาว์ที่ทรงพลัง ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลกับการเผชิญอันตรายและยืนหยัดอยู่ที่บริเวณรอบนอกของพายุ

พวกเขากำลังเฝ้ารอ รอให้พายุได้พัดผ่านไป ก่อนที่จะเริ่มโต้กลับ

เนื่องจากความอดทนของวานรวารีเพลิงคลั่งต่ำมาก พวกมันจะต้องหยุดการโจมตีอย่างแน่นอนหลังจากไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้เป็นเวลานาน และเวลานั้นจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะฝ่าวงล้อมออกไป

“เฉินซีเข้าไปในกองทัพอสูรทะเล แต่เหตุใดจนถึงบัดนี้ กลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้นเลย?” เว่ยมู่อวิ๋นสังหารวานรวารีเพลิงคลั่งไปกว่าสิบตัวด้วยหมัดเดียว และฉวยจังหวะนี้ เอ่ยถามเผยอวี่ที่อยู่ใกล้เคียง

ในขณะนี้ พวกเขาได้ร่วมต่อสู้ด้วยกัน ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่แรงกดดันที่มาจากวานรวารีเพลิงคลั่งก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ

“ฮึ่ม! จะดีที่สุดถ้ามันตายไปซะ กองทัพวานรวารีเพลิงคลั่งมีผู้นำขอบเขตจุติบังคับบัญชาอยู่ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีจะทรงพลัง แต่สองหมัดย่อมยากต้านทานสี่หมัดไหว ดังนั้นมันอาจจะโชคร้ายไปแล้วก็เป็นได้” เผยอวี่ยังไม่ทันได้กล่าว ชุยซิวหงก็ชิงตอบเสียก่อน และน้ำเสียงนั้นก็เผยให้เห็นความรู้สึกยินดีจากความโชคร้ายของชายหนุ่ม

“เหตุใดเราต้องสนใจเขาด้วย?” เผยอวี่ไม่ได้ขุ่นเคืองเมื่อชุยซิวหงตอบแทนตน เขาเพียงยิ้มและกล่าวช้า ๆ ว่า “แน่นอนว่าข้านั้นหวังว่ามันจะสามารถมีชีวิตรอดได้ เพราะข้ายังคงรอที่จะใช้มันเป็นเกราะกำบังหลังจากที่เราเข้าไปในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นแล้ว”

ครืนนนน!

เมื่อเขากล่าวจบ ลำแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงได้พุ่งขึ้นจากภายในกองทัพวานรวารีเพลิงคลั่ง เฉินซียืนตัวตรงอยู่กลางอากาศ ในขณะที่ร่างกายปล่อยลูกบอลพายุสายฟ้าที่พร่างพรายออกมา และชายหนุ่มก็เป็นดั่งเทพเจ้าแห่งสายฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาในโลก!

“ทุกคน สถานการณ์คับขัน! เผ่าวานรวารีเพลิงคลั่งทั้งหมดที่อยู่ใต้ทะเลได้เคลื่อนพลแล้ว และมันมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหลายแสนตัว เราต้องฝ่าวงล้อมออกไปเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น…” เสียงของเฉินซีเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ทำให้เผยอวี่และคนอื่น ๆ ตกใจจนใบหน้าซีดเซียวลง “วานรวารีเพลิงคลั่งหลายแสนตัว? ทั้งเผ่าได้เคลื่อนพลแล้ว?”

“ให้ตายเถอะ!”

“ไอ้เจ้าสารเลวเฉินซีไปยั่วยุสัตว์อสูรแบบใดกันแน่ ถึงได้ดึงศัตรูจำนวนออกมาได้ขนาดนี้?”

เผยอวี่และคนอื่น ๆ คาดเดาได้ทันทีว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และไม่คาดคิดดังกล่าวต้องเกี่ยวข้องกับเฉินซีอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็กัดฟันด้วยความเกลียดชังและไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าการทำลายล้างไอ้ตัวก่อกวนนี่เดี๋ยวนี้

“ไปกันเถอะ! ฝ่าวงล้อมไปด้วยกัน!”

อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ว่าการฝ่าวงล้อมที่แน่นหนาในตอนนี้เป็นเรื่องสำคัญ มิฉะนั้น เมื่อถูกปิดล้อมด้วยกองทัพวาวารีเพลิงแล้ว พวกเขาจะต้องล้มตายอย่างแน่นอน

ทุกคนมารวมกันทันทีและใช้ความสามารถทั้งหมดของพวกเขาอย่างเต็มที่ ในขณะที่พุ่งเข้าสู่ภายในพายุ

ครืนนนน!

ทุกที่ที่พวกเขาผ่านไป เคล็ดวิชาต่าง ๆ และสมบัติวิเศษจะถูกซัดออกมามากมาย ในขณะที่ปะทะกับศัตรู พวกมันล้วนเปล่งประกายเจิดจ้า การโจมตีแต่ละครั้งจะคร่าชีวิตของวานรวารีเพลิงคลั่งไปหลายร้อยหรือหลายพันตัว ทำให้แขนขาขาดและเลือดกระเซ็นจนย้อมทะเลเป็นสีแดง

ทุกคนในกลุ่มนี้ต่างเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อัจฉริยะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ขาดแคลนกระบวนท่าไม้ตายและสมบัติวิเศษที่ทรงพลัง ดังนั้น เมื่อพวกเขาโจมตีอย่างเต็มกำลังโดยไม่ยั้งมือในขณะนี้ คนเหล่านี้จึงดูราวกับอยู่ยงคงกระพัน และในช่วงเวลาไม่กี่ลมหายใจ พวกเขาก็พุ่งเข้าสู่ภายในของพายุแล้ว

ในขณะเดียวกัน เฉินซีก็มาบรรจบกับพวกเขาเช่นกัน และชายหนุ่มก็ได้เข้าร่วมกับกองกำลังเพื่อฝ่าวงล้อมออกไป

“เฉินซี เจ้าไปทำสิ่งใดกันแน่ เหตุใดถึงทำให้สัตว์อสูรเหล่านี้บ้าคลั่งไปหมด” นายน้อยโจวพยายามทำลายล้างวานรวารีเพลิงคลั่งที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกระแสน้ำจากทุกทิศทุกทางอย่างสุดความสามารถ ในขณะที่เอ่ยถามอย่างเร่งรีบ

“ข้าแค่เอาสิ่งของบางอย่างจากพวกมันมา” เฉินซีหัวเราะอย่างขมขื่นในขณะส่ายศีรษะ เพราะชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่า มันจะปลุกเผ่าพันธุ์วานรวารีเพลิงคลั่งทั้งหมดให้บ้าคลั่งเช่นนั้น

“สิ่งนั้นคืออะไรกัน? หรือจะเป็นสมบัติหายาก?” ตาของนายน้อยโจวเป็นประกายในขณะที่เอ่ยถาม

“พอได้แล้ว! พวกเจ้าฝ่าออกจากวงล้อมก่อน แล้วค่อยคุยกันอีกที เข้าใจไหม?” หวงฝู่ฉิงอิงระเบิดเสียง ในขณะที่วานรวารีเพลิงคลั่งหลายสิบตัวกระเด็นออกไปด้วยการฟาดฝ่ามือของนาง จากนั้นหญิงสาวก็จ้องไปยังนายน้อยโจวอย่างดุดัน

นายน้อยโจวหุบปากทันที แต่ในใจของเขา ยิ่งใคร่รู้เกี่ยวกับสมบัติที่เฉินซีได้รับมา เนื่องจากมันสามารถทำให้เผ่าพันธุ์วานรวารีเพลิงคลั่งที่มีหลายแสนตัวเคลื่อนพลได้ อย่างน้อยมูลค่าของมันย่อมไม่ด้อยไปกว่าสมบัติกึ่งอมตะเป็นอย่างแน่นอน!!

“ฆ่า!”

“สังหารผู้บ่มเพาะมนุษย์เหล่านี้และนำวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เรากลับคืนมา!”

“ฆ่า! วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์เราจะสูญหายไปไม่ได้ และเราจะปล่อยให้ผู้บ่มเพาะที่น่ารังเกียจเหล่านี้หลบหนีไปไม่ได้เด็ดขาด!”

ในขณะนี้ คลื่นแห่งความโกรธที่เหมือนฟ้าร้องได้ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ในขณะที่วานรวารีเพลิงคลั่งนับไม่ถ้วนได้พุ่งออกมาจากก้นทะเลพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่โหดเหี้ยม ประหนึ่งคลื่นยักษ์ที่ถาโถมใส่เฉินซีอย่างบ้าคลั่ง

เสียงตะโกนของการฆ่าฟันได้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน ในขณะที่วานรวารีเพลิงคลั่งหลายแสนตัวทำให้คลื่นยักษ์ที่กระแทกเข้าใส่ทะเลราวกับฝูงอสูรทมิฬคลุ้มคลั่ง จนเกิดเป็นฉากที่ดูเหมือนว่าจุดจบของโลกได้มาถึง และทำให้ผู้พบเห็นต้องหนังศีรษะด้านชา

“วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวานรวารีเพลิงคลั่ง?” เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงโหยหวนซึ่งเต็มไปด้วยโทสะเหล่านี้ หัวใจของเผยอวี่และคนอื่น ๆ ก็กระตุกวูบ ดวงตาของพวกเขากะพริบถี่ แต่กองทัพวานรกำลังเข้ามาใกล้และกดดันเรื่อย ๆ ในขณะนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาที่จะไปสนใจสิ่งอื่น ได้แต่เริ่มต่อสู้อย่างสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยเฉพาะเผยอวี่ ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เขาได้ชักกระบี่ที่ทรงพลังออกมา ทุก ๆ การโจมตีที่เขาฟาดฟันออกไปนั้น ราวกับลำแสงอันน่าตกตะลึงที่จู่ ๆ ก็อุบัติขึ้นในโลกและผ่าผืนทะเลที่กว้างใหญ่ออกจากกัน ซึ่งได้กวาดล้างวานรวารีเพลิงคลั่งไปหลายพันตัวลงอย่างง่ายดาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]