บทที่ 638 สำแดงจำอวด
บทที่ 638 สำแดงจำอวด
หลงเจิ้นเป่ยในขณะนี้รู้สึกแค้นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการถูกหลอกใช้ซึ่งหน้าแบบนี้มันอัปยศอดสูเกินไป และหากไม่ใช่เพราะเฉินซีเป็นศิษย์ร่วมนิกาย เขาก็คงไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าได้ฟาดไอ้สารเลวนั่นให้ตาย!
ในฐานะหนึ่งในศิษย์ชั้นยอดอันดับต้น ๆ ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เขากลับไม่เคยไหวตัวมาก่อนเลยว่าถูกวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อไร
ทำให้ตอนนี้ตัวเขาต้องทำตัวไม่ต่างจากกุลีรับจ้าง!
หลงเจิ้นเป่ยโกรธเกรี้ยวเกินขีดจำกัด และเจ้าตัวก็ระบายความเดือดพล่านที่ระอุภายในอกไปยังฝ่ายตรงข้ามเต็มแรง
ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวดังมังกรเวียนว่าย แข็งแกร่งและอยู่เหนือยิ่งกว่า หลงเจิ้นเป่ยสำแดงความสามารถที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสุดกำลัง ทุกการขยับย่างของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังที่รุนแรงและเยือกเย็น คล้ายดังว่าเจ้าตัวสามารถฉีกโลกเป็นเศษเสี้ยวและบดขยี้ตะวันจันทราได้ในฝ่ามือเดียว!
แม้ว่าชายหนุ่มผอมแห้งจากเกาะปีศาจฉลามมังกรจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มพูลถึงสี่เท่า ทว่ามีหรือที่อีกฝ่านจะเทียบได้กับร่างกายอันน่ายำเกรงของหลงเจิ้นเป่ย! ดังนั้นคนจากเผ่าฉลามมังกรผู้นี้จึงตกเป็นรองในทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ร่างกายผอมแห้งถูกทุบตีจนต้องถอยกรูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำได้เพียงป้องกันการโจมตีที่กระหนำดังพายุ ทว่าก็น่าเวทนานักที่มีแค่การยกแขนขึ้นมากันศีรษะและการหลบหลีกเท่านั้นที่พอจะทำได้
จริงอยู่ที่หลงเจิ้นเป่ยเจ็บปวดใจ หากทว่าชายหนุ่มผอมแห้งกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า เดิมทีเขาตั้งใจจะจัดการเพียงเฉินซีเท่านั้น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีผู้ใดมาขัดขวางกลางคันด้วยการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ การต่อสู้นี้จึงดูจะสิ้นหวังลงทุกที หลงเจิ้นเป่ยทำกับเขาประหนึ่งว่าตนเองไปฆ่าพ่ออีกฝ่ายตายอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ชายหนุ่มผอมแห้งมีอาการอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก!
มารดามันเถิด! ข้าไปทำอะไรให้ตอนไหนกัน ข้าเพียงแต่มาเพื่อแก้แค้นแทนศิษย์น้องเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เสียหน่อย ไอ้เวรเอ้ย! พวกนิกายกระบี่เก้าเรืองรองมันเป็นบ้ากันไปหมด…
สารรูปของชายผอมแห้งบัดนี้ดูไม่จืดอย่างยิ่ง ความอดสูอัดแน่นในอกเสียจนอยากกระอักออกมาเป็นก้อนเลือด หากรู้ตั้งแต่แรกว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์มากฝีมือของนิกายเก้ากระบี่เรืองรอง เขาไม่มีทางมาที่นี่เด็ดขาด!
ตอนนี้ตัวเขาถูกคุมตัวและโดนกระหน่ำทุบตีอย่างหนัก ไม่เพียงแต่ไม่สามารถแก้แค้นได้สำเร็จ ทว่าขาข้างหนึ่งยังก้าวไปสู่ความตายเป็นที่เรียบร้อย และปัญหาหลัก ๆ ในยามนี้ของชายหนุ่มผอมแห้งก็คือตัวเขาจะรอดพ้นไปจากสถานการณ์เบื้องหน้าได้อย่างไร…?
ชายทั้งสองแม้มีจุดคิดที่ต่างกัน หากทว่าความโกรธในใจกลับอยู่ในระดับที่แทบไม่ทิ้งห่างกันแม้แต่น้อย พวกเขาระบายความคั่งแค้นทั้งหมดที่มีใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งมือ กลายเป็นภาพการต่อสู้ที่ทรงพลังและยอดเยี่ยมในสายตาของผู้พบเห็น ทำให้ผู้ชมทั้งหลายต่างร้องอุทานออกมาด้วยความสนุกสนาน
เนื่องจากชั้นสูงสุดของตำแหน่งเมฆาเยือกแข็งปกคลุมไปด้วยค่ายกลป้องกันจำนวนมากมาย จึงไม่ต้องกังวลไปว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะไปทำลายโครงสร้างของอาคารแต่อย่างใด
กระนั้น เพื่อให้ทั้งสองได้ต่อสู้กันอย่างอิสระ ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงจึงค่อย ๆ ถอยออกไปด้านข้าง เปิดพื้นที่เป็นลานกว้างให้ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันจนพอใจ
“โอ้โห หลงเจิ้นเป่ยสมกับเป็นยอดคนจากเผ่ามังกรอสรพิษ ศาสตร์เต๋าของเขาช่างงดงามและล้ำลึก รัศมีพลังอันน่าเกรงขามได้กระจายไปทั่วแผ่นฟ้าราวกับสายรุ้ง มิหนำซ้ำ ความแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งใหญ่มากพอจะได้เป็นผู้นำคนถัดไป!”
“เห็นด้วยเลย แต่เดิมพรสวรรค์ของเฉินซีนั้นนับว่าน่าประหลาดใจมากแล้ว ทว่าสำหรับหลงเจิ้นเป่ยน่ะเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียอีก ถือเป็นวาสนาของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองที่มีคนทั้งสองอยู่ในนิกาย!”
“เอ๊ะ! ดูผู้เยี่ยมยุทธ์จากเกาะปีศาจฉลามมังกรนั่นสิ ก่อนหน้านี้เขายังน่ากลัวมากอยู่เลย แล้วมาดูเขาตอนนี้สิ กลับทำได้แต่เอามือปิดหน้าหนีหัวซุกหัวซุน ไม่เหลือความน่าเกรงขามอันใดเลย!”
ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการฆ่าเวลา ในฐานะที่ได้เป็นหนึ่งในสักขีพยานของสุดยอดการต่อสู้ก่อนจะเข้าไปสู่เหวเงาทมิฬ
ชายหนุ่มผอมแห้งหดหู่ต่อภาพตรงหน้าไปชั่วขณะ เส้นเลือดข้างขมับปูโปนเป็นรอยเกร็ง ดังว่าคลื่นพายุลูกหนึ่งกระหนำพัดอยู่ภายในหัวใจ มารดามันเถิด ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าข้ากำลังถูกต้อนอยู่ พวกเจ้าทั้งหลายไม่เพียงไม่ช่วยไกล่เกลี่ย แต่ยังผลักให้ข้ากลายเป็นเหยื่อของมัน กล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร!?
น้ำตาของเขาแทบไหลหลั่ง ในอกชอกช้ำด้วยความโศกเศร้าเหลือคณา ไม่ควรเลย ข้าไม่น่ามาที่นี่เลย!
อีกฝากหนึ่ง เสียงสนทนาเหล่านี้กลับทำให้สีหน้าของหลงเจิ้นเป่ยสดใสขึ้น คิ้วสองข้างคลายปมที่ขมวดไว้ลง การได้รับเสียงชื่นชมจากบุคคลที่อยู่ในระดับต้น ๆ ทำให้เขาผ่อนคลายลงอย่างมาก แม้แต่ความโกรธและความเสียใจก็ทุเลาลงโดยไม่รู้ตัว
“หนอย! เจ้าหาว่านิกายกระบี่เก้าเรืองรองของข้าไร้น้ำยาอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะมอบประสบการณ์ที่เจ้าจะต้องจดจำไปชั่วชีวิตให้เอง!” หลงเจิ้นเป่ยโจมตีอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่พลังปราณของเขาทวีความน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เกิดเป็นภาพนี่น่าพึงพอใจไม่น้อย
ราวกับว่าเขากำลังทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นแท่นหินสำหรับอวดความแข็งแกร่ง และด้วยสิ่งนี้ มันจะทำให้หลงเจิ้นเป่ยสามารถแสดงพลังและกอบกู้ศักดิ์ศรีได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันได้ผล เขาได้รับเสียงกู่ร้องยินดีมากมายจากฝูงชนในห้องโถง!
สถานการณ์แบบนี้ทำให้หลิงเจิ้นเป่ยเป็นปีติยินดียิ่งนัก เขาเริ่มคิดไปว่าเฉินซีนั้นช่างมีประโยชน์ หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวนี่ที่ทำให้ตัวเขาได้เป็นจุดสนใจ หลงเจิ้นเป่ยก็คงไม่มีโอกาสได้ซัดคนตรงหน้าอย่างอิสระเช่นนี้
เมื่อนึกถึงเฉินซี หลงเจิ้นเป่ยก็เหลือบมองไปยังเฉินซีผ่านหางตาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดูการต่อสู้ด้วยรอยยิ้ม บางครั้งอีกฝ่ายก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีของชายหนุ่มก็กำลังราวกับกำลังรับชมสุดยอดการแสดงอยู่อย่างไรอย่างนั้น
การแสดงอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เขามองไปที่รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเฉินซี ความลำพองใจที่หลงเจิ้นเป่ยมีก็พลันเลือนหายไปอย่างไร้เหตุผล เขารู้สึกแย่ขึ้นมาในทันที ตอนนี้เอง ที่ตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นเหมือนลิงที่แสดงจำอวด กระโดดโยกย้ายไปมาตามจังหวะปรบมือและซุ่มเสียงให้กำลังใจของผู้ชม
กลับกัน เฉินซีเป็นเหมือนนักแสดงที่วางแผนการแสดงไว้อย่างดี…
เมื่อคิดได้ดังนั้น มุมปากของหลงเจิ้นเป่ยก็กระตุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกราวกับว่ามีเสียงกระซิบแหบพร่ามากมายกำลังดังแว่วภายในโสตประสาท วงเวียนอยู่เช่นนั้นไม่รู้จบ เจ้าบ้า! เจ้าคนสารเลว! เล่นตลกเหมือนกับข้าเป็นลิง!
ความเดือดดาลปะทุขึ้นภายในใจ ทำให้ชายหนุ่มโจมตีไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างทารุณยิ่งขึ้นด้วยขาดสติ ซึ่งนั่นทำให้ชายหนุ่มผอมแห้งกระอักเลือดออกมากองโต และส่งเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวด
ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของหลงเจิ้นเป่ย พวกเขายังคงส่งเสียงโห่ร้องคึกครื้นให้ความห้าวหาญที่อีกฝ่ายโจมตีผู้เยี่ยมยุทธ์จากเกาะปีศาจฉลามมังกรประหนึ่งตีสุนัขใกล้ตาย
กระนั้น เสียงชื่นชมยินดีเหล่านี้กลับเป็นดังมีดแหลมคมที่ทิ่มแทงลงกลางใจหลงเจิ้นเป่ยเสียมากกว่า ยิ่งฟังมากเท่าไร หัวใจก็ยิ่งช้ำชอกไปด้วยเลือดเท่านั้น
อย่างกับลิง… อย่างกับลิง…
คำพูดที่เป็นดังคำสาปร้ายผุดขึ้นมาในจิตใจของหลงเจิ้นเป่ย อย่างไม่รู้สิ้น หลงเจิ้นเป่ยรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกมีดหั่นเป็นชิ้น ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บปวดทรมานไปจงถึงขั้วหัวใจ สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาระเบิดโทสะออกมา และเขาหาได้ต้องการสิ่งใดไปกว่าการร้องคำรามให้ดังถึงสรวงสวรรค์!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...