บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 453

บทที่ 453 อสูรบินไร้เทียมทาน

บทที่ 453 อสูรบินไร้เทียมทาน

ตอนที่เพิ่งมาถึงสมรภูมิบรรพกาล เฉินซีเคยต่อสู้กับซวีเหลิ่งเยี่ยจากแคว้นเยว่หลุน และในตอนนั้น เหวยคงกับเฉิงเฟิงก็ซ่อนตัวอยู่ห่าง ๆ หมายชิงประโยชน์จากฝั่งที่ชนะ

ในเวลานั้น เฉินซีสัมผัสกลิ่นอายทั้งสองคนได้ ดังนั้นเขาจึงยั้งตนไว้ ป้องกันไม่ให้ทั้งคู่เข้ามาแทรกแซง ต่อมา ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจรู้แน่ชัด ทั้งสองก็จากไปทั้งที่การต่อสู้ยังไม่จบ

ตอนนี้เมื่อได้เห็นเหวยคงกับเฉิงเฟิงอีกครั้ง เฉินซีก็พลันเข้าใจว่าสหายสองคนนี้อาจได้ข้อความจากฉินเซียว ทำให้รีบออกไป และเข้าสู่เกาะสมบัติที่ร่วงหล่นพร้อมกับอีกฝ่าย

‘ไม่เช่นนั้น ทั้งสองก็คงไม่ปล่อยให้ข้าชิงเอาสมบัติกึ่งอมตะ พัดนกยูงเพลิงจากซวีเหลิ่งเยี่ยไปได้’

สรุปแล้ว แม้ทั้งสองจะไม่ได้ลงมือในวันนั้น แต่เจตนาเช่นนี้สมควรตาย ดังนั้นเฉินซีจึงสามารถหาโอกาสในเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นจัดการคนทั้งสองได้

ในขณะเดียวกันนั้น เหวยคงและเฉิงเฟิงก็สังเกตเห็นชายหนุ่มเช่นกัน พวกเขาตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะส่งกระแสปราณไปหาฉินเซียวที่อยู่ฝั่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นดังนี้ เฉินซีไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่าทั้งสองคงบอกฉินเซียวเรื่องที่เขาชิงสมบัติกึ่งอมตะของซวีเหลิ่งเยี่ยอย่างแน่นอน!

‘สองคนนี้น่ารำคาญใจจริง!!’ จิตสังหารพลันลุกโชนขึ้นในใจของชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว สมบัติกึ่งอมตะเป็นเรื่องสำคัญ กระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพียังมองเห็น หลังจากที่ฉินเซียวรู้เรื่องนี้ อีกฝ่ายก็อาจเกิดความโลภอยากได้ของจากเฉินซีก็เป็นได้

และแน่นอนว่า ต่อมาฉินเซียวก็พุ่งสายตามาทางเฉินซี กวาดสายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มเยาะที่มุมปาก

สีหน้าเขาดูเหมือนหมาป่าหิวกระหายจ้องมองเหยื่อ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด

“ฮึ่ม! ไม่เคยคิดเลยว่าพี่ฉินก็จะมาปรากฏตัวเช่นกัน น่าผิดหวังมากจริง ๆ” เผยอวี่ชะงักเมื่อเห็นกลุ่มของฉินเซียว จากนั้นก็คำรามเสียงเย็นออกมา

“ฮ่า ๆ พวกเราไม่อาจทนเห็นกันได้หรอก ทำไมไม่ตัดสินผู้ชนะกันสักครั้งบนเกาะสมบัติที่ร่วงหล่นแห่งนี้เสียเลยเล่า? ข้าได้ยินว่าวิชาคุมกระบี่หยกทอง ซึ่งเป็นวิชาขั้นสุดยอดของราชวงศ์ต้าจิ้นมีความเข้าใจของเต๋าแห่งราชันแฝงอยู่ ซัดกระบี่คราวเดียวราวกับราชันมาเยือน ข้าอยากทดสอบพลังนี่มานานแล้ว พี่เผยกล้าชี้แนะให้ข้าหรือไม่ล่ะ?” ฉินเซียวหัวเราะดังดั่งฟ้าลั่น สั่นสะเทือนรอบกาย สีหน้าเย่อหยิ่งปรากฏชัดเจน

“มีอะไรต้องกลัวกัน? ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าดาบสะเทือนสวรรค์เก้ามังกรของราชวงศ์ต้าฉินของเจ้า หรือวิชาคุมกระบี่หยกทองราชวงศ์ต้าจิ้นของข้าที่น่าเกรงขามยิ่งกว่า!” เผยอวี่กะพริบตาวูบหนึ่ง เจตนาต่อสู้ในร่างพลันพุ่งสูงขึ้น เผยท่าทีองอาจขององค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ระดับสูง

คนหนึ่งคือองค์รัชทายาทราชวงศ์ต้าฉิน อีกคนคือองค์รัชทายาทราชวงศ์ต้าจิ้น ล้วนเป็นผู้ได้รับความเคารพนับถืออย่างมาก หากเป็นเรื่องฐานะ ก็ไม่มีผู้ใดในที่แห่งนี้สามารถเทียบกับทั้งสองคนได้

ตอนนี้ทั้งคู่กระโจนใส่กันทันทีที่พบหน้า หมายจะตัดสินแพ้ชนะระหว่างกัน ก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในฝูงชนทันที

สายตานับไม่ถ้วนมาบรรจบรวมกันที่คนทั้งสอง เผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น ดูเหมือนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ายังไม่ทันได้เริ่มสำรวจหาสมบัติกัน แต่กลับจะได้เป็นสักขีพยานในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาแล้ว มันน่าตื่นเต้นมาก!

กรรรร! กรรรร!

ทว่าขณะนี้ เสียงร้องของปักษาดุร้ายตัวหนึ่งดังสะเทือนฟ้า ลมแรงพัดพาทรายและก้อนกรวดให้ลอยขึ้นสูง ทันใดนั้น นกขนาดมหึมาก็พุ่งลงมา นกตัวสีเขียวล้วนทว่ามีประกายสีแดงเข้มแผ่ออกมาบนร่าง เปล่งประกายสีเจิดจ้าออกมา

นี่คืออสูรบินดุร้ายที่มีปีกโปร่งแสงเหมือนหยก จะงอยปากของมันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และที่แปลกประหลาดที่สุดคือมันมีขาเพียงข้างเดียว แต่กลับบินร่อนลงมาได้อย่างมั่นคง ทั้งยังก่อให้เกิดรอยแตกเป็นใยแมงมุมบนพื้นดินนับไม่ถ้วน

ทันใดนั้น ฉินเซียวและเผยอวี่ก็ผละออกจากกัน พลันหันมองอสูรบิน คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน ช่วยไม่ได้นี่นา ก็กลิ่นอายอันน่าเกรงขามที่มันปลดปล่อยออกมาดูน่าอัศจรรย์มาก

“กระเรียนโลกันตร์ มันคือกระเรียนโลกันตร์*[1] ในตำนาน!” มีคนร้องออกมาด้วยความตกใจ

สีหน้าของทุกคนพลันจริงจังขึ้น อสูรบินเช่นนี้หาได้ยากมาก ทั้งยังเป็นอสูรขั้นสูงในยุคบรรพกาล กล่าวกันว่าแม้แต่เทพเซียน มันก็ยังฉีกร่างได้

ทุกคนตกตะลึงสุดขีด อสูรบินเช่นนี้หายากยิ่งกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณเสียอีก ไม่รู้ว่าสายเลือดกระเรียนโลกันตร์ตัวนี้จะบริสุทธิ์หรือไม่ หากเป็นทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ของกระเรียนโลกันตร์ ก็อาจจะกลืนยอดอัจฉริยะทั้งหลายลงท้องไปในคราวเดียวก็เป็นได้

เฉินซีก็ตกตะลึงในใจเช่นกัน แต่เขาไม่อาจพูดได้ว่ากลัว ชายหนุ่มพลันนึกถึงคำที่ศิษย์พี่สามเคยพูดไว้ว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์และอสูรบินฝีมือฉกาจทั้งหลายล้วนมีอักขระเต๋าอยู่ในร่าง หากผู้บ่มเพาะโชคดีได้รับมา ก็จะสามารถทำความเข้าใจมหาเต๋าหลากหลายที่อยู่ภายในร่างของมันได้ และสร้างวิชาและพลังอิทธิฤทธิ์อันน่าสะพึงกลัวขึ้นมาได้

ตัวอย่างเช่น ก่ออัสนีผสานดารานั้นได้มาจากอักขระบนกระดูกของคุนเผิง เทียบกับกระเรียนโลกันตร์ตรงหน้า มันน่าสะพรึงกลัวกว่าหลายเท่านัก

เฉินซีตรวจดูกระเรียนโลกันตร์โดยละเอียดพลางครุ่นคิด รูปร่างของมันเหมือนทำมาจากหยกเขียว ซึ่งมีประกายแสงสีเขียวจาง ๆ โอบล้อมอยู่ จะงอยปากเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ในขณะที่ร่างกายทั้งหมดแผ่แสงศักดิ์สิทธิ์เป็นประกายรุ่งโรจน์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]