บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 599

บทที่ 599 จิตต่อสู้อันลุกโชน

บทที่ 599 จิตต่อสู้อันลุกโชน

ชายหนุ่มผมสีแดงเข้มมีรูปร่างกำยำ ผิวขาวดุจหิมะ มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาและชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ความหยิ่งยโสและเอาแต่ใจที่ดูจะเกิดขึ้นมาพร้อมกับเขา ทำให้เขาดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก

เขาคือไป๋กังจากตระกูลไป๋ของเทือกเขาหนามม่วง!

ย้อนกลับไปที่ราชวงศ์ซ่งเมื่อหลายปีก่อน

พระราชวังข่ายดาราซึ่งเป็นหนึ่งในแปดกองกำลังของเมืองทะเลสาบมังกรของดินแดนทางใต้ ได้จับตัวซีซีผู้เป็นลูกสาวของไป๋หว่านฉิง และทำให้ไป๋หว่านฉิงขุ่นเคือง ซึ่งในท้ายที่สุด มันก็ทำให้นิกายของพวกเขาถูกทำลาย

ส่วนผู้ที่ลงมือในวันนั้นก็คือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่มีนามว่าไป๋เถิงและอีกคนก็คือไป๋กัง

เฉินซียังจำได้ว่า ในเวลานั้น พระราชวังข่ายดาราได้เปิดใช้ค่ายกลสังหารเซียนเก้าพระราชวังข่ายดารา โดยตั้งใจที่จะทำลายล้างไป๋หว่านฉิง ไป๋เถิง และไป๋กัง แต่ในที่สุด ไป๋เถิงได้นำสมบัติอมตะออกมาและสามารถพลิกสถานการณ์ได้โดยสิ้นเชิง ทำให้พระราชวังข่ายดาราถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้ พลังของเขาจึงไม่มีใครเทียบได้และน่าเกรงขามยิ่ง

นอกจากนี้ วันนั้นยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีลงมือ และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมบัติอมตะอย่างแท้จริง ทำให้มันทิ้งความประทับใจลึกล้ำไว้ในใจของเขา ดังนั้นเขาจะลืมชายหนุ่มผมแดงคนนี้ที่อยู่เคียงข้างไป๋เถิงในวันนั้นไปได้อย่างไร?

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปหลายปี เขาได้พัฒนาจากเด็กหนุ่มผู้อ่อนประสบการณ์ที่มีฐานการบ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลไปสู่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์และเป็นศิษย์ชั้นสูงของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองในปัจจุบัน เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างไป๋กังอีกครั้งในขณะนี้ เฉินซีก็รู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้และมันยังชัดเจนอยู่ในจิตใจของเขา

“นายท่าน เขาคือศิษย์ของตระกูลไป๋แห่งเทือกเขาหนามม่วง ซึ่งเพิ่งมาถึงยอดเขาจรัสตะวันตกเมื่อวานนี้ โดยบอกว่าตนเองเป็นสหายเก่าของท่าน และมีเรื่องบางอย่างที่จะคุยกับท่าน” มู่ขุยอธิบายผ่านการกระแสปราณจากด้านข้าง

“ข้าเข้าใจแล้ว” เฉินซีตอบกลับ ในขณะที่รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็กล่าวกับไป๋กังที่อยู่ห่างออกไปว่า “พี่ไป๋ ไม่พบกันเสียนานเลย”

เมื่อเห็นเฉินซีจำชายหนุ่มคนนี้ได้ หั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพวกเขาก็จากไปพร้อมกับชิงอวี่ เพราะพวกเขาต่างรู้เป็นอย่างดีว่า ชายคนนี้มาด้วยความตั้งใจที่จะพูดคุยบางอย่างกับเฉินซี จึงไม่เหมาะสำหรับพวกตนที่จะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“หากกล่าวด้วยความสัตย์จริงแล้ว ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ศิษย์ของราชวงศ์ซ่งเช่นเจ้าจะประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นในสมรภูมิบรรพกาล และเข้าร่วมนิกายนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจนกลายเป็นศิษย์ชั้นสูงได้” หลังจากที่ทุกคนจากไป ไป๋กังก็จ้องไปที่เฉินซีอยู่ชั่วครู่ และกล่าวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเสริมอีกว่า “ข้ายังจำได้ว่า ตอนที่เห็นเจ้าครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เจ้ายังอยู่ที่ขอบเขตตำหนักอินทนิลใช่หรือไม่”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกต้อง”

“ไม่แปลกใจเลยที่น้าเล็กจะเอ็นดูเจ้ามาก ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี แต่เจ้ากลับบรรลุไปสู่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์แล้ว เหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะมีแดนฮุ่นตุ้นและบรรลุขอบเขตสถิตกายา พรสวรรค์เช่นนี้หาได้ยากเสียจริง ๆ” ไป๋กังกล่าว ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ที่ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ เพราะได้รับมอบหมายจากน้าเล็ก ให้นำของบางสิ่งมาให้แก่เจ้า”

ขณะที่กล่าว แผ่นหยกก็ปรากฏขึ้นในมือของไป๋กัง

เฉินซีตะลึงงัน และความตื่นเต้นก็พรั่งพรูอยู่ในหัวใจของเขา

ส่วนน้าเล็กที่ไป๋กังกล่าวถึงนั้น ย่อมคือไป๋หว่านฉิง

เป็นเพราะไป๋หว่านฉิงที่ทำให้เฉินซีเดินทางเข้าสู่สมรภูมิบรรพกาล โดยไม่เกรงกลัวต่อความยากลำบากและมาถึงแดนภวังค์ทมิฬ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อพบกับไป๋หว่านฉิง และรับเบาะแสบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเขา

การที่บิดามารดาของเขาหายสาบสูญไปเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของชายหนุ่มมานานแล้ว ซึ่งการทดสอบและความยากลำบากหรือแม้แต่การต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนที่เขาได้ประสบจนมาถึงที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อการค้นหาที่อยู่บิดามารดาของเขา!

และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ติดค้างเฉพาะเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ติดค้างสำหรับน้องชายเขาและเป็นสิ่งที่ท่านปู่ของเขาไม่สามารถปล่อยวางได้ ก่อนที่จะจากไป!

“หากเจ้าอยากได้แผ่นหยกนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะสมควรได้รับมันหรือไม่” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กล่าวขึ้นมา และในขณะที่กล่าว ดวงตาของเขาพลันส่องประกายด้วยจิตต่อสู้อันลุกโชน “มาเถอะ แผ่นหยกนี้จะเป็นของเจ้า ตราบเท่าที่พลังของเจ้าสามารถสนองให้แก่ข้าได้ แต่ถ้าพ่ายแพ้ เจ้าก็ไม่คู่ควรที่จะรู้เนื้อหาของแผ่นหยกนี้ ดังนั้นเจ้าควรอยู่ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองอย่างเชื่อฟังและทุ่มเทบ่มเพาะให้ดีที่สุด!”

“นี่คือการทดสอบหรือ?” เฉินซีขมวดคิ้ว

“ถูกต้อง” ไป๋กังพยักหน้า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านน้าเล็กต้องถูกผลักไสและตำหนิไปมากมายแค่ไหน หลังจากที่นางกลับมาที่ตระกูลเพราะเจ้า? ทุกสิ่งที่นางทำลงไปก็เพียงเพื่อเจ้า! ถ้าเจ้าไม่มีพลังเลยแม้แต่น้อย แล้วเจ้ามีสิทธิ์ใดจึงจะได้รับแผ่นหยกนี้กัน?”

น้ำเสียงของเขามีร่องรอยของความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้ และดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดจากสถานการณ์ที่ไป๋หว่านฉิงกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ราวกับเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมและไม่คุ้มค่า…

เฉินซีสามารถรับรู้สิ่งนี้ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ลังเลและกล่าวว่า “ตกลง ข้ายอมรับ!”

ครืนน!

ในช่วงเวลาต่อมา พลังชีวิตในร่างกายทั้งหมดของชายหนุ่มก็พุ่งขึ้นราวกับกระแสน้ำ ในขณะที่จิตต่อสู้ก็พลุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเหมือนกับหินหลอมเหลวที่ลุกโชนไปทั่วร่างกายของเขา และมันกระตุ้นจนถึงจุดที่จิตใจเกิดสมาธิในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้

ในขณะนี้ เขาโหยหาการต่อสู้ และเขาจะทุ่มทุกสิ่งที่มีออกไปให้หมด!

“เยี่ยมมาก!” เมื่อเห็นจิตต่อสู้ของเฉินซี ดวงตาของไป๋กังพลันเป็นประกายและเขาก็คำรามด้วยเสียงหัวเราะ “ตอนนี้ข้าได้บรรลุขอบเขตสถิตกายาแล้ว แต่ข้าจะใช้ความแข็งแกร่งที่ขอบเขตจุติขั้นสมบูรณ์ในระหว่างที่ต่อสู้กับเจ้า ตราบใดที่เจ้าสามารถต้านทานกระบวนท่าของข้าได้ร้อยกระบวนท่า ข้าไม่เพียงแต่จะมอบแผ่นหยกให้แก่เจ้าเท่านั้น เมื่อเจ้ามาที่ตระกูลไป๋ในอนาคต ข้าจะอ้าแขนต้อนรับเจ้าอย่างแน่นอน!”

ในขณะที่ไป๋กังกล่าว จิตต่อสู้ของเขาก็ลุกโชน ในขณะที่ผมสีแดงเข้มของเขาปลิวไสวราวกับเปลวเพลิง และแผ่กลิ่นอายแห่งผู้ยิ่งใหญ่ที่สง่าผ่าเผยออกมา!

ฟุ่บ!

ในช่วงเวลาถัดมา ทั้งคู่พลันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะทั้งคู่ต่างรู้ว่าเมื่อพวกเขาต่อสู้ มันจะต้องส่งผลกระทบต่อยอดเขาจรัสตะวันตกอย่างแน่นอน

“เข้ามาเลย! ให้ข้าดูว่าความสามารถของเจ้านั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน!” ไป๋กังตะโกนเสียงดัง พร้อมกับพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วด้วยกลิ่นอายที่ดุร้ายและเอาแต่ใจ จากนั้นเขาก็ยกหมัดขึ้นและฟาดออกไป หมัดของเขามีกลิ่นอายที่รุนแรงและดังก้องพร้อมกับเต๋ารู้แจ้ง ในขณะที่มันซัดไปทางเฉินซี

การโจมตีในครั้งนี้รุนแรงเกินไป มันบดขยี้ความว่างเปล่า สลายชั้นเมฆ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทาน เพราะแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตสถิตกายาก็ไม่กล้าที่จะต้านทาน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]