บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 557

บทที่ 557 ไม่ว่าใครก็ห้ามหนี

บทที่ 557 ไม่ว่าใครก็ห้ามหนี

เสียงโพล่งที่ดังก้องขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่แยแส อีกทั้งยังเผยให้เห็นเจตนาฆ่าอย่างไม่ปิดบัง จึงทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“ใครกัน?”

“หรือว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่นในยอดเขาจรัสตะวันตกนอกจากพวกลาโง่ทั้งหกคนนี้?”

ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างกำยำผมสีแดงเข้มและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เสียงนี้ไม่คุ้นเคยสำหรับพวกเขา และดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตกเสียด้วย!

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาก็ยืนอยู่ที่ตรงหน้าของชายหนุ่ม

คนที่เป็นผู้นำมีใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาลึกล้ำ ท่าทางเคร่งขรึม รูปร่างสูงใหญ่ และมีท่าทางที่ไม่ธรรมดา ย่อมไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินซี ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างเขาย่อมคือชิงอวี่อย่างแน่นอน

“ศิษย์น้องชิงอวี่หรือ?” ชายหนุ่มคนเดิมตกตะลึงเมื่อเขาจำชิงอวี่ได้ จากนั้นเจ้าตัวก็หัวเราะอย่างขมขื่นและมีสีหน้าหม่นหมองอีกครั้ง เป็นเพราะรู้ตัวดีว่า ต่อให้ชิงอวี่รุดมาช่วยเหลือ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไอ้สารเลวพวกนี้ตั้งใจจะยึดสระชำระกระบี่หรือ?” ชิงอวี่โกรธจัดจนกัดฟันพูด

“ลืมมันไปเสีย หากเราไม่สามารถทำอะไรกับพวกมันได้จริง ๆ …เช่นนั้นเราก็มอบให้กับพวกมันไปเถอะ” ชายหนุ่มส่ายหัวด้วยความสลดใจและผิดหวังเป็นอย่างมาก

“ศิษย์พี่ โปรดสงบสติอารมณ์ ปล่อยเรื่องนี้ให้ศิษย์น้องของท่านจัดการเถอะ” เฉินซีโพล่งขึ้น พร้อมกับยิ้มให้กับชายหนุ่มคนนั้นและคนอื่น ๆ หลังจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าในขณะที่รอยยิ้มก็เลือนหายไปและเบนสายตาไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาเย็นชา

“ศิษย์น้องชิง คนผู้นี้คือใครกัน?” ชายหนุ่มกำยำและคนอื่น ๆ ตกตะลึงที่ถูกเฉินซีเรียกว่าศิษย์พี่ จึงทำให้พวกเขางุนงงเป็นอย่างมาก

“ศิษย์พี่ใหญ่ เขาคือ…” ชิงอวี่รีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดของเฉินซีผ่านกระแสปราณให้แก่ชายหนุ่มกำยำและคนอื่น ๆ รับรู้

เมื่อเห็นคนที่มาถึงคือชิงอวี่กับชายหนุ่มแปลกหน้า ชายหนุ่มชุดม่วงและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกทันที จากนั้นรอยยิ้มเย็นชาก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของพวกเขาอีกครั้ง

ในฐานะศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า ชิงอวี่เป็นเพียงเศษขยะขี้ขลาด และการมาถึงของคนผู้นี้ก็ไม่สามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสถานการณ์นี้ได้

ส่วนชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างชิงอวี่นั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในเมื่อเป็นสหายกับเศษขยะอย่างชิงอวี่ แล้วคนผู้นี้จะแข็งแกร่งได้อย่างไร? ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกังวล

“หึ! ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าศิษย์น้องชิงอวี่ผู้ไม่เคยตอบโต้กลับ ดันคิดจะสอดมือช่วยเหลือเช่นนี้? ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากนัก” ชายหนุ่มคนนั้นกำลังประเมินเฉินซีด้วยสายตา ก่อนที่ดวงตาอันแคบและยาวของเขาจะเผยให้เห็นถึงความรังเกียจ และกล่าวเย้ยหยันว่า “ดูเหมือนจะคนผู้นี้จะไม่ใช่ศิษย์ชั้นสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเรา ศิษย์น้องชิงอวี่ หรือว่าเจ้าไปพาเขามาจากบรรดาศิษย์สายในใช่หรือไม่?”

“ศิษย์สายใน? ศิษย์น้องชิงอวี่ช่างมีสหายมากมายเสียจริง ๆ” คนอื่น ๆ ต่างหัวเราะเยาะเย้ยถากถาง

“เอาล่ะ เพียงเพราะคำว่า ‘ศิษย์สายใน’ เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยแขนหนึ่งข้าง” เฉินซีกล่าวอย่างใจเย็น เขาสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่คนคนนี้ได้กลั่นแกล้งศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่น ๆ จึงทำให้เจตนาฆ่าในหัวใจของชายหนุ่มพวยพุ่งขึ้นมา

“ช่างเป็นน้ำเสียงที่ดูสูงส่งยิ่งใหญ่เสียจริง! นี่เจ้าไม่กลัวถูกข้าตัดลิ้นทิ้งหรือไร?!” ชายหนุ่มชุดม่วงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าสะพรึงกลัว “ไอ้หนู ประกาศชื่อออกมาซะ ข้าตงฉี่ไม่ฆ่าคนที่ไร้นาม!”

ตงฉี่ไม่ใช่คนโง่เขลา และการที่เขากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อเสาะหาที่มาของเฉินซี เพราะเมื่อคนคนนี้เผชิญหน้ากับเขาและคนอื่น ๆ เพียงลำพัง แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายยังคงนิ่งสงบและไม่แยแส ซึ่งดูผิดปกติเป็นอย่างมาก

“สารเลวอย่างเจ้าไม่มีค่าพอที่จะรู้ชื่อของข้าหรอก!” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมย

“บังอาจ! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย! นี่เจ้ากล้าดูหมิ่นศิษย์พี่ใหญ่ตงฉี่หรือ!”

“ไอ้หนู เจ้ากล้ากล่าววาจาสามหาวรึ!”

“จงก้มหัวคุกเข่าและรีบขอขมาซะ แล้วครั้งนี้พวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า!”

เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังตงฉี่ ล้วนตวาดสาปแช่งอย่างต่อเนื่องและกระเหี้ยนกระหือรือที่จะลงมือ

“พอได้แล้ว” ใบหน้าของชายหนุ่มถมึงทึง ในขณะที่ความโกรธวูบวาบภายในดวงตาของเขา จากนั้นเจ้าตัวก็สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับเปลวไฟที่อยู่ในใจ ก่อนจะกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า “แล้วกันไปเถอะ จากรูปลักษณ์ที่ไม่คุ้นตาของเจ้า เจ้าน่าจะเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในนิกาย ดังนั้นผู้ไม่รู้จึงไม่ผิดและข้าจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่เจ้า จงจากไปตอนนี้ซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีเกิดอะไรขึ้น มิฉะนั้น…”

“มิฉะนั้น แล้วจะทำไมหรือ?” ท่าทางของเฉินซีไม่แยแสและเอ่ยถามโดยไม่ลังเล

“เจ้าดูจะอยากแส่หาเรื่องเจ็บตัวใช่หรือไม่?” สีหน้าของตงฉี่มืดมนเป็นอย่างมาก “ข้าจะกล่าวอีกครั้งเดียว นี่เป็นเรื่องระหว่างเรากับศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตก หากเจ้าคิดสอดมือเข้ามา ก็จงระวังชีวิตของตัวเองให้ดีล่ะกัน!”

“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไป อันที่จริง ข้าก็เป็นศิษย์ของยอดเขาจรัสตะวันตกเช่นกัน” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมยอย่างมาก จากนั้นเขาก็กวาดสายตาไปทางตงฉี่และคนอื่น ๆ “ตอนนี้ ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าทุกคนได้จากไป ถ้าพวกเจ้าคุกเข่าลงขอขมาในตอนนี้ซะ หรือว่าอยากให้ข้าต้องลงมือเอง ถ้าถึงตอนนั้น ข้ามิอาจรับได้ประกันว่าจะเผลอฆ่าพวกเจ้าหรือไม่..”

“ช่างยโสโอหังเสียจริง! เจ้าคิดว่าตัวเป็นใคร เหตุใดข้าถึงต้องกล่าววาจาไร้สาระไปมากมาย!” ตงฉี่ไม่อาจยับยั้งความโกรธในใจได้อีกต่อไป เขาหัวเราะอย่างน่ากลัว ก่อนจะชี้นิ้วออกไปทันที

ฟิ้ว!

ปราณกระบี่ทองคำอันคมกริบได้พุ่งจากนิ้วมือของเขาและโจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายโดยตรง

ปราณกระบี่สายนี้มีความยาวหลายสิบฉื่อ กว้างขวางดุจประตู อีกทั้งยังแฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งโลหะที่ดุร้ายและเฉียบคม ซึ่งปล่อยกลิ่นอายที่จะทะลวงและสังหารสรรพสิ่งด้วยพลังทั้งหมดออกมา

นี่คือปราณกระบี่บงกชทองคำ ซึ่งเป็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่สมบูรณ์แบบของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง หากผู้ใดได้บ่มเพาะปราณกระบี่นี้ คนผู้นั้นก็ไม่จำเป็นมีสมบัติวิเศษใด ๆ เพียงซัดปราณกระบี่ออกไปเบา ๆ พลังทำลายล้างของมันก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่ากระบี่บินที่เป็นสมบัติวิเศษเสียด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]