บทที่ 593 ข้าจะฆ่าอย่างไร้ความปรานี
บทที่ 593 ข้าจะฆ่าอย่างไร้ความปรานี
สีหน้าของอู่จือฉงไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง เป็นเพราะเขารู้สึกกังวลและสงสัย
เขาเรียกศิษย์ที่นำข่าวเข้ามาในโถงลับ ก่อนจะถามรายละเอียด และหลังจากที่ได้รับคำตอบ เจ้าตัวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนที่มานั้นเป็นเพียงชายหนุ่ม แม้ว่าจะมาจากนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง แต่ตราบใดที่ไม่ใช่บุคคลระดับสูงของนิกาย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกสถานการณ์
“ศิษย์อีกคนของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองหรือ?” อิ่นสยง อสูรไก่ฟ้าทมิฬลำดับที่สองที่อยู่ใกล้เคียงโพล่งขึ้นมา และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยแสงแปลกประหลาด
อสูรตัวอื่น ๆ ก็มีท่าทางแปลก ๆ เช่นกัน และยากที่จะคาดเดาว่าพวกมันกำลังคิดอะไรอยู่
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่! หรือว่าพวกเจ้าก็คิดจะกินเขาเช่นกัน!?” สีหน้าของอู่จือฉงหม่นหมองลงทันที และมันไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็ตะคอกด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ข้าขอเตือนพวกเจ้าทุกคน หากพวกเจ้าได้ทำลายเรื่องสำคัญของนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ไม่ต้องกล่าวถึงตัวข้า แต่พวกเจ้าทุกคนก็อย่าหวังว่าจะสามารถหลบหนีได้เช่นกัน!”
“ถ้าเช่นนั้น ประมุขนิกายอู่ตั้งใจจะทำอย่างไร? ศัตรูมาถึงประตูหน้าบ้านของเจ้าแล้ว แต่เจ้าจะนั่งอยู่ที่นี่อย่างหมดหนทางและรอให้ความตายมาถึงหรือ?” อิ่นสยงหัวเราะอย่างเศร้าสร้อยและกล่าวอย่างไม่เร่งรีบว่า “พวกเราพี่น้องจะช่วยเจ้าทำลายศัตรูตัวฉกาจนี้เอง เจ้าอย่าได้กังวล ไม่ต้องกล่าวถึงนิกายวิถีกระแสสวรรค์ แม้ว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองจะมาแก้แค้น แต่พวกเราพี่น้องก็จะจัดการเอง เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
“เจ้า…” หน้าอกของอู่จือฉงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเขารู้เกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองกำลังจัดการอยู่ตอนนี้ดียิ่งกว่าใคร ๆ
เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้รับข้อความแผ่นหยกจากบุคคลสำคัญในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้รับคำสั่งจากนิกายวิถีกระแสสวรรค์ ซึ่งทั้งสองขอให้เขาจับตัวศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่ชื่อชิงอวี่ ก่อนจะใช้คนคนนี้เป็นตัวประกันเพื่อจัดการกับชายหนุ่มที่ชื่อเฉินซี
ซึ่งตอนนี้คนที่ชื่อชิงอวี่ก็ถูกจับตัวแล้ว แต่เขากลับถูกอสูรร้ายตรงหน้าจับกินไปแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้อู่จือฉงไม่รู้ว่าจะให้คำอธิบายแก่บุคคลสำคัญเหล่านั้นอย่างไร
เพราะอย่างไรแล้ว เขาก็เป็นเพียงประมุขนิกายของนิกายชั้นสองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนิกายวิถีกระแสสวรรค์หรือนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง การฆ่าตัวเขานั้นก็ง่ายดายยิ่งกว่าการบดขยี้หนอนแมลง
ดังนั้น เมื่อได้ยินผู้บ่มเพาะอสูรเหล่านี้ตีอกรับประกันว่า พวกมันจะแบกรับผลที่ตามมาทั้งหมด เขาจึงรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะลงโทษเขา แต่เขาสามารถกำจัดอสูรไก่ฟ้าทมิฬทั้งเจ็ดตัวได้ ใช่หรือไม่?
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ชายหนุ่มที่บุกเข้ามาในนิกายวายุม่วงของข้านั้นชื่ออะไร” ทันใดนั้น อู่จือฉงก็นึกถึงบางสิ่งได้ และเขาถามศิษย์ที่ยืนอย่างเคารพที่ด้านข้าง
“ศิษย์ไม่ทราบขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เรื่องนี้น่าแปลกนัก เหตุใดศิษย์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองคนนี้ ถึงไม่มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเทพเจ้าไก่ฟ้าเพื่อจัดการกับอสูรไก่ฟ้าทมิฬทั้งเจ็ด แต่กลับมายังอาณาเขตของนิกายวายุม่วงของข้าเพื่อสร้างปัญหาแทน”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… ชายหนุ่มคนนี้คงคาดเดาได้แล้วว่า เป็นข้าที่วางแผนจัดการกับชิงอวี่ซึ่งเป็นศิษย์ร่วมนิกายของเขา?”
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ หัวใจของอู่จือฉงก็พลันรู้สึกหนาวเย็น เพราะเขาดีรู้ว่า หากข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง นิกายวายุม่วงของเขาอาจถูกเปลวเพลิงแห่งโทสะของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองถาโถมเข้าใส่ได้…
ทันใดนั้น…
“ถ้าข้ายังไม่เห็นศิษย์พี่ชิงอวี่หลังจากผ่านไปสามชั่วยาม ก็จงรับผลที่ตามมาซะ!” เสียงที่ไม่แยแสเหมือนน้ำแข็งได้ดังผ่านแนวป้องกันอันหนาแน่นของโถงลับและลอดเข้าไปในนั้น
ใบหน้าของอู่จือฉงเคร่งขรึม “คนผู้นี้ช่างอวดดีเสียจริง ๆ! ในเมื่อกล้าทำเช่นนี้อยู่ในอาณาเขตนิกายวายุม่วงของข้า คนที่มาเยือนนั้นย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”
ครืนนนน!
ในเวลาเดียวกัน โถงลับก็สั่นสะท้านราวกับว่าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นกระแทกและเสียงดังกึกก้องก็แผ่ขยายออกไป
เสียงที่ว่าดังกึกก้องเหมือนค้อนขนาดใหญ่ทุบไปที่หัวใจของอู่จือฉง ทำให้เขาไม่สามารถระงับความโกรธและเกิดความสงสัยในใจขึ้น ‘ชายหนุ่มคนนั้นคือใครกันแน่? เขายโสโอหังอย่างแท้จริง! หรือว่าเขาเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง?’
“ประมุขนิกายอู่ เจ้ายังลังเลใจอยู่เพื่อสิ่งใด? ศัตรูมาถึงหน้าประตูบ้านของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่จัดการกับเขาในตอนนี้ หากข่าวแพร่กระจายออกไป มันจะสายเกินไป!”
“มาเถิด พวกเราพี่น้องจะลงมือพร้อมกันและจัดการกับหายนะในครั้งนี้เพื่อประมุขนิกายอู่เอง!”
เหล่าอสูรจากเทือกเขาเทพเจ้าไก่ฟ้าต่างยืนขึ้นทีละตัว จากนั้นพวกมันก็ชำเลืองมองกันและกัน ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มแปลก ๆ ขึ้นที่มุมปาก หลังจากนั้นพวกมันก็พุ่งตรงออกมาจากโถงลับและไม่สนใจว่าอู่จือฉงจะเห็นด้วยหรือไม่!
“ปล่อยให้ไอ้พวกบัดซบนี้ลงมือก็ดีเหมือนกัน ข้าจะให้พวกมันทดสอบฝีมือชายหนุ่มคนนั้นก่อน และถ้าพวกมันไร้ความสามารถจริง ๆ แล้วละก็…” อสูรทั้งห้าตนเพิ่งจะจากไป แต่ผู้เป็นประมุขนิกายกลับสงบลงและสำรวมขึ้นมาทันควัน ในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่เด็ดเดี่ยวยิ่ง
…
เฉินซียืนเอามือไพล่หลังอยู่ภายในนิกายวายุม่วงที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวตามสายลม ในขณะที่แผ่นหลังของเขายังคงตั้งตรงเหมือนหอก ถึงแม้ว่าจะอยู่คนเดียว แต่ชายหนุ่มก็คล้ายภูเขาที่สูงตระหง่านและยิ่งใหญ่ ซึ่งแผ่กลิ่นอายอันกดดันและไม่สั่นคลอนออกมา
เหล่าศิษย์ของนิกายวายุม่วงล้วนมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ ที่จู่ ๆ ก็บุกเข้ามาในนิกายของพวกเขาด้วยสายตาหวาดกลัว พวกเขาเงียบสนิทดั่งจักจั่นในฤดูหนาวและไม่มีใครกล้าออกมาเผชิญหน้ากับเฉินซี
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างแท้จริง เพียงแค่อีกฝ่ายยกมือ เขาก็ทำลายและบดขยี้อาคารของนิกายวายุม่วงไปส่วนหนึ่ง ฝีมือดังกล่าวได้เกินจินตนาการของพวกเขาไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นศิษย์นิกายวายุม่วงทั้งหลายจะกล้าล้อเล่นกับชีวิตของพวกเขาได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...