บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 673

บทที่ 673 จักรพรรดิมดทองคำ

บทที่ 673 จักรพรรดิมดทองคำ

บริเวณแห่งนี้ดูเหมือนกับเป็นจุดสิ้นสุดของพระราชวังแห่งการรังสรรค์

แม้ว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นจะไหม้เกรียม มีรอยกะดำกะด่างและเสียหาย แต่กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายที่ดูแคลนสรรพชีวิตในโลกและยืนหยัดไปชั่วนิรันดร์

…เพียงกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมา ก็มากพอที่จะก่อตัวเป็นค่ายกลอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งปกคลุมทุกซอกทุกมุมภายในบริเวณนี้ และดูเหมือนว่าหากผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว คนผู้นั้นจะต้องประสบกับหายนะ!

“ช่างเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เสียจริง! แม้เจ้าจะร่วงโรยไปนานแสนนาน แต่เจ้าก็ไม่คิดที่จะดับสูญและยังคงตั้งตระหง่านอยู่จวบจนทุกวันนี้ ถ้ามิใช่เพราะทั้งสามภพจะเกิดหายนะ บางทีเจ้าอาจยืนอยู่บนจุดสูงสุดของมหาเต๋าอย่างภาคภูมิใจไปแล้วกระมัง?” นี่เป็นครั้งแรกที่หม้อใบจิ๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

“ผู้อาวุโส ด้วยวิธีนี้ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่นคือเปลือกที่เหลือทิ้งไว้เมื่อต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬร่วงโรยอย่างนั้นหรือ?” เฉินซีตกใจและถามด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง แต่น่าเสียดาย ความลึกล้ำที่ประทับอยู่บนนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ในเหวเงาทมิฬนี้แล้ว และเพียงเปลือกที่เจ้าเห็นอยู่นี้ ก็มากพอแล้วที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายที่สั่นสะเทือนไปทั้งสามภพอย่างไม่รู้จบ”

หม้อใบจิ๋วหยุดไปชั่วขณะและกล่าวต่อ “หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง ด่านแห่งความลึกล้ำจะปรากฏที่ยอดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในไม่ช้า แต่เจ้ามีต้นอ่อนเงาทมิฬอยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวค่ายกลที่อยู่ในบริเวณนี้ แต่เจ้าต้องระวัง เพราะมีคนมากมายได้มาถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว และพวกเขากำลังต่อสู้กับจักรพรรดิมด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเฉินซีก็สั่นสะท้าน จากนั้นจึงใช้เนตรเทวะแห่งความจริงมองไปรอบ ๆ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาเห็นร่างที่ทรงพลังนับสิบกำลังทะยานไปมาอยู่บนต้นไม้สูงตระหง่าน และร่างกายของพวกเขาก็ปกคลุมไปด้วยปราณเซียน ทำให้พวกเขาเผยความห้าวหาญในการต่อสู้อย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมา

เห็นได้ชัดว่าผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้คือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจากกองกำลังต่าง ๆ และเฉินซีก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองคนในหมู่พวกเขา ซึ่งก็คือบรรพบุรุษหลิงหยาแห่งหอกระบี่สยบดวงใจ และเฟิงเสวียนจื่อจากนิกายฟ้ากำเนิด

ครั้งหนึ่งเฉินซีเคยพบกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีสองคนนี้ เมื่อครั้งที่อยู่ในสมรภูมิบรรพกาล ในเวลานั้น บรรพบุรุษหลิงหยาเกือบจะลงมือกับเขา เพราะตัวชายหนุ่มได้ฆ่าล้างศิษย์ของตระกูลซาง

ในขณะที่คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือ มดศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากที่ทั้งตัวดูจะสร้างขึ้นจากทองคำ!

มดศักดิ์สิทธิ์สีทองมีความยาวราวสิบสองฉื่อ มีร่างกายที่แข็งแกร่งและทรงพลัง อีกทั้งยังอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทำให้พวกมันแผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา และนอกจากสีของพวกมันแล้ว พวกมันก็คล้ายกับมดกลืนกินเทพบรรพกาลที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ทุกประการ

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ความแข็งแกร่งของพวกมัน ดูเหมือนพวกมันจะเข้าใจเจตจำนงกระบี่ที่น่ากลัว จึงทำให้ร่างกายของพวกมันส่งเสียงดังครืน ๆ ไปด้วยเต๋ารู้แจ้ง ในขณะที่แสงเซียนก็พลุ่งพล่านอยู่รอบตัว และพวกมันแต่ละตัวก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่ด้อยไปกว่าเซียนปฐพี!

จักรพรรดิมด!

พวกมันสมควรเป็นจักรพรรดิในหมู่มดกลืนกินเทพบรรพกาล ความแข็งแกร่งที่ดุร้ายดังกล่าวก็เพียงพอที่จะคู่ควรกับฉายานี้

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายรุนแรงมาก แม้แต่เฉินซีก็ยังรู้สึกเสียววาบที่หนังศีรษะ และหัวใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบหลังจากที่เห็นการต่อสู้ หากสิ่งนี้อยู่ในโลกภายนอก มันก็เพียงพอที่จะทำลายเมืองใหญ่ไปมากมาย และเป็นเพราะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีสนามพลังค่ายกลที่คอยยับยั้งพลังทำลายล้างทั้งหมด มันจึงไม่เกิดผลกระทบต่อโลกภายนอก

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาต้องการเข้าไปยังด่านแห่งความลึกล้ำด้วย?” เฉินซีถามทันที

“นอกจากด่านแห่งความลึกล้ำแล้ว ยังมีมรดกของสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ได้รับการยกย่องจากยุคบรรพกาลอีกด้วย” หม้อใบจิ๋วตอบกลับ “ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน ทุกคนล้วนเชื่อว่า เสื้อคลุมของผู้เยี่ยมยุทธ์จะต้องซ่อนอยู่บนต้นไม้นี้ แต่ไม่มีใครที่ค้นพบมันสักคน”

“ด่านแห่งความลึกล้ำ เสื้อคลุมของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สูงส่ง… ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านี้จะกล้าเสี่ยงชีวิตและมาที่นี่ ทั้งที่กลียุคของทั้งสามภพนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม เสน่ห์เย้ายวนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”

เฉินซีถอนหายใจเบา ๆ และรู้สึกหนักใจเล็กน้อย เพราะหากด่านแห่งความลึกล้ำได้ปรากฏขึ้นที่ยอดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ และถ้าเขาต้องการเข้าสู่ด่านแห่งความลึกล้ำ ชายหนุ่มก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น… แม้แต่จักรพรรดิมดที่มีอยู่มากมายก็เป็นปัญหาใหญ่!

ส่วนเสื้อคลุมที่เป็นมรดกของสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์จากยุคบรรพกาล เขาไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด เพราะนับตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน แม้แต่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังหาไม่พบ แล้วนับประสาอะไรกับตัวเขา

“อย่าได้กังวล ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่นถูกปกคลุมด้วยค่ายกลอย่างแน่นหนา ทุกครั้งที่ก้าวไปข้างหน้า จะต้องเผชิญกับแรงกดดันและการโจมตีในระดับต่าง ๆ ถึงแม้จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านั้น การจะขึ้นไปถึงยอดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับพวกเขา และเมื่อรวมกับการขัดขวางของจักรพรรดิมดเหล่านั้น พวกเขาอาจถูกบดขยี้และสิ้นชีวิตได้”

หม้อใบจิ๋วกล่าวอย่างใจเย็น “แต่เจ้านั้นแตกต่างออกไป เจ้ามีต้นอ่อนเงาทมิฬอยู่ ดังนั้นค่ายกลเหล่านั้นจึงไร้ประโยชน์ เจ้าเพียงแค่ต้องระวังผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีและจักรพรรดิมดเท่านั้น”

เฉินซีได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น เพราะหม้อใบจิ๋วกล่าวเรื่องนี้ออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิมดหรือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเซียนปฐพี แต่ไม่ว่าจะเป็นใครในหมู่พวกเขาก็ตาม ย่อมไม่ใช่คนที่ชายหนุ่มสามารถสู้ได้อย่างแน่นอน…

“ข้าจะช่วยเจ้าถ้าจำเป็น” ในที่สุด หม้อใบจิ๋วก็ให้คำตอบที่ทำให้ชายหนุ่มสบายใจ

“เอ่อ ข้าคงไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อแลกกับการช่วยเหลือของท่านใช่หรือไม่?” เฉินซีเกาศีรษะขณะที่เอ่ยถามออกไป เพราะเขายังจำได้ว่า เขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้มันช่วยเหลือเป็นการแลกเปลี่ยน

“ไม่จำเป็น ตราบใดที่เราได้รับผนึกแก้วศักดิ์สิทธิ์โกลาหล มันก็เพียงพอแล้ว” หม้อใบจิ๋วตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และไม่ได้ยื่นคำขอใด ๆ

สิ่งนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะเขาได้รับต้นอ่อนเงาทมิฬจากมันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดทางที่ผ่านมา เป็นเพราะคำแนะนำของหม้อใบจิ๋วที่ทำให้เขาสามารถมาถึงที่นี่ได้ ถึงแม้มันจะไม่ใส่ใจ แต่ชายหนุ่มจะไม่รู้สึกสำนึกได้อย่างไร?

ในไม่ช้า เฉินซีก็รวบรวมสติกลับมา และกระจายกลิ่นอายของต้นอ่อนเงาทมิฬ จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานไปยังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนที่ราบที่อยู่ไกลออกไป

ฟิ้ว!

ตามที่เขาคาดไว้ บางสิ่งที่ก่อตัวขึ้นจากจิตวิญญาณของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬอย่างต้นอ่อนเงาทมิฬ… นั้นน่าอัศจรรย์และไม่ธรรมดา ค่ายกลที่ปกคลุมอยู่ในบริเวณโดยรอบชั้นแล้วชั้นเล่า ต่างก็เคลื่อนตัวออกไปทันทีที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมัน และเปิดเส้นทางให้กับเฉินซี

ชายหนุ่มโบยบินไปในเส้นทางนี้ ราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนพื้นที่ราบเรียบ และไม่ประสบกับสิ่งกีดขวางหรืออันตรายใด ๆ

เฉินซียังสังเกตเห็นอีกว่า พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้เต็มไปด้วยกระดูก และเศษสมบัติวิเศษที่กองอยู่ทุกหนทุกแห่งตลอดทางที่ผ่านมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]