บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 551

บทที่ 551 เผชิญกับการยั่วยุอย่างกะทันหัน

บทที่ 551 เผชิญกับการยั่วยุอย่างกะทันหัน

ยอดเขาสัประยุทธ์มีรูปร่างที่ตระหง่านอลังการราวกับมังกรที่ขดตัวเป็นชั้น ๆ และมันก็เหมือนกับยอดเขาที่นำไปสู่สวรรค์

วิปลาสหลิ่วตำหนิชายหนุ่มผมเขียวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพาเขาและเฉินซีเดินต่อไปที่ยอดเขา

ในระหว่างทาง เฉินซีก็ทราบว่าชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่าชิงอวี่และเขามาจากเผ่าวิหคเพลิงนภา ซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์บรรพกาล เขาสืบเชื้อสายมาจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์วิหคเพลิงนภา และเป็นหนึ่งในศิษย์ของวิปลาสหลิ่ว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชิงอวี่เป็นผู้บ่มเพาะอสูรที่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์มาก

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีนึกถึงปี้หลิงอวิ้น หญิงสาวคนนั้นก็เป็นทายาทของกระเรียนโลกันตร์ ซึ่งเป็นสัตว์อสูรที่ไม่มีใครเทียบได้ และเขาสงสัยว่านางมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งกับเผ่ากระเรียนโลกันตร์ในบรรดาเผ่าพันธุ์บรรพกาลหรือไม่

ชิงอวี่นั้นมีนิสัยที่อ่อนโยนมากและขี้อายเล็กน้อยเหมือนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทว่าเขามั่นใจว่าคนผู้นี้เป็นผู้ชาย แต่รูปลักษณ์ภายนอกของชิงอวี่นั้นหล่อเหลาและอารมณ์ดีเกินไป ทำให้เขาดูอ่อนแอเหมือนผู้หญิง

ในทางกลับกัน หลังจากที่ชิงอวี่รู้ว่าเฉินซีมาจากสมรภูมิบรรพกาล เขาก็รู้สึกชื่นชมในใจขึ้นมาทันที เพราะเขารู้ดีว่า การที่ศิษย์ของราชวงศ์ระดับกลางจะข้ามผ่านโลกเล็ก ๆ และมาถึงแดนภวังค์ทมิฬได้นั้นลำบากยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง

ผ่านไปไม่นาน วิปลาสหลิ่วก็พาทั้งสองคนมาถึงยอดเขา

ยอดเขาแห่งนี้มีตำหนักที่กว้างใหญ่ สูงส่งและเก่าแก่ ชายคาของมันถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองดวงเล็ก ๆ ซึ่งดูราวกับว่ามันจะตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล ทำให้มันมีกลิ่นอายโบราณและเก่าแก่

สายหมอกล่องลอยในขณะที่ทะเลเมฆเคลื่อนคล้อย ภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ นกยูงห้าสีกางหางที่เปล่งแสงงามล้ำค่าของมัน ในขณะที่อีกาทองคำสามขาก็ทะยานผ่านท้องฟ้าราวกับพระอาทิตย์ที่ส่องแสงให้ตำหนักแห่งนี้ดูเหมือนกับตำหนักเซียน

นอกจากนั้น หมอกก็ม้วนตัวอยู่ที่ด้านหน้าของตำหนักซึ่งมีแท่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ แท่นนั้นเรียบสนิท โปร่งแสงและเรืองไปด้วยแสง มันดูเหมือนเป็นลานกว้างที่สามารถจุคนได้มากกว่าหมื่นคน

“ศิษย์พี่ใหญ่หลิ่ว ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” เมื่อกลุ่มของเฉินซีได้มาถึงที่เบื้องหน้าแท่นซึ่งดูจะทำขึ้นมาจากหยก เสียงหัวเราะก็ดังกังวานมาจากระยะไกล

หลังจากนั้น เฉินซีก็เห็นโต๊ะหยกจำนวนมากถูกตั้งเป็นแถวอยู่บนแท่นนี้ ซึ่งมีคนกว่าสิบคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ที่ด้านหลังของพวกเขาก็มีชายหนุ่มและหญิงสาวยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเคารพ

แม้ว่าผู้คนกว่าสิบกว่าคนจะนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นและยับยั้งกลิ่นอายของพวกเขา แต่คนเหล่านี้กลับดูเหมือนกับพระอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ ที่เปล่งแสงเจิดจ้าแห่งสวรรค์ออกมา ซึ่งกลิ่นอายของพวกเขาก็สามารถสั่นสะเทือนฟ้าดินได้

เมื่อมองจากระยะไกล พวกเขาเหมือนเทพเจ้าที่มีชีวิต คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุดเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พร่ามัวและสว่างไสวซึ่งสาดส่องทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง

สายตาของชายหนุ่มได้กวาดผ่านผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก่อนจะถอนสายตาอย่างรวดเร็ว และรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ เพราะกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากคนเหล่านี้ดูเหมือนเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวราวกับวิญญาณของเขากำลังจะถูกกลืนกินจากการประเมินพวกเขาด้วยสายตาเพียงชั่วครู่

นอกจากนั้น ชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ก็มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามอย่างยิ่งและมีจิตวิญญาณที่สูงส่ง ความแข็งแกร่งของพวกเขาน่าจะอยู่ที่ขอบเขตจุติระดับห้า

เฉินซีรู้สึกกดดันเล็กน้อยจากกลิ่นอายที่บางคนได้เผยออกมา

โดยเฉพาะหญิงสาวรูปหล่อที่สวมชุดขนนกและสวมมงกุฎสีดำ กลิ่นอายของนางแข็งแกร่งกว่าเฟิงเจี้ยนไป๋!

“ดูเหมือนว่าข้ายังคงมองอัจฉริยะจากมุมมองเดิมเหมือนเมื่อก่อน อันที่จริง อัจฉริยะเหล่านั้นได้กลายเป็นคนไร้ค่าไปแล้วเมื่อมาถึงแดนภวังค์ทมิฬ” เฉินซีลอบทอดถอนหายใจ “อัจฉริยะเอ๋ย อัจฉริยะที่ฟ้าประทานลงมา แต่นี่คือแดนภวังค์ทมิฬที่ครอบครองมหาเต๋าและให้กำเนิดบุคคลที่โดดเด่น คนเหล่านี้ล้วนไม่ธรรมดา เนื่องจากพวกเขาถือกำเนิดท่ามกลางปราณวิญญาณของแดนภวังค์ทมิฬ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจประเมินเหล่าวีรบุรุษของโลกนี้ต่ำไปได้เลย”

“พี่เฉิน คนเหล่านี้คือผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้า และเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ พวกท่านเพิ่งกลับมาจากที่อื่น ส่วนชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง ก็ผ่านการทดสอบมากมายเช่นเดียวกับท่านและกำลังจะได้รับการยอมรับเพื่อเข้าร่วมกับนิกาย” ชิงอวี่แนะนำเฉินซีผ่านกระแสปราณจากด้านข้าง

“เป็นเช่นนี้เอง” เฉินซีพยักหน้ากับตัวเอง

เท่าที่เขาทราบมา นอกจากยอดเขาสัประยุทธ์แล้ว ยังมียอดเขาอีกแปดแห่ง อันได้แก่ ยอดเขาจรัสตะวันออก ยอดเขาจรัสตะวันตก ยอดเขาจรัสใต้ ยอดเขาจรัสเหนือ ยอดเขาจรัสสวรรค์ ยอดเขาจรัสปฐพี ยอดเขาจรัสเทวะและยอดเขาจรัสสสาร

ยอดเขาจรัสทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นสถานที่ที่ศิษย์ชั้นสูงบ่มเพาะ ยอดเขาแต่ละแห่งจะมีผู้อาวุโสที่ดำรงตำแหน่งปรมาจารย์ซึ่งรับผิดชอบในการถ่ายทอดความรู้

ยอดเขาจรัสสวรรค์และยอดเขาจรัสปฐพี เป็นสถานที่บ่มเพาะสำหรับศิษย์สายในและศิษย์สายนอกตามลำดับ ซึ่งมีผู้อาวุโสของศิษย์สายในและศิษย์สายนอกจำนวนมากอยู่ที่นั่น

ยอดเขาจรัสเทวะเป็นเขตหวงห้ามของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซึ่งมีผู้อาวุโสเก่าแก่ปลีกตัวอาศัยอยู่ในยอดเขาแห่งนี้อย่างสันโดษ ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติ จะไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปยังยอดเขานั้น

ส่วนยอดเขาจรัสสสารก็เป็นสถานที่ซึ่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้จัดเก็บสมบัติเอาไว้ อีกทั้งยังมีหอหมื่นคัมภีร์ ศาลาขุมทรัพย์ สวนสมุนไพรวิญญาณและอื่น ๆ กระจายออกไป ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่สำคัญของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเช่นกัน

ศิษย์ที่วิปลาสหลิ่วพาตัวกลับมายังนิกายเช่นเดียวกับเขานั้น สามารถกลายเป็นศิษย์ชั้นสูงได้โดยตรงและจะฝึกฝนอยู่ในหนึ่งในยอดเขาทั้งสี่ทิศ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการเป็นศิษย์สายนอกและศิษย์สายใน

แต่เท่าที่เฉินซีทราบมา ยังมีศิษย์ชั้นยอดที่อยู่เหนือศิษย์ชั้นสูง ศิษย์เหล่านี้ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีฝีมือร้ายกายซึ่งสามารถทำให้โลกทั้งใบต้องปั่นป่วน และฐานะของพวกเขาก็เหนือกว่าผู้อาวุโสบางคนเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นสถานที่บ่มเพาะของพวกเขาจึงถูกสร้างขึ้นในบริเวณโดยรอบของยอดเขาจรัสเทวะ ซึ่งเป็นสถานที่บ่มเพาะอันเงียบสงบของผู้อาวุโสเก่าแก่ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าฐานะของพวกเขาสูงส่งถึงเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]