บทที่ 589 บาปหนา
บทที่ 589 บาปหนา
ผู้มาแจ้งข่าวแต่งกายด้วยชุดสีแดงเพลิง มีรูปโฉมที่บริสุทธิ์ ดูอ่อนเยาว์และงดงาม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา รูปร่างของนางสูงโปร่ง ในขณะที่เอวก็คอดกิ่ว ผิวของนางขาวดุจหิมะและผลึกที่ใสกระจ่าง นางคืออันเคอแห่งยอดเขาจรัสเหนือ
หลังจากเหลือบไปเห็นเฉินซี นางก็กล่าวด้วยความรีบร้อนว่า “ข้าเพิ่งไปรับภารกิจที่โถงภารกิจสวรรค์มา และได้ยินจากศิษย์พี่คนอื่น ๆ ว่าศิษย์น้องชิงอวี่ติดอยู่ในเทือกเขาเทพเจ้าไก่ฟ้าแห่งแคว้นสือ ผู้อาวุโสโม่อวี้ขอให้ข้าแจ้งให้เจ้ารีบรุดไปช่วยเขา เพราะหากเจ้าไปไม่ทัน เกรงว่าศิษย์น้องชิงอวี่จะพบกับคราเคราะห์เป็นแน่”
“หืม? หรือนิกายไม่คิดที่จะจะลงมือใด ๆ ในเมื่อศิษย์กำลังเผชิญกับปัญหา?” เฉินซีขมวดคิ้ว และเขาก็กังวลมากเช่นกัน เนื่องจากหลิงไป๋ได้ร่วมเดินทางไปกับชิงอวี่ แต่เขากลับไม่สามารถฝ่าวงล้อมศัตรูด้วยความสามารถที่มีได้ ดังนั้นศัตรูจะน่ากลัวเพียงใด?
“นี่คือภารกิจทดสอบของนิกาย และผลที่ตามมาทั้งหมดจะต้องแบกรับด้วยตัวเอง แม้ว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองของเราจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์อยู่มากมาย แต่ก็ไม่สามารถดูแลความปลอดภัยของศิษย์ทุกคนได้” อันเคอรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกล่าวถึงว่าความยากของภารกิจทดสอบนั้นไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญ ดังนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์นิกายเรา จึงแทบหายากที่ใครสักคนจะประสบกับอันตราย และการที่ศิษย์น้องชิงอวี่ถูกกักขังนั้น อาจกล่าวได้ว่าหายากมาก…”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเขาก็ตัดสินใจที่จะไปช่วยเหลือด้วยตัวเองทันที
เขาหันกลับมาและสั่งมู่ขุยว่า “มู่ขุย เจ้ารั้งอยู่ที่ยอดเขาจรัสตะวันตก หากใครกล้ารุกรานที่นี่ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าก็ลงมือได้ตามสบายและสามารถฆ่าได้ทันทีที่เห็น!”
“นายท่านโปรดวางใจ ปล่อยให้ยอดเขาจรัสตะวันตกเป็นที่หน้าที่ของข้าเถิด” มู่ขุยรับคำอย่างเคร่งขรึม ในขณะนี้ เขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า สถานการณ์นั้นคับขันเพียงใด และยอดเขาจรัสตะวันตกจะขาดคนคอยปกป้องไม่ได้ ในเมื่อเฉินซีออกไปช่วยชิงอวี่ เขาจึงต้องอยู่ข้างหลังและปกป้องยอดเขาจรัสตะวันตกแทน
เฉินซีพยักหน้าก่อนที่จะกล่าวกับหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ว่า“ศิษย์พี่ทุกท่านโปรดทำใจให้สงบและพักอยู่ที่ยอดเขาจรัสตะวันตกเถิด พวกท่านอย่าได้กังวล ข้าจะพาศิษย์น้องชิงอวี่กลับมาอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน”
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องระวังด้วย” หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ เร่งเร้า
เฉินซียิ้มและกล่าวว่า “อย่าได้กังวล เมื่อหลิงไป๋อยู่ที่นั่นด้วย ศิษย์พี่ชิงอวี่ก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายถึงชีวิต”
“ศิษย์น้องเฉินซี นี่คือรายละเอียดของภารกิจที่ศิษย์น้องชิงอวี่ได้รับ บางทีมันอาจจะมีประโยชน์กับเจ้า” อันเคอกล่าวพร้อมกับพลิกมือที่บอบบอบของนาง ทำให้แผ่นหยกปรากฏขึ้น จากนั้นนางก็ส่งต่อให้เฉินซีและกล่าวอย่างหมดหนทางว่า “การทดสอบแห่งยอดเขาจรัสกำลังจะเริ่มขึ้น ท่านอาจารย์ข้าได้ห้ามศิษย์ของยอดเขาจรัสเหนือออกจากนิกาย ดังนั้นครานี้ข้าคงไม่สามารถไปช่วยศิษย์น้องชิงอวี่กับเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มากเข้าไว้”
เฉินซีรับแผ่นหยกและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ขอบคุณศิษย์พี่หญิง”
“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เร็วเข้า! ใครขอให้อาจารย์หลิ่วฝากข้าดูแลเจ้าก่อนที่ท่านจะจากไปล่ะ” อันเคอกล่าวด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
เฉินซียิ้มก่อนที่จะทะยานเพื่อออกจากยอดเขาจรัสตะวันตกทันที
…
“เจ้าเด็กนั่นออกไปแล้วหรือ?”
ภายในศาลาคลังดาราอันโอ่อ่าและว่างเปล่าบนยอดเขาจรัสตะวันออก เยว่ฉือลุกพรวดจากที่นั่งและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เรียนท่านอาจารย์ เป็นความจริงที่เขาได้จากไปแล้วขอรับ” ศิษย์คนหนึ่งกล่าวด้วยความเคารพจากข้างนอกศาลา
“ดีมาก เจ้าทำได้ดีมาก จงออกไปได้แล้ว” ไม่นานหลังจากที่ศิษย์คนนั้นออกไป เยว่ฉือหายใจเข้าลึกและพึมพำว่า “ปิงซื่อเทียน โอ้ ปิงซื่อเทียน! ข้ามอบโอกาสให้เจ้าแล้ว และต่อไป… ก็สุดแล้วแต่เจ้าว่าจะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่!”
…
แคว้นสือ เป็นอาณาจักรขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับบริเวณรอบนอกของเทือกเขากระบี่เก้าเรืองรอง
แต่แม้ว่าจะเป็นบริเวณรอบนอก แต่ก็อยู่ห่างจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเป็นระยะทางทั้งหมดสองล้านห้าแสนลี้ และหากใครเดินเท้าเพื่อไปที่นั่น ก็คงจำต้องใช้เวลากว่าสองสามปีเพื่อไปถึงที่หมาย
แม้ว่าเฉินซีจะมีความเร็วของปีกนภาดารกะ แต่เขาก็ต้องบินอย่างเต็มกำลังถึงสี่หรือห้าวันโดยที่ไม่ได้กินหรือดื่ม
แต่นับว่าโชคดีที่นี่ไม่เหมือนกับโลกใบเล็ก มันมีค่ายกลเคลื่อนย้ายจำนวนมากอยู่ในแดนภวังค์ทมิฬ และตราบใดที่มีปราณวิญญาณเพียงพอ มันก็สามารถทำให้คนคนหนึ่งสามารถข้ามระยะทางสองล้านห้าแสนลี้ได้ทันที
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสิบนิกายเซียนอันยิ่งใหญ่ นิกายกระบี่เก้าเรืองรองย่อมมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นำไปสู่แคว้นสือโดยตรงอยู่เช่นกัน
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ เฉินซีก็ยืนอยู่บนจัตุรัสขนาดใหญ่ข้างนอกแคว้นสือ
มีผู้คนชุกชุมพลุกพล่านอยู่ในจัตุรัส ผู้บ่มเพาะจำนวนมากกำลังเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย ในขณะที่หลายคนกำลังเดินออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย และดูเหมือนว่าที่แห่งนี้จะคึกคักเป็นพิเศษ
นับตั้งแต่มาถึงแดนภวังค์ทมิฬ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซีได้ออกมาข้างนอก และทุกที่ที่ดวงตาของเขามองเห็นคือร่างที่หลากหลายซึ่งมีวิธีการแต่งตัวที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง มีทั้งอสูรทุกขนาดและรูปร่างหรือสมาชิกของเผ่าอื่น ๆ ที่มีกลิ่นอายหลากหลาย พวกเขาทั้งหมดต่างมาและไปที่จัตุรัส ทำให้ภาพที่เห็นนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
มันถึงขั้นที่เขาได้เห็นพยัคฆ์ดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบและมีขนสีเงินเป็นประกาย กำลังนั่งอยู่ภายในรถม้าสมบัติอย่างเกียจคร้าน ขณะที่สาวใช้แสนสวยคอยป้อนอาหารและเครื่องดื่มให้แก่เขา หรือแม้แต่ข้ารับใช้ที่กำลังลากรถม้าก็ยังเป็นกลุ่มหญิงสาวชาวมนุษย์ที่สวยงามอย่างแท้จริง!
“นับตั้งแต่สมัยโบราณ แดนภวังค์ทมิฬมีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องจำนวนเผ่าพันธุ์ที่มีนับไม่ถ้วนดุจต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ในป่าใหญ่และมีผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายราวกับมวลเมฆบนท้องฟ้า ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะคู่ควรกับคำร่ำลือนี้อย่างแท้จริง…” เฉินซีถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
อันที่จริง หากกล่าวตามตรงแล้ว เขารู้สึกรังเกียจที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกกดขี่ให้เป็นทาสรับใช้ของเผ่าพันธุ์อื่น เพราะเขารู้สึกว่าเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และมันก็ไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้วของผู้คนในบริเวณใกล้เคียง เขาก็เข้าใจทันทีว่าเหตุการณนี้อาจเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในแดนภวังค์ทมิฬ และชายหนุ่มไม่สามารถทำอะไรกับมันได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม
เฉินซีหรี่ตาลงโดยไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ อีกต่อไป ก่อนจะมองไปยังแคว้นสือที่อยู่ห่างไกลออกไป จากนั้นเขาก็เดินและมุ่งไปที่นั่น
…
แม้ว่าแคว้นสือจะเป็นแคว้นขนาดเล็ก แต่มันก็มีเมืองถึงสามร้อยหกสิบเมืองและครอบคลุมพื้นที่มากกว่าสี่ล้านลี้ มันมีภูเขาและทะเลสาบมากมาย ส่วนกองกำลังที่อยู่ภายในแคว้นสือส่วนใหญ่ก็เป็นนิกายชั้นสอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...