บทที่ 540 รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก
บทที่ 540 รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก
มวลเมฆม้วนตัวเมื่อพระอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าที่สดใส
ทูตของแดนภวังค์ทมิฬกว่าสิบคนเหินบินเข้ามา ทำให้เสียงโหวกเวกโวยวายพลันสลายไปจากบริเวณโดยรอบ ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจด้วยความจดจ่อ สายตาของพวกเขาล้วนแสดงความเคารพ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
เพราะพวกเขารู้ดีว่าชะตากรรมของตนกำลังจะเปลี่ยนไปในอีกไม่ช้า!
อย่างไรก็ตาม เฉินซียังคงนิ่งสงบ สายตาของเขากวาดผ่านทูตไปทีละคน แต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้เขาระแวดระวังยิ่งขึ้น
เพราะยิ่งดูปกติมากเท่าไร มันก็อาจมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นมากเท่านั้น เพราะเท่าที่เขากังวลคือปิงซื่อเทียนจะฉวยโอกาสโจมตีเฉินซีและคนอื่น ๆ อย่างหนักหน่วงเป็นแน่!
“ทุกคน ก่อนอื่นข้าต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าที่ผ่านการทดสอบสุดท้ายของสมรภูมิบรรพกาล และได้รับสิทธิ์ในการเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬได้อย่างราบรื่น เมื่อเทียบกับสหายของพวกเจ้าที่เสียชีวิตไปในการทดสอบก่อนหน้านี้ พวกเจ้าทุกคนล้วนโชคดี” ณ กลางอากาศ ชายชราที่มีหนวดเคราสีม่วงที่พลิ้วไหวไปตามสายลมและสายตาที่ดุจสายฟ้าฟาด ได้ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นราวกับเสียงระฆังที่ดังกังวานไปทั่วฟ้าดิน
เฉินซีรู้จักคนผู้นี้ เขามีชื่อว่าจื่อหมิง เป็นผู้อาวุโสที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเซวียอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังเป็นทูตของกองกำลังโบราณที่เรียกว่านิกายจรดนภาของแดนภวังค์ทมิฬ
“ในขณะเดียวกัน การที่พวกเจ้าสามารถมีชีวิตรอดและผ่านการทดสอบต่าง ๆ ของสมรภูมิบรรพกาลก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าพรสวรรค์ การบ่มเพาะหรือความแข็งแกร่งของพวกเจ้านั้นเหนือกว่าคนทั่วไป ซึ่งกองกำลังต่าง ๆ ของแดนภวังค์ทมิฬก็ต้องการผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดเช่นเดียวกับพวกเจ้าทุกคน” ผู้อาวุโสจื่อหมิงกล่าวต่อ “ต่อไป ข้าขอเชิญสหายเต๋าเฟิงเสวียนจื่อจากนิกายฟ้ากำเนิด เพื่อประกาศรายชื่อศิษย์ที่ได้รับคัดเลือกจากนิกายต่าง ๆ ในครั้งนี้!”
ทุกคนเริ่มหายใจแรงขึ้นทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ และสายตาก็จับจ้องไปยังนักพรตเต๋าวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างของบรรพบุรุษจื่อหมิง
ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมแบบนักพรตเต๋า ผมของเขาถูกมัดเป็นปม พร้อมกับถือแส้หางม้าสีขาวราวหิมะในมือ ทำให้เขามีกลิ่นอายดุจนักปราชญ์ออกมา คนผู้นี้คือเฟิงเสวียนจื่อ ซึ่งเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีของนิกายฟ้ากำเนิด
ในขณะนี้ เขาถือแผ่นหยกอยู่ในมือ ซึ่งภายในนั้นได้บันทึกรายชื่อของเหล่าศิษย์ที่ได้รับคัดเลือกจากกองกำลังต่าง ๆ ของแดนภวังค์ทมิฬ และผู้ได้รับคัดเลือกจะได้รับการเลี้ยงดูในฐานะศิษย์สายหลัก ในขณะที่ผู้ไม่ได้รับเลือกก็สามารถเข้าสู่แดนภวังค์ทมิฬและเริ่มต้นเป็นผู้บ่มเพาะอิสระโดยไม่สังกัดนิกาย
แต่ทุกคนล้วนตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า ตามสถิติในอดีต ผู้บ่มเพาะที่สามารถผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายล้วนได้รับเลือก และการที่คนจะไม่ได้รับเลือกนั้นก็เกิดขึ้นน้อยมาก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้บ่มเพาะที่สามารถผ่านการทดสอบสุดท้ายล้วนมีพรสวรรค์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น หากใครต้องการรักษาความเจริญรุ่งเรืองของนิกายเอาไว้ให้ยืนยาว การเติมสายเลือดใหม่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากพวกเขาสามารถรับศิษย์เหล่านี้ทั้งหมดเข้าสู่นิกายได้ มันก็จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนานิกายให้คงอยู่อย่างยั่งยืนยาวนาน
ดังนั้นทุกคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้จึงไม่กังวลว่าจะไม่ได้รับเลือก และทั้งหมดที่พวกเขากังวลคือ จะสามารถได้รับเลือกเข้าสู่นิกายตามที่ใจปรารถนาได้หรือไม่?
แม้ว่าทูตกว่าสิบคนล้วนมาจากกองกำลังขนาดใหญ่ต่าง ๆ ของแดนภวังค์ทมิฬ แต่ก็มีความแตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น บรรพบุรุษจื่อหมิงที่มาจากนิกายจรดนภา บรรพบุรุษหลิงหยาที่มาจากหอกระบี่สยบดวงใจ อวิ๋นหลานเซิงที่มาจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ และเฟิงเสวียนจื่อที่มาจากนิกายฟ้ากำเนิด ล้วนเป็นกองกำลังขนาดใหญ่และมีอิทธิพลไม่ธรรมดาของแดนภวังค์ทมิฬ นิกายของพวกเขาจึงได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสิบอันดับแรกของนิกายในแดนภวังค์ทมิฬ ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนเจ้าเหนือหัวที่น่าเกรงขาม
กองกำลังทั้งสี่แห่งนี้เป็นที่สิ่งทุกคนปรารถนาจะเข้าร่วมมากที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากกองกำลังทั้งสี่นี้แล้ว นิกายที่อยู่เบื้องหลังทูตคนอื่น ๆ ล้วนเป็นนิกายชั้นเลิศที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่พวกเขาก็ด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสี่นิกายนั้น
เมื่อเห็นว่า แท้จริงแล้วเฟิงเสวียนจื่อเป็นผู้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ได้รับเลือก เฉินซีพลันนึกถึงการกระทำของเฟิงเจี้ยนไป๋ที่ยั่วยุตนก่อนหน้านี้ทันที แล้วหัวใจของชายหนุ่มก็เป็นต้องดิ่งวูบลงอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเขาตระหนักได้ราง ๆ ว่า แผนการของปิงซื่อเทียนอาจถูกซ่อนอยู่ภายในรายชื่อของผู้ถูกคัดเลือกเหล่านี้
เนื่องจากที่เฉินซีทราบมา เฟิงเสวียนจื่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตระกูลเฟิงของเฟิงเจี้ยนไป๋ ดังนั้นการที่เฟิงเจี้ยนไป๋กล้าที่จะยั่วยุเขาก่อนหน้านี้ จึงเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้ทราบข้อมูลบางอย่างเมื่อนานมาแล้ว
“ซูชิงเยียนกับจ้าวเจินจากราชวงศ์ต้าฮั่น อวิ๋นคงเอ๋อร์และเวิฉานจากราชวงศ์ต้าถัง… เจ้าทั้งเจ็ดถูกรับตัวเป็นศิษย์โดยตำหนักสำนึกสวรรค์” เฟิงเสวียนจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เร็วหรือช้า และไม่มีใครสามารถแยกแยะความรู้สึกใด ๆ จากเขาได้
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล เพราะพวกเขารู้สึกอิจฉาซูชิงเยียนและคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตำหนักสำนึกสวรรค์เป็นกองกำลังที่น่าเกรงขามที่คัดเลือกเฉพาะศิษย์หญิงเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ติดอันดับหนึ่งในสิบนิกายชั้นนำของแดนภวังค์ทมิฬ แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่อาจมองข้ามได้ และชื่อเสียงก็สามารถเทียบกับสิบอันดับแรกได้
“ขอแสดงความยินดีด้วย” เฉินซีผสานกำปั้นของเขาไปที่ซูชิงเยียนจากระยะไกลในขณะที่เขากล่าวผ่านกระแสปราณ
ซูชิงเยียนยิ้มตอบ ในขณะที่ความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงามของนาง เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวพึงพอใจอย่างมากที่สามารถเข้าสู่ตำหนักสำนึกสวรรค์ได้
ทั้งเจ็ดคนก้าวออกมาจากฝูงชนเพื่อมายืนเคียงข้างหญิงงามที่สวมชุดชาววัง จากนั้นพวกนางก็คำนับ ก่อนจะไปยืนอยู่ที่ด้านข้าง
สาวงามในชุดชาววังคนนี้คือ เยว่อิงเสียจากตำหนักสำนึกสวรรค์ และนางก็เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นผู้บ่มเพาะสตรีเพียงคนเดียวในบรรดาคณะทูตที่มา ทำให้นางโดดเด่นเป็นอย่างมาก
“หลี่เซียวอวิ๋นและหลี่เยว่หงแห่งราชวงศ์ต้าถัง… พวกเจ้าเจ็ดคนได้รับเลือกเป็นศิษย์ของนิกายเซียนหยกนภา” เฟิงเสวียนจื่อประกาศอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...