บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 683

บทที่ 683 ต่อสู้กับเซียนสวรรค์

บทที่ 683 ต่อสู้กับเซียนสวรรค์

ที่หน้าด่านแห่งความลึกล้ำ บนยอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

เงาร่างที่หล่อเหลาดูจะโผล่ออกมาจากอากาศ อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมขนนกและครอบมงกุฎรูปดาวอยู่บนศีรษะ ดวงตาเต็มไปด้วยวงแสงมากมาย ทำให้ตัวคนดูเหมือนกับภาพลวงตาที่ลี้ลับและท่วมท้นไปด้วยปราณเซียน

ชายหนุ่มผู้นี้มีผิวที่ขาวและกระจ่างใสมาก นิ้วของเขาเรียวยาว ละเอียดและบอบบาง มีบุคลิกที่สำรวมดุจบัณฑิตที่ยากไร้ แต่มากด้วยพรสวรรค์จากโลกมนุษย์

ทว่ากลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวกลับแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับคนผู้นี้สามารถควบคุมอวกาศได้ดั่งใจ สามารถพลิกฟ้าดินให้ตาลปัตรอย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ และดูเหมือนกฎแห่งจักรวาลจะถูกสร้างมาเพื่อเขา!!

พร้อมกับรูปลักษณ์ ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ดูจะเงียบสงัด ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยความเงียบสงบ และความเป็นระเบียบเรียบร้อย

ปิงซื่อเทียน!

นัยน์ตาของชายหนุ่มพลันหรี่ลงทันทีเมื่อเห็นคนผู้นี้ จากนั้นใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เพราะไม่ว่าจะเค้นสมองสักเท่าใด เขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงปรากฏตัวที่นี่

“นี่คือด่านแห่งความลึกล้ำในตำนานหรอกหรือ? ช่างน่าเสียดาย ข้ารู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยปราณหายนะและความตาย มิฉะนั้น ข้าก็คงเข้าไปแล้วดูว่าสมบัติเช่นใดที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้น”

ปิงซื่อเทียนจัดท่าทางให้สง่างามและเอามือไพล่หลังไว้ ในขณะที่มองไปยังด่านแห่งความลึกล้ำและถอนหายใจเบา ๆ

หลังจากนั้นสายตาของเขาก็ชำเลืองไปทางเฉินซี และหลังจากจ้องมองอีกฝ่ายอยู่นาน เจ้าตัวก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่นึกเลยว่า หลังจากไม่ได้พบกับเจ้าเพียงครึ่งปี ฝีมือของเจ้ากลับเติบใหญ่จนแม้แต่สือซานก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังได้รับโชคลาภจากดินแดนรังสรรค์กระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า และเป็นคนเดียวที่เดินออกมาจากด่านแห่งความลึกล้ำได้อย่างปลอดภัย จนแม้แต่ตัวข้าก็ยังต้องยอมรับว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่มีวาสนาเทียมฟ้า และหากข้าปล่อยให้เจ้าปีกกล้าขาแข็งมากกว่านี้ บางทีเจ้าอาจกลายเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ก็เป็นได้”

ความเย็นได้แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเฉินซี เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าปิงซื่อเทียนจะรู้ถึงการกระทำของตัวเขาตั้งแต่เข้าไปในเหวเงาทมิฬได้อย่างละเอียด

‘หรือว่าบางทีมันอาจซ่อนตัวอยู่และคอยติดตามข้ามาตั้งแต่แรก?’

“แต่น่าเสียดาย…” ปิงซื่อเทียนส่ายศีรษะ

“น่าเสียดายอันใด?” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ เขาค่อย ๆ ระงับความประหลาดใจและความวิตกกังวลในใจ ทว่าเส้นประสาททั่วร่างของชายหนุ่มกลับตึงขึ้ง เพราะเฉินซีรู้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเจตนาร้าย!!

ถึงขนาดที่เขาพอจะคาดเดาได้ว่า เหตุผลที่ปิงซื่อเทียนปรากฏตัวในเหวเงาทมิฬครั้งนี้ก็เพื่อฆ่าเขาอย่างแน่นอน!

เพราะถึงอย่างไร ในสายตาของคนผู้นี้ เฉินซีก็เป็นดั่งเสี้ยนหนามในใจ เนื่องจากชายหนุ่มมีความสัมพันธ์กับชิงซิ่งอี้ อีกทั้งเขายังเคยคุกคามเฉินซีอยู่หลายครั้งตอนที่อยู่ในสมรภูมิบรรพกาล หากอีกฝ่ายบอกว่ามาที่นี่เพียงเพื่อพูดคุย มันก็คงเป็นเรื่องตลกร้ายยิ่ง

ยิ่งกว่านั้น คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ถึงแม้เขาจะเดิมพันกับเฉินซีเอาไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กล่าวว่าจะไม่ลงมือกับเขาภายในหนึ่งร้อยปีนี้!

ตัวอย่างเช่น เมื่อหลายเดือน ตอนที่เฉินซีมุ่งหน้าไปยังเมืองรอยจันทราของแคว้นสือ เพื่อจัดการอสูรไก่ฟ้าทมิฬทั้งเจ็ด เขาได้ทราบจากประมุขนิกายอู่จือฉงแห่งนิกายวายุม่วงว่า การหายตัวไปของชิงอวี่ผู้เป็นศิษย์พี่ของเขานั้น ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเยว่ฉือของยอดเขาจรัสตะวันออกแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง แต่ยังเกี่ยวข้องกับปิงซื่อเทียน และเป้าหมายของพวกมันก็คือจัดการกับเขา!

เฉินซีจดจำเรื่องเหล่านี้ไว้ในหัวใจ ดังนั้นเมื่อเห็นปิงซื่อเทียนปรากฏตัวขึ้น เขาก็มั่นใจทันทีว่าคนผู้นี้จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

“ช่างน่าเสียดาย คนหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้า ผู้มีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ได้ แต่กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของข้าในวันนี้ นอกจากนี้สมบัติล้ำค่าต่าง ๆ ที่เจ้าได้มาจากดินแดนรังสรรค์กระบี่ และด่านแห่งความลึกล้ำนั้น ต้องตกมาอยู่ในมือของข้าแทน ดังนั้นข้าจึงถอนหายใจด้วยความรู้สึกว่า ความพยายามและวาสนาทั้งหมดของเจ้ากลับต้องสูญสลายในชั่วพริบตา”

ทันใดนั้น สายตาของปิงซื่อเทียนพลันเปลี่ยนเย็นชาและดุร้าย ในพริบตาเดียว… กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็กลืนกินฟ้าดินทั้งหมด และมันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อากาศปั่นป่วนอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงหวีดหวิวอยู่โดยรอบ อีกทั้งยังสะท้านไปถึงชั้นเมฆ มันสลายตัวทีละนิดก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ทุกสิ่งในใต้หล้าในเวลานี้ดูจะสังเกตเห็นจิตสังหารของปิงซื่อเทียน สายลมและมวลเมฆต่างโหมกระหน่ำอย่างเกรี้ยวกราด ฟ้าดินก็เหมือนจะมืดดับลง กลิ่นอายที่ทำให้วิญญาณสั่นสะเทือนแผ่ขยายออกไปเต็มท้องฟ้าและผืนดิน!

“ดูเหมือนเจ้าจะกลัวว่า หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี ข้าจะเติบใหญ่จนสามารถคุกคามเจ้าได้และทำให้เจ้าต้องแพ้พนัน ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจอดกลั้นและต้องการฆ่าข้าเพื่อปิดปากสินะ!?”

เฉินซีสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศ จึงเกร็งไปทั้งตัวอย่างอดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้เผชิญกับแรงกดดัน เขากลับถากถางอย่างไม่จบสิ้น และน้ำเสียงของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยการเย้ยหยัน!

ปิงซื่อเทียนคำรามอย่างเย็นชา “ข้าปิงซื่อเทียนเป็นเซียนสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ เหตุใดข้าต้องมีเหตุผลที่จะฆ่ามดปลวกด้วยหรือ?”

ตู้ม

ทว่าก่อนที่เสียงของเขาจะดังก้องไปทั่วท้องฟ้า เฉินซีก็ลงมืออย่างฉับพลัน เต๋ารู้แจ้งดังก้องไปทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่ม ในขณะที่ปีกกำราบผกผันอาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ และเนตรเทวะแห่งความจริงก็เปิดออกตรงหว่างคิ้วอย่างกะทันหัน โดยมีแสงแห่งการทำลายล้างก็กะพริบอยู่ภายในนั้น!

นอกจากนั้น กระบี่ที่มีสีแดงเข้มเหมือนเลือดได้ปรากฏขึ้นที่มือขวาของเขา และพุ่งเข้าใส่ปิงซื่อเทียนราวกับสายฟ้าฟาด ฟาดฟันด้วยกระบี่เล่มนี้ลงไป!

ในขณะนี้ พลังต่อสู้หกเท่าของเขาได้ถูกใช้ออกมาจนถึงขีดสุด กระบี่เปื้อนเลือดเองก็พวยพุ่ง เผยความลึกล้ำที่หลากหลายของมหาเต๋า จนบังเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ เช่น สายฟ้า สายลม ดวงดาว และอื่น ๆ

กระบี่เปื้อนเลือดนี้เป็นศัสตราศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหยาจื้อ แม้ว่ามันจะไม่มีวิญญาณศัสตรา แต่พลังของมันเทียบได้กับสมบัติอมตะ ในขณะนี้เฉินซีได้ใช้พลังทั้งหมดของเขา และอานุภาพของมันก็น่าเกรงขามมาก แม้ว่าเยี่ยนสือซานจะออกโรงมาเอง แต่อีกฝ่ายก็คงถูกฟันด้วยกระบี่นี้จนตายอยู่ดี!

ในขณะนี้ เฉินซีดูราวกับเป็นยักษ์ที่แยกสวรรค์และโลกออกจากกัน เขาก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้าและผ่านพ้นอวกาศที่ไร้ขอบเขต ก่อนจะฟันกระบี่ลงมาในคราวเดียวก็สามารถแยกสวรรค์และโลกออกจากกัน

การฟันกระบี่ครั้งนี้เป็นที่สุดของการฟันนับตั้งแต่ชายหนุ่มได้บ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ เขาทุ่มชีวิตและพละกำลังทั้งหมดที่มีออกไป เพราะรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า แม้ปิงซื่อเทียนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเพียงร่างจำแลงเซียนสวรรค์ แต่ความแข็งแกร่งของมันก็น่าสะพรึงมาก ถึงขั้นที่อีกฝ่ายสามารถดูแคลนผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตปฐพีส่วนใหญ่ในภพมนุษย์ได้!

สำหรับตัวเขา ปิงซื่อเทียนเป็นภัยคุกคามที่สุดแสนจะอันตราย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]