บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 635

บทที่ 635 ถูกยั่วยุอีกครั้ง

บทที่ 635 ถูกยั่วยุอีกครั้ง

แม้ว่าเสียงที่ใสและนุ่มนวลของของเหลิงฉานเอ๋อร์จะแผ่วเบา แต่มันก็ลอดผ่านเข้าหูของทุกคนในห้องโถงอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะเมื่อทุกคนตระหนักได้ถึงความหมายของเบื้องหลังคำเหล่านี้ ทุกคนจึงแสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมา

“ฮ่า ฮ่า ช่างน่าสนใจยิ่งนัก นางกำลังบีบให้เฉินซีต้องล่าถอย!”

“สิ่งที่องค์หญิงเหลิงฉานเอ๋อร์กล่าวนั้นเป็นความจริง เพราะตัวตนของเฉินซีนั้นด้อยกว่าชิงซิ่วอี้มากเกินไป ซึ่งอันที่จริงองค์หญิงเหลิงฉานเอ๋อร์กล่าวถูกแล้ว นอกจากนี้ เขายังมีคู่ต่อสู้อย่างปิงซื่อเทียนซึ่งเป็นถึงเซียนสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงแทบไม่มีความหวังเลย หากข้าเป็นเขา ต่อให้ข้ารู้สึกไม่ยินยอมสักแค่ไหน ข้าก็คงได้แต่ต้องยอมเพื่อชีวิตของข้าเองและจะถอนตัวออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวแน่นอน”

“เฮ้อ ความรักนั้นทำร้ายผู้คนมากเหลือเกิน ท้ายที่สุด ข้าสงสัยว่าเฉินซีจะตัดสินใจเลือกแบบไหน เขาจะต่อสู้กับปิงซื่อเทียนจนพบกับจุดจบอันขมขื่น หรือเขาจะถอนตัวเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก?”

“ต่อสู้จนพบกับจุดจบอันขมขื่น? ฮึ่ม! มันไม่ต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระทบกับหิน เขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป!”

บางคนในห้องโถงรู้สึกยินดีกับความโชคร้ายของเฉินซี บางคนส่ายศีรษะและถอนหายใจ ในขณะที่บางคนก็หัวเราะเยาะเย้ยหรือแสดงท่าทีแตกต่างกันออกไป ซึ่งโดยรวมแล้วแทบไม่มีใครมองเฉินซีในแง่ดี

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิงซิ่วอี้หรือปิงซื่อเทียน ไม่ว่าตัวตน สถานะและความแข็งแกร่งของพวกเขา… ทุกอย่างนั้นเหนือกว่าเฉินซีเป็นอย่างมาก และช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นใหญ่โตเสียจนเหมือนกับหุบเหว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะหรืออาจทำสิ่งใดได้

นี่คือความเป็นจริง มันโหดร้าย เย็นชาจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์ที่ท้าทายสวรรค์ปรากฏขึ้น

หลังจากได้เห็นฉากนี้ ในที่สุดหลงเจิ้นเป่ยก็รู้สึกพอใจเล็กน้อย และความรู้สึกอันไม่อาจอธิบายด้วยถ้อยคำ ที่เหมือนกับมดตัวเล็ก ๆ ที่กำลังข่มขู่ด้วยท่าทางที่ดุร้าย มาตอนนี้พวกมันก็ถูกถอนเขี้ยวเล็บออกมา ทำให้มันดูน่าขบขันและน่าสมเพชยิ่งนัก

เฉินซีทำเป็นหูหนวกต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มาจากรอบข้าง ซึ่งหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเหลิงฉานเอ๋อร์ที่เป็นเหมือนใบมีดฟันเข้าที่หัวใจ ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงความโกรธหรือความหดหู่ใด ๆ อีกทั้งสีหน้าของเขาก็ยังสงบอย่างผิดปกติและไม่แยแสแม้แต่น้อย

“เจ้ากำลังเตือนข้าในฐานะตัวแทนนิกายวิถีกระแสสวรรค์หรือ?” เฉินซีถามด้วยน้ำเสียงที่สงบเหมือนสีหน้าของเขา

เหลิงฉานเอ๋อร์ยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่วิเคราะห์ข้อเท็จจริงอย่างเป็นกลางจากจุดยืนของปรมาจารย์ชิง และแทนที่จะเรียกมันว่าคำเตือน ควรถือว่ามันเป็นความหวังดีจะดีกว่า”

ทันใดนั้น เฉินซีก็ตะหนักได้ ว่าหากเป็นแง่ของการปะทะคารม หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ ย่อมเป็นบุคคลชั้นนำอย่างแน่นอน เพราะนางสามารถกล่าววาจาได้อย่างไม่มีที่ติด้วยท่าทีที่เป็นกลาง และเป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะรู้สึกเกลียดชังนาง

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินซีก็ถามทันที “เจ้ายังไม่ได้แต่งงานใช่หรือไม่?”

เหลิงฉานเอ๋อร์ตกตะลึง และคิ้วที่สวยงามของนางก็ขมวดขึ้น ในขณะที่ความไม่พอใจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ด้วยตนเองกำลังกล่าวเรื่องตักเตือนจริงจัง แต่เฉินซีกลับกล่าววาจาไร้สาระ ทั้งยังมาถามเรื่องส่วนตัวของนางอย่างไร้เหตุผล ในฐานะที่เป็นหญิงงามที่มีชื่อเสียงในหมู่คนรุ่นใหม่ นางย่อมรังเกียจคำถามดังกล่าวเป็นอย่างมาก

สิ่งนี่ไม่แตกต่างอะไรกับการถามอายุของผู้หญิง ซึ่งมันเป็นข้อห้าม และหากไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับผู้หญิงคนนั้น เมื่อถามคำถามเช่นนี้ออกไป ก็จะเป็นความผิดรูปแบบหนึ่งที่ทำให้พวกนางไม่พอใจ

“เจ้าเด็กคนนี้มันเสียสติไปแล้ว! เมื่อเขารู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถไล่ตามปรมาจารย์ชิงซิ่วอี้ได้ ดังนั้นเขาจึงย้ายเป้าหมายและตั้งใจจะไปหาองค์หญิงเหลิงฉานเอ๋อร์แทน?” บรรดาผู้บ่มเพาะที่รู้สึกหลงรักเหลิงฉานเอ๋อร์ต่างรู้สึกไม่พอใจ

“ยังไม่ได้แต่งหรือ??” เมื่อเห็นเหลิงฉานเอ๋อร์นิ่งเงียบ เฉินซีจึงยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าคงไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าในฐานะบิดา ซึ่งชิงซิ่วอี้ก็เป็นมารดาของบุตรชายของข้า ถึงแม้จะมีความขัดแย้งระหว่างเรา แต่พวกมันก็ได้รับการแก้ไขและปล่อยวางไปนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะการขัดขวางของปิงซื่อเทียน เราคงอยู่ด้วยกันไปนานแล้ว ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่รู้เรื่องนี้ใช่หรือไหม?”

นางไม่เพียงไม่รู้ แต่เรื่องนี้ได้กลายเป็นดั่งฟ้าผ่าที่สั่นสะเทือนเหลิงฉานเอ๋อร์จนร่างกายของนางแข็งทื่อไปหมด ซึ่งนางก็ไม่สามารถรักษาท่าทางที่สงบและภาคภูมิตามปกติของนางได้อีกต่อไป ดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวจ้องมองอย่างเบิกโพลง ในขณะที่จิตใจของนางก็ตกใจจนมึนงงเล็กน้อย

บุตรชาย?

ปรมาจารย์ชิงซิ่วอี้ให้กำเนิดบุตรกับชายที่อยู่ตรงหน้าข้าจริง ๆ หรือ !?

เรื่องนี่เป็นเหมือนกับนิทานปรัมปรา ซึ่งมันก็ไร้สาระ แปลกประหลาด และเหลือเชื่ออย่างสุดขีด อีกทั้งยังเหนือกว่าจินตนาการของนางไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ผู้คนในห้องโถงเองก็ถึงกับตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลง ในขณะที่ความตกใจก็พุ่งทะลุทะลวงหัวใจของพวกเขา ทุกคนต่างตกใจจนกรามแทบจะกระแทกพื้น!

มันน่าตกใจเกินไป!

ท้ายที่สุด ชิงซิ่วอี้ก็เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในแดนภวังค์ทมิฬ ในชีวิตที่แล้วของนาง นางพิชิตทัณฑ์สวรรค์ถึงเก้าครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในคืนเดียว ซึ่งสร้างประวัติการณ์ในโลกแห่งการบ่มเพาะจนทำให้ทั้งโลกตกตะลึง หลังจากนั้นนางก็เลือกที่จะเกิดใหม่ด้วยความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่ และหลังจากผ่านประสบการณ์เกิดใหม่นับร้อยชาติ นางก็ได้รับชะตะอันสูงสุด ซึ่งทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากเช่นกัน

ในสายตาของทุกคน นางจะต้องขึ้นไปสู่สวรรค์และกลายเป็นเซียนสวรรค์ และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุกคนจึงต่างเริ่มคาดเดาว่านางจะสร้างปาฏิหาริย์แบบใดในวันที่นางกลายเป็นเซียนสวรรค์!

ทว่าตอนนี้ ร่างที่เหมือนกับเทพธิดาในตำนานที่จุติมาสู่โลกมนุษย์ กลับได้ให้กำเนิดบุตรแก่ชายหนุ่มที่มีตัวตนด้อยกว่านางอย่างสุดขั้ว!

ดังนั้นใครบ้างจะไม่ตกใจกับเรื่องนี้?

พรู่ด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]