บทที่ 595 อสูรไก่ฟ้าทมิฬสายเลือดบริสุทธิ์
บทที่ 595 อสูรไก่ฟ้าทมิฬสายเลือดบริสุทธิ์
“นี่มันปราณกระบี่อันใดกัน?”
มันรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด ราวกับธารปราณกระบี่ที่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ทั้งกว้างใหญ่ รุนแรง เต็มไปด้วยพลังที่สั่นคลอนฟ้าดิน ทำให้มันสามารถบดขยี้ตะวัน จันทรา หรือแม้แต่หยินหยางได้!
ศาสตร์เต๋า …เคล็ดกระบี่ฝังวิญญาณบงการนภา!
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจและตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ที่นั่น อสูรสี่ตนที่ท่องไปมาอย่างอิสระเสรีอยู่นานหลายปี กลับถูกปราณกระบี่นี้ทำลายล้างโดยตรง และพวกมันก็สลายหายไปจากโลกใบนี้
“เต๋า… นี่มันศาสตร์เต๋า!?” เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึงจนกล่าวอะไรไม่ออก บางคนถึงกับตกใจจนริมฝีปากสั่นและฟันก็กระทบกันอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้เกิดเสียงกึก ๆ ที่ดังก้องท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด
ด้วยศาสตร์เต๋ามีอยู่ในกลุ่มกองกำลังที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น ไม่ต้องกล่าวถึงเมืองรอยจันทรา แม้ว่าทั่วแคว้นสือทั้งหมดก็ตาม พวกมันก็เป็นดั่งเขากิเลนและขนปักษาเพลิงที่หาได้ยากยิ่ง
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ศาสตร์เต๋าไม่เพียงแต่จะหายากเท่านั้น แต่ยังบ่มเพาะและทำความเข้าใจได้ยากด้วย ยกตนอย่างเช่น กองกำลังที่ไม่ธรรมดาอย่างนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง มีเพียงศิษย์ชั้นสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบรรลุศาสตร์เต๋าได้ ตนอย่างเช่น ตู้เซวียนซึ่งเป็นหนึ่งในห้าศิษย์ชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ก็เพิ่งบรรลุศาสตร์เต๋าเพียงเคล็ดเดียวในตอนนี้
แต่อานุภาพของศาสตร์เต๋านั้นไร้ข้อกังขา เพราะหากใครได้บรรลุศาสตร์เต๋าแล้ว มันก็จะสามารถข้ามขอบเขตเพื่อทำลายล้างศัตรูได้!
เพียงชั่วพริบตาเดียว สายตาของทุกคนที่จ้องมองไปที่เฉินซีก็เปลี่ยนไป การจ้องมองที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของพวกเขา มีร่องรอยของความเคารพที่ไม่อาจปกปิดได้ ในขณะที่ใจของพวกเขาดูเหมือนว่าจะยอมรับชายหนุ่มเป็นศิษย์ที่มาจากนิกายซึ่งไม่ธรรมดาไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เขาควรค่าแก่การเป็นศิษย์ชั้นสูงเสียด้วย!
เหตุผลนั้นง่ายดายมาก ชายหนุ่มที่สามารถบรรลุศาสตร์เต๋า และกวาดล้างอสูรห้าตนได้อย่างไม่ตึงมือนั้น จะต้องได้รับการส่งเสริมโดยกลุ่มนิกายที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น
เฉินซีเพิกเฉยต่อสายตาเหล่านี้โดยสิ้นเชิง การใช้เคล็ดกระบี่ฝังวิญญาณบงการนภาเพื่อทำลายล้างอสูรทั้งสี่ตนก่อนหน้านี้ ทำให้เขารู้สึกตกใจ เนื่องจากชายหนุ่มไม่เคยคิดเลย ว่าการใช้มันโจมตีเพียงครั้งเดียว กลับกินปราณแท้ไปถึงครึ่งหนึ่ง!
ในความเป็นจริงนั้น ยิ่งอานุภาพของศาสตร์เต๋าแข็งแกร่งมากเท่าใด อัตราการดูดกลืนปราณแท้ของมันจะมหาศาลยิ่งขึ้น และด้วยการบ่มเพาะที่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ของเขา หากเฉินซีไม่ได้พึ่งพาความช่วยเหลือจากโอสถเพื่อเติมเต็มปราณแท้ ชายหนุ่มจะใช้มันได้อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่สองสามครั้ง ก่อนที่ปราณแท้ของเขาจะเหือดแห้งจนหมดสิ้น
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเตรียมโอสถเพิ่มในภายหน้า…”
เฉินซีลอบถอนหายใจ แต่ทว่ามันก็ไม่น่าแปลกใจ ด้วยยิ่งฐานการบ่มเพาะสูงขึ้นเท่าใด การพัฒนาความแข็งแกร่งก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น เพราะเหตุนี้เอง อัตราการดูดกลืนเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะหยุดความก้าวหน้าของคนส่วนใหญ่ได้แล้ว
ฟุ่บ!
เพียงพริบตาต่อมา เฉินซีก็ได้มาถึงที่หน้าศพของชวีมู่ ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อคว้าแก่นวิญญาณของชวีมู่ และปิดผนึกมันเอาไว้ หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังอู่จือฉงที่อยู่ไกลออกไป ทันใดนั้น ความเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “อู่จือฉงหรือ?”
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ในตอนนี้ มีเพียงอู่จือฉงเท่านั้นที่เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ดังนั้นเฉินซีจึงคาดเดาได้ไม่ยากและสามารถยืนยันตนตนของคนผู้นี้ได้
“ใช่แล้ว” อู่จือฉงสูดลมหายใจเข้าลึก และระงับความตื่นตะหนกในใจอย่างเต็มที่ จากนั้นจึงกำหมัดแน่นและกล่าวว่า “ขออภัยที่ข้านั้นมีตาหามีแววไม่ แต่ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่าผู้กล้าน้อยมาจากนิกายใดกัน?”
“โอ้? นี่เจ้าไม่รู้ว่าข้ามาจากไหนหรือ?” สายตาของชายหนุ่มจดจ้องไปที่อีกฝ่ายราวกับใบมีดที่แหลมคม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงมาหาเจ้า?”
เสียงของเฉินซีแผ่วเบามาก
แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของอู่จือฉงกลับรู้สึกหนาวเยือก เพราะเขาสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันร้ายกาจที่อยู่ในน้ำเสียงของอีกฝ่าย!
“นี่…” อู่จือฉงจ้องไปที่เฉินซี และสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมา
“ข้ารู้ว่าศิษย์พี่ชิงอวี่ไม่ได้อยู่ที่นี่” เฉินซีกวาดสายตาไปยังบริเวณโดยรอบของนิกายวายุม่วง และก็ดูเหมือนจะมองเห็นความลับทั้งหมดของที่นี่แล้ว “แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้า ดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป หากเจ้าบอกว่าผู้ใดเป็นคนบงการให้เจ้ากระทำเช่นนี้ มิฉะนั้น วันนี้นิกายวายุม่วงทั้งหมดจะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า!”
สีหน้าของอู่จือฉงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เพราะเฉินซีผู้บรรลุศาสตร์เต๋าทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และเขาก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้กล่าวเกินจริง ประจวบกับมีนิกายที่น่าสะพรึงกลัวหนุนหลังเฉินซีอยู่ จึงทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าตนเองไม่มีโอกาสให้เลือกนัก
แต่หากเขาบอกทุกอย่างกับเฉินซี ตนเขาก็จะตกอยู่ในภาวะที่สิ้นหวังเช่นเดียวกัน เพราะเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับนิกายกระบี่เก้าเรืองรองเท่านั้น!
“ข้าควรทำอย่างไรดี?”
อู่จือฉงอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเป็นเพียงประมุขนิกายของนิกายชั้นสอง และเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเขาไม่อาจรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ที่นี่ได้ตลอด ดังนั้นถ้าเขาไม่เร่งตัดสินใจโดยเร็ว นับประสาอะไรกับตนเขา แม้แต่นิกายวายุม่วงก็ต้องเผชิญกับหายนะในอนาคต!
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ได้สมรู้ร่วมคิดกับอสูรไก่ฟ้าทมิฬทั้งเจ็ดเพื่อทำร้ายศิษย์ชั้นสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง การกระทำเช่นนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องตกอยู่หายนะไปชั่วนิรันดร์…
“จงบอกทุกอย่างแก่ข้า แล้วเจ้าจะได้จากไปอย่างมีชีวิต หากเจ้ายังดื้อดึงขัดขืน เจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้รอดชีวิต!” เสียงของเฉินซีเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่รัดคออูฐจนตาย และทำให้อู่จือฉงยอมจำนนในที่สุด
“นิกายวิถีกระแสสวรรค์ นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง…” เมื่อได้ทราบเรื่องราวทุกอย่างจากอู่จือฉง ดวงตาของเฉินซีพลันหรี่ลงและเย็นยะเยือก ราวกับพร้อมที่จะกลืนกินศัตรู!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจทุกอย่าง กลายเป็นว่าที่ศิษย์พี่ชิงอวี่ประสบคราวเคราะห์ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขา และชิงอวี่เป็นเพียงเหยื่อล่อเพื่อใช้ในการขู่เท่านั้น!
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่บงการทั้งหมดนี้ก็คือเยว่ฉือ ผู้เป็นปรมาจารย์สูงสุดของยอดเขาจรัสตะวันออกแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง โดยร่วมมือของนิกายวิถีกระแสสวรรค์!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เยว่ฉือได้ทำข้อตกลงกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในนิกายวิถีกระแสสวรรค์เพื่อจัดการกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...