บทที่ 650 ดินแดนแห่งทองคำ
บทที่ 650 ดินแดนแห่งทองคำ
“ท่านบรรพบุรุษ!” ผู้เยี่ยมยุทธ์คนหนึ่งคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับทุบและกู่ร้องเสียงดังจนสั่นสะเทือนไปทั่วเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า เผยให้เห็นถึงความเสียใจและความโกรธที่ไร้ขอบเขต
สีหน้าของคนอื่น ๆ เองก็ดูเศร้าสร้อยเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลพราก
แม้ว่าในครั้งนี้พวกเขาจะมาที่เหวเงาทมิฬเพื่อเสี่ยงโชค แต่เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการนำพาบรรพบุรุษของพวกเขากลับไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาผู้พยายามฝ่าฟันความยากลำบากทุกรูปแบบเพื่อมาถึงที่นี่… ไม่มีใครเคยคาดคิดเลยว่า บรรพบุรุษของพวกเขาจะถูกคนอื่นถลกหนังและตายลงต่อหน้าเช่นนี้ …พวกเขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร?
ในยามนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ของเผ่าหยาจื้อดูราวกับว่าพวกเขาสูญเสียเสาหลักและจิตวิญญาณไป ความเศร้าโศกและความขุ่นเคืองของพวกเขาทะยานขึ้นมาจนถึงขีดสุดแล้ว
“ระดับการบ่มเพาะของบรรพบุรุษนั้นอยู่เหนือกว่าปกติ เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน เขาได้บรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีระดับที่เก้าไปแล้ว แต่เพราะเขาถูกขังอยู่ในทะเลเมฆแห่งนี้ จึงทำให้ไม่สามารถดูดซับปราณวิญญาณจากสวรรค์และโลกได้ ดั่งมังกรดุร้ายที่ถูกล่ามไว้ในนรกและไม่สามารถหลบหนีได้”
ผู้เยี่ยมยุทธ์เผ่าหยาจื้อที่เป็นผู้นำสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามยับยั้งความเศร้าโศกในใจของเขาอย่างเต็มที่ในขณะที่พูดต่ออย่างช้า ๆ “ยิ่งกว่านั้น ก่อนที่เราจะมาที่นี่ บรรพบุรุษของเผ่าได้ยืนยันด้วยความมั่นใจแล้วว่า เพราะถูกกักขังอยู่นับหมื่นปี ยามนี้ตัวเขาจึงย่อมเป็นเหมือนตะเกียงที่ใกล้หมดน้ำมัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราได้รับคำสั่งให้รีบมาที่นี่เพื่อรับเขา และตราบใดที่เขารอดพ้นจากสถานที่แห่งความสิ้นหวังนี้ ท่านบรรพบุรุษก็จะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งในอดีตของเขาได้ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเราก็ยังคงมาช้าเกินไป…”
เขามีรูปร่างกำยำ ใบหน้าที่ดูคมเข้มราวกับมีด ทั้งเย็นชาและเด็ดเดี่ยว ผมยาวดกหนาที่ถูกรวบไว้อย่างหลวม ๆ พลิ้วไหวและกลิ่นอายที่เย่อหยิ่งของผู้นำที่น่าเกรงขาม ก็ทำให้เจ้าตัวดูโดดเด่นออกจากฝูงชน
ทันทีที่เขาเปิดปากพูด คำกล่าวของเขาก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ได้ทันที
“ศิษย์พี่เลี่ยเฟิง ตอนนี้เราควรทำอย่างไรกันดีขอรับ?” ใครคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสับสน
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่เลี่ยเฟิง ความแข็งแกร่ง ความฉลาดและไหวพริบในหมู่พวกเรา ท่านคือที่สุดแล้ว ตอนนี้บรรพบุรุษของเราเสียชีวิตแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรดี?” คนอื่น ๆ ก็ถามเช่นกัน
“เราควรทำอย่างไร? แน่นอนว่าเราก็ต้องไปแก้แค้น!”
ดวงตาของเลี่ยเฟิงเย็นชายิ่ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ดุร้ายและกระหายเลือด “ใครก็ตามที่กล้าฆ่าบรรพบุรุษของเราอย่างโหดเหี้ยม มันผู้นั้นจะต้องชดใช้อย่างหนักหน่วง!”
น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาฟังดูน่าสยดสยองยิ่ง จิตสังหารอันไร้ขอบเขตแสดงความอาฆาตแค้นของเผ่าหยาจื้อออกมาอย่างชัดเจน
“ใช่แล้ว! แก้แค้น! แม้แต่เทพเจ้าในอดีตก็ยังไม่กล้ารุกรานเผ่าหยาจื้อของเรา หากเราไม่แก้แค้น เผ่าหยาจื้อของเราจะยังคงรักษาที่มั่นในแดนภวังค์ทมิฬได้อย่างไร?”
“จากการสังเกตของข้า ฆาตกรคงจะยังเพิ่งจากไปไม่นานนัก และเขายังได้เอากระดูกต้นกำเนิดของบรรพบุรุษติดไปด้วย เราต้องฆ่ามันและเอากระดูกต้นกำเนิดกลับคืนมา! มิฉะนั้น ศาสตร์เต๋าโดยกำเนิด ระเบิดสังหารเทวะของเผ่าหยาจื้อเรา ก็อาจสูญหายไปตลอดกาล!”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเรา มันเป็นกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดที่เผ่าของเราค้นหามาตั้งแต่สมัยโบราณ มันไม่ได้มีเพียงอำนาจในการเข่นฆ่าเทพเจ้าและอสูรเท่านั้น ที่สำคัญคือมันยังซ่อนความลับที่น่าตกใจไว้อีก ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่าเราค้นพบนี้ ทำให้เราสามารถดูถูกกลุ่มอำนาจต่าง ๆ จากยุคบรรพกาลได้ ดังนั้นเราจึงปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของคนนอกไม่ได้เด็ดขาด!”
ผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ของเผ่าหยาจื้อต่างก็พูดต่อ ๆ กัน ก่อนจะพากันกัดฟันและปล่อยกลิ่นอายดุร้ายที่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านออกมา
“ทุกคนพูดถูก เรื่องนี้จำเป็นต้องลงมือในทันที ขอให้ข้าได้สงบสติอารมณ์สักครู่ ตราบใดที่ข้าสามารถเชื่อมโยงกับกระดูกต้นกำเนิดของบรรพบุรุษได้แม้เพียงเล็กน้อย ข้าก็จะสามารถระบุตำแหน่งของฆาตกรได้อย่างสมบูรณ์”
เลี่ยเฟิงหลับตาลงช้า ๆ ร่างกายของเขาแผ่แรงกดดันออกมา คล้ายกำลังอนุมานครุ่นคิดบางสิ่งด้วยพลังทั้งหมดที่มี
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาพลันลืมตาขึ้น แววตาเผยความตื่นเต้นยินดี ก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากัน สีหน้าดูตกใจเล็กน้อย
“ศิษย์พี่เลี่ยเฟิง ท่านจับตำแหน่งของฆาตกรได้แล้วหรือไม่?” มีคนอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าพบเขาแล้ว” เลี่ยเฟิงพยักหน้า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ศิษย์พี่เลี่ยเฟิง พวกเรามาออกเดินทางกันเถิด!” คนอื่น ๆ ส่งเสียงสนับสนุนและเตรียมพร้อม
“เดี๋ยวก่อน ข้าสัมผัสได้ว่าคนผู้นั้นเร็วมาก เขาสามารถทะยานอย่างบ้าคลั่งในทะเลเมฆนี้ราวกับเดินบนพื้นราบ เขาต้องเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แน่ หากจะจัดการกับตัวตนเช่นนี้เห็นทีเราคงต้องระมัดระวังให้ดี”
เลี่ยเฟิงเตือน “ยิ่งไปกว่านั้น ตามการคำนวณของข้า คนผู้นี้กำลังพุ่งตรงไปยังเหวเงาทมิฬอย่างแน่นอน ช่วงนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหมดได้รวมตัวกันอยู่ที่เหวเงาทมิฬดุจต้นไม้ในป่าใหญ่ เราต้องจัดการกับคนผู้นั้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่อาจให้ใครอื่นรับรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นความโลภของพวกเขา”
ทุกคนรู้สึกวิตกในใจและพยักหน้ารับ หากข่าวรั่วไหลออกไปและคนอื่น ๆ ได้รู้ถึงการมีอยู่ของกระดูกต้นกำเนิด และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษเราคงจะลำบากไม่น้อย…
“ออกเดินทางกันเถอะ!”
ครู่ต่อมา ร่างของเลี่ยเฟิงก็สว่างวาบ ตัวคนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและออกจากดวงดาวไป
…
ฟิ้ว!
ภายในทะเลเมฆที่ไร้ขอบเขต ลำแสงหลายเส้นกะพริบครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา และก็หายไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย
“ในตอนนี้พี่หญิงอันกับหลงเจิ้นเป่ยคงถึงเหวเงาทมิฬแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาได้พบ ‘อาณาจักรเร้นลับเงาทมิฬ’ แล้วหรือไม่…”
ปีกกำราบผกผันกระพืออย่างรวดเร็ว ทำให้ความเร็วของเฉินซีเพิ่มจนถึงขีดสุด และแสงศักดิ์สิทธิ์กำราบธาตุอันลึกลับที่ถูกปล่อยออกมาจากปีกด้านหลัง ก็ช่วยบดขยี้พายุแห่งเปลวเพลิงและกระแสคลื่นน้ำแข็งที่พัดผ่านร่างของเขา ทำให้ชายหนุ่มไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
“ยังมีมือสังหารผู้นั้นด้วย ข้าสงสัยนักว่าเขาเป็นใคร และเหตุใดเขาถึงต้องการสังหารข้า?” ทันทีที่นึกถึงมือสังหารคนนั้น เฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมา เพราะนับตั้งแต่ที่เริ่มบ่มเพาะจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงเพียงนั้นมาก่อน มันมีโอกาสรอดชีวิตเพียงน้อยนิด และทำให้เขาเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้ง
“ถ้าเจอเขาอีก ข้าจะทำให้เขาได้รู้ว่าข้าต้องรู้สึกอย่างไร!” เฉินซีกัดฟันในขณะที่เผยจิตสังหารผ่านดวงตา
เมื่อใครคนหนึ่งตกเป็นเป้าหมายของมือสังหาร มันก็เหมือนกับการถูกใบมีดจ่อหลังอยู่เสมอ และมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต มือสังหารคนนี้จะต้องถูกกำจัดทิ้งเสีย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...