บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 696

บทที่ 696 รู้แจ้ง

บทที่ 696 รู้แจ้ง

ในระหว่างทางที่ผ่านมา โม่ย่าได้สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพไปนับไม่ถ้วน ทำให้นางมีประสบการณ์โชกโชนและลงมืออย่างเด็ดขาด และภายใต้แรงกดดันที่คุกคามและนองเลือดที่หญิงสาวแผ่กระจายออกมา ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์จากพิภพปักขีคนนี้ถึงกับทรุดลงในพริบตา

ก่อนที่ความจริงจะปรากฏว่า มีกองกำลังผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างภิภพอยู่สามสิบหกกองกำลังที่พยายามหยุดและเข่นฆ่าเผ่านรกขุมที่เก้า ซึ่งแต่ละกองกำลังก็มีคนประมาณสามร้อยคน และพวกเขามาจากพิภพที่แตกต่างกันซึ่งอยู่นอกภพทั้งสาม

ตัวอย่างเช่น ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่อยู่ตรงหน้าล้วนมาจากพิภพปักขี

กองกำลังผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพทั้งสามสิบหกกองกำลังนี้ มีผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพระดับผลึกม่วงเป็นผู้นำ ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองคำสิบคน ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับเงินหนึ่งร้อยคน และผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองสัมฤทธิ์สองร้อยคน

หากรวมเข้าด้วยกันแล้ว พวกต่างพิภพได้ส่งผู้เยี่ยมยุทธ์ไปกว่าหมื่นคน เพื่อที่จะหยุดและสังหารเผ่านรกขุมที่เก้า และในจำนวนนี้มีผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับผลึกม่วงสามสิบหกคน ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองคำสามร้อยหกสิบคน อีกทั้งยังผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับทองสัมฤทธิ์และระดับเงินที่มากมายจนน่าหวาดผวา

ในทางกลับกัน เผ่านรกขุมที่เก้ามีคนเพียงร้อยกว่าคน และแทบทั้งหมดล้วนเป็นเด็กเล็ก

…เมื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายแล้ว จะพบว่าจำนวนมีความเหลื่อมล้ำกันอย่างมาก อีกทั้งยังแตกต่างราวฟ้ากับเหว

ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายในกองกำลังของพวกนั้น

เหตุผลที่ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพพยายามที่จะฆ่าเผ่านรกขุมที่เก้าอย่างบ้าคลั่ง ก็เพียงเพื่อไม่ให้ข่าวของสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่รั่วไหลออกไป!

เหตุผลนั้นง่ายดายมาก แม้ว่านรกขุมที่เก้าจะถูกภพทั้งสามกับเต๋าแห่งสวรรค์ละทิ้งมานานแล้ว แต่ตอนนี้มันยังคงตั้งอยู่ในภพทั้งสามและแยกออกจากโลกภายนอกเท่านั้น

ในทางกลับกัน ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพได้ยึดนรกขุมที่เก้าเป็นแท่นไม้กระดาน สำหรับตั้งค่ายของพวกเขาเพื่อเข้าสู่ภพทั้งสาม เพราะมีเพียงที่นี่เท่านั้นที่กฎแห่งเต๋าสวรรค์จะไม่สังเกตเห็นการดำรงอยู่ของพวกเขา และถือได้ว่าปลอดภัยอย่างสมบูรณ์

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาเป็นเพียงแนวหน้าสำหรับเตรียมการเข้าสู่นรกขุมที่เก้า และจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพนับไม่ถ้วนถาโถมเข้ามาในภายภาคหน้า

เป้าหมายของพวกมันก็เรียบง่ายเช่นเดียวกันคือ การฉวยโอกาสที่ภพทั้งสามกำลังอยู่ในช่วงโกลาหลเพื่อรุกรานทั้งสามภพในคราวเดียว!

ระหว่างทาง เหมิงเหวยกับโม่ย่าได้สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพไปนับไม่ถ้วน และพวกเขาก็รู้เรื่องนี้มานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินข่าวนี้และดูจะสงบอย่างยิ่ง

แต่หัวใจของเฉินซีกลับสั่นไหว และความเย็นยะเยือกก็แทรกซึมเข้าสู่หัวใจของเขา

เดิมทีชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองยังโชคดี ที่แม้ว่าภพทั้งสามกำลังจะเกิดกลียุค แต่มีผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้ามายังภพทั้งสามและก่อให้เกิดหายนะได้ เพราะถึงอย่างไร ภพทั้งสามก็ได้สร้างโครงสร้างของมันเองและมีกำแพงมิติที่แข็งแกร่งมาก ยิ่งกว่านั้น ที่แห่งนี้ยังปกคลุมด้วยพลังกฎแห่งเต๋าสวรรค์ ซึ่งจะกวาดล้างพวกนอกรีตที่เป็นอันตรายต่อภพทั้งสามโดยตรง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และมันร้ายแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านั้นได้เปิดประตูสู่นรกขุมที่เก้าแล้ว และพวกมันสามารถพุ่งเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไม่รู้จบ!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตราบเท่าที่พวกมันยึดครองนรกขุมที่เก้านี้ได้ กำแพงมิติที่ปกป้องภพทั้งสามก็จะสูญเสียพลังยับยั้งไป ราวกับมันไม่เคยมีอยู่จริง จากนั้นก็ปล่อยให้เผ่าพันธุ์ต่างพิภพโจมตีและล่าถอยได้ตามใจต้องการ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับเฉินซีก็คือ ภพทั้งสามจะต้องเกิดกลียุคอย่างแน่นอนภายในหนึ่งพันปี นี่เป็นข้อเท็จจริงที่มิอาจหักล้างได้ และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

หากผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านั้นยึดครองนรกขุมที่เก้าและฉวยโอกาสจากความโกลาหลของกลียุคเพื่อบุกเข้าไปในภพทั้งสาม เมื่อนั้น มันจะเป็นหายนะที่ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย และผลที่ตามมาก็ยากจะจินตนการ

“ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันจะส่งกองกำลังจำนวนมากออกมา เพื่อหยุดยั้งและสังหารเผ่านรกขุมที่เก้า หากข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่รั่วไหลไปยังภพทั้งสาม ความหวังทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่า”

เมื่อตระหนักถึงปมเรื่องนี้ ความรู้สึกเร่งด่วนก็แล่นผ่านเข้ามาในหัวใจของเฉินซี และเขาไม่ต้องการอะไร นอกจากพุ่งเข้าไปในภพทั้งสามทันทีและประกาศให้โลกได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้คนจากทั้งสามภพตื่นตัว รวมพลังเข้าด้วยกัน และกำจัดเนื้อร้ายนี้ซะ!

แต่หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะว่าภพทั้งสามนั้นมีขนาดใหญ่โตมาก ดังนั้นเขาคนเดียวจะเตือนสติได้สักกี่คน? ไม่ต้องกล่าวถึงว่า แม้เขาจะกล่าวออกไป แต่ผู้คนจะเชื่อคำพูดของเขาหรือ?

“เฮ้อ ช่างมันเถิด ข้าแค่พยายามอย่างเต็มที่และทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ ข้าคงได้แต่ปล่อยให้โชคชะตานำพาไป…” เฉินซีถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางส่ายศีรษะและหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“เฉินซี เจ้ามีสิ่งใดจะถามอีกหรือไม่?” โม่ย่าที่อยู่ใกล้ ๆ ถือกริชเปื้อนเลือดไว้ในมือ ขณะที่จ้องมองไปยังผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ

“รอสักครู่” เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจิตสัมผัสเทพของเขาก็กวาดออกไปและแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ก่อนที่จะค้นหามันอย่างระมัดระวัง ด้วยชายหนุ่มสงสัยอย่างมากว่า เผ่าพันธุ์จากต่างพิภพบ่มเพาะเคล็ดวิชาแบบใดกัน?

เนื่องจากก่อนหน้านี้ เขาเคยเห็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เสวียนขุยกับเสวียนเฉินใช้ออกมาตอนอยู่ในด่านแห่งความลึกล้ำ และมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับศาสตร์เต๋าหรือพลังอิทธิฤทธิ์ที่แพร่หลายอยู่ในภพทั้งสาม ยิ่งกว่านั้น พวกมันยังมีพลังที่น่าทึ่งและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง ถ้าเขาสามารถหาแหล่งที่มาของความแข็งแกร่งได้ บางทีชายหนุ่มอาจจะรับมือกับพวกมันได้ง่ายขึ้น

จิตสัมผัสเทพของเขาที่ละเอียดราวกับเส้นด้ายไหลพันกันเป็นตาข่ายมหึมา ปกคลุมทุกส่วนภายในร่างกายของผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพในทันที และมันก็เหมือนกับหนวดนับไม่ถ้วนที่ยืดออกไปของปลาหมึกยักษ์ ทำให้ทุก ๆ รายละเอียดพลันปรากฏขึ้นในใจของเฉินซี

“หืม?”

ดวงตาของเขาหรี่ขณะทอประกายเย็นเยียบ จากนั้นเขาก็ค้นพบว่า ทุกซอกทุกมุมของเส้นชีพจร จุดชีพจร อวัยวะภายใน กระดูกและส่วนอื่น ๆ ภายในร่างกายของผู้เยี่ยมยุทธ์พิภพปักขีดูเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยอักขระยันต์แปลกประหลาดนับไม่ถ้วน ซึ่งหากพินิจให้ดีแล้ว มันดูเหมือนกับหนอน!

เขารู้สึกราวกับว่า ผู้เยี่ยมยุทธ์จากพิภพปักขีตรงหน้าเขาเป็นยันต์อักขระ ซึ่งไม่ว่าเส้นชีพจร จุดชีพจร อวัยวะภายในหรือกระดูก ล้วนเต็มไปด้วยเครื่องหมายและลายเส้นที่ลึกล้ำของการวาดยันต์อักขระ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]